นับถอยหลัง ส่งงานวิจัยคนไทย ทดลองใน ‘สถานีอวกาศ’
ดาวเทียมขนาดเล็กฝีมือคนไทย หุ่นยนต์สำรวจดวงดาว หรือแม้กระทั่งมนุษย์อวกาศคนไทยปฏิบัติหน้าที่บนสถานีอวกาศนานาชาติ
โดย...วีณา ยศวังใจ และปริทัศน์ เทียนทอง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ดาวเทียมขนาดเล็กฝีมือคนไทย หุ่นยนต์สำรวจดวงดาว หรือแม้กระทั่งมนุษย์อวกาศคนไทยปฏิบัติหน้าที่บนสถานีอวกาศนานาชาติ สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนความฝัน หรือหากมีจริงในปัจจุบันก็คงมีอยู่แค่ในจินตนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้น ทว่าในอนาคตอีกไม่ไกล ความฝันของคนไทยที่จะได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้านอวกาศกำลังจะกลายเป็นจริง
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทอภ. ร่วมมือกับองค์กรด้านอวกาศของต่างประเทศ จัดทำโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศในการสำรวจอวกาศและการทดลองทางวิทยาศาสตร์ภายใต้สภาวะไร้แรงโน้มถ่วงกับ โครงการอวกาศแห่งชาติ (National Space Experiment ; NSE) เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมส่งข้อเสนองานวิจัยขึ้นไปทดลองในอวกาศ เช่น บนสถานีอวกาศนานาชาติ ในส่วนของคิโบะ โมดูล ประเทศญี่ปุ่น โมดูลบริการซเวซดา ประเทศรัสเซีย หรือสถานีอวกาศเทียนกง 2 สาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมานานาประเทศต่างเริ่มให้ความสนใจงานวิจัยบนสถานีอวกาศมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านอวกาศ 5 หน่วยจากชาติต่างๆ ได้แก่ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA, สหรัฐอเมริกา) องค์การอวกาศสหพันธรัฐรัสเซีย (RKA, รัสเซีย) องค์การอวกาศแคนาดา (CSA, แคนาดา) องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA, ญี่ปุ่น) และองค์การอวกาศยุโรป (ESA, สหภาพยุโรป) ร่วมกันสร้างสถานีอวกาศนานาชาติ ห้องทดลองวิจัยถาวรขนาดใหญ่ที่สุดที่อยู่ในระดับวงโคจรของโลก เพื่อรองรับการทดลองด้านต่างๆ ได้แก่ ชีววิทยา ชีววิทยามนุษย์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และอุตุนิยมวิทยา เป็นต้น หรือแม้แต่ประเทศจีนก็ได้สร้างสถานีอวกาศของตัวเอง โดยล่าสุดส่ง สถานีอวกาศเทียนกง 2 ขึ้นสู่ห้วงอวกาศต่อจากเทียนกง 1 เพื่อเป็นห้องปฏิบัติการทางอวกาศลำดับที่ 2 ของจีนเรียบร้อยแล้ว
สำหรับงานวิจัยในอวกาศยกตัวอย่างเช่น ในส่วนของคิโบะ โมดูล ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในอวกาศ โดยมนุษย์แห่งแรกของญี่ปุ่นที่พัฒนาโดยองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (Japan Aerospace Exploration Agency : JAXA) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถานีอวกาศนานาชาตินั้นได้มีงานวิจัยเสร็จสิ้นไปแล้วหลายชิ้น อาทิ การศึกษาผลของสภาพไร้ความโน้มถ่วงที่มีต่อสิ่งมีชีวิต ด้วยการส่งสัตว์ชนิดต่างๆ ขึ้นไป เช่น ลิง สุนัข กบ และแมลง ปลาคิลลี่ฟิช แมลงสาบ ตัวอ่อนของมอด ตุ๊กแก และสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งความรู้ที่ได้จากการทดลองสามารถนำมาใช้ปรับปรุงการรักษากล้ามเนื้อกับสำหรับผู้พิการและผู้ป่วย การทดลองปลูกพืชบนสถานีอวกาศ เช่น ข้าว พืชผักสวนครัว ผักกาด หัวไช้เท้า กะหล่ำ ถั่ว เพื่อนำองค์ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์มาพัฒนาเทคนิคด้านเกษตรกรรม เทคนิคการเพาะปลูกแบบต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ แจ็กซายังให้ความสนใจในเรื่องการปลูกข้าวไทยบนอวกาศ เพื่อเป็นแหล่งอาหารนอกโลกสำหรับการดำรงชีวิตในอนาคตและกำลังศึกษาความเป็นไปได้จนถึงปัจจุบัน
ดร.กฤษฎ์ชัย สมสมาน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กล่าวว่า โครงการอวกาศแห่งชาติ (National Space Experiment ; NSE) นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมส่งข้อเสนองานวิจัยขึ้นไปทดลองในอวกาศ ซึ่งงานวิจัยที่สมัครเข้ามามีข้อกำหนดว่า ต้องเป็นงานวิจัยที่ไม่สามารถทดลองได้บนโลก ไม่ต้องการแรงดึงดูดของโลก และสามารถสร้างนวัตกรรมและต่อยอดอุตสาหกรรมอวกาศไทยได้ในอนาคต โดยหลังจากที่ได้ข้อเสนองานวิจัยจากผู้ที่สนใจส่งเข้ามาแล้ว จะมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ พิจารณาคัดเลือกงานวิจัยที่สอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าว และนำไปสู่การเสนอต่อองค์กรอวกาศของต่างประเทศ เพื่อคัดเลือกงานวิจัยที่น่าสนใจและเหมาะสมที่สุดส่งขึ้นไปทำการทดลองในสถานีอวกาศต่อไป
ดร.อัมรินทร์ พิมพ์หนู วิศวกรอวกาศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทอภ. กล่าวว่า ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก เพราะนับตั้งแต่การก่อตั้งสถานีอวกาศขอบเขตการศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ได้ขยายออกกว้างไกลมากขึ้น อันเป็นผลจากองค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการทดลองที่ดำเนินการในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำที่เกิดขึ้นในอวกาศ ดังนั้น การที่คนไทยสามารถส่งผลงานวิจัยขึ้นไปทดลองในสถานีอวกาศนานาชาตินั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะขยายขีดความสามารถและเปิดกว้างด้านการศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอวกาศของคนไทยได้มากขึ้น ช่วยให้เกิดจินตนาการอันกว้างไกล และนำองค์ความรู้หรือผลงานวิจัยที่ได้จากการทดลองในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำมาพัฒนาต่อยอดสู่เทคโนโลยีอวกาศของไทยได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถส่งข้อเสนอโครงการวิจัยได้ตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค. 2560 และสามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/nse หรือสอบถามทางอีเมล [email protected] และหมายเลขโทร.02-564-7000 ต่อ 1177
มาร่วมกันสร้างนวัตกรรมอวกาศสัญชาติไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีเทคโนโลยีอวกาศของโลกอย่างเต็มภาคภูมิ n
ข้อมูล : วิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org


