ยธ.เผยประชาชนร้องรื้อคดี 200 เรื่อง

"รองปลัด ยธ." เผย "คดี 4 ครูแพะ" ต้องการหลักฐานวิทยาศาสตร์ ก่อนเสนอศาลไต่สวนฟื้นคดี ระบุ มีเรื่องร้องลักษณะนี้เกือบ 200 เรื่อง

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีอดีตครูโรงเรียนบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ 4 คน เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอให้รื้ฟื้นคดี หลังถูกดำเนินคดีให้การเท็จเพื่อการช่วยเหลือนายชูศักดิ์ สุทธศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบึงของหลงวิทยา จำเลยในคดีอาญา และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางวัตถุพยานในการกระทำความผิด โดยศาลตัดสินจำคุกจำเลยทั้ง 4 คน เป็นเวลา 4 ปี ว่า เรื่องดังกล่าวที่แล้วทางกระทรวงยุติธรรมได้มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้พอสมควรแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ครูทั้ง 4 คน ยังอยู่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำ

พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า โดยเห็นข้อพิรุธและข้อบกพร่องหลายเรื่อง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ ทั้งผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุจริงๆ และวัตถุพยานอื่น จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไว้ หากเสร็จเรียบร้อยตามขั้นตอนก็จะส่งให้ศาลไต่สวนและขอรื้นฟื้นคดีต่อไป โดยขณะนี้คดีดังกล่าว เราต้องการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และเรื่องอื่นด้วย อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่าเรื่องนี้เราได้ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งตนกับทีมงานก็ได้ไปพบกับ ผบช.ภ.4 แล้ว ซึ่งท่านก็ได้มอบหมายให้รอง ผบช.ภ.4 ไปรับผิดชอบทีมงานของการสืบสวนด้วย

รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เพราะเหตุไหน ซึ่งทราบกันหรือไม่ว่าคำพิพากษาของศาลบอกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ก็เท่ากับว่าคดีนี้ยังอยู่ในอายุความ และจะต้องหาตัวผู้กระทำผิดคนใหม่ ซึ่งเราจะต้องหาคนร้ายตัวจริง ส่วนครู 4 คน ที่ศาลตัดสินจำคุกนั้น สืบเนื่องจากการให้การเท็จและการช่วยเหลือซุกซ่อนวัตถุพาน ซึ่งก็คือการช่วยเหลือผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านก็จะสงสัยว่าและมีความผิดอย่างไร แต่ถ้าภาษากฎหมายเราต้องดำเนินการตามกระบวนการของเราอยู่แล้ว ซึ่งเรายังมั่นใจในพยานหลักฐาน ส่วนระยะเวลาที่จะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่ศาลนั้น เรื่องระยะเวลาตนให้ความสำคัญเป็นอันดับรอง โดยเราต้องได้พยานหลักฐานที่สามารถนำไปสู่ศาลและเชื่อมั่นว่าศาลจะมีคำพิพากษาให้รื้อฟื้นคดีได้ เมื่อถึงวันนั้นตนก็จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีประชาชนเข้ามาร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมที่เป็นเรื่องคล้ายกับลักษณะนี้เยอะหรือไม่ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า สำหรับคดีที่เข้ามาให้กระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือและตรวจสอบนั้น ในเฉพาะส่วนของตนมีอยู่เกือบ 200 เรื่อง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาทำการรื้อฟื้นทั้งหมด บางเรื่องยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินคดีและยังไม่ถึงศาลฎีกาก็มี ซึ่งเราก็ต้องหาพยานหลักฐานใหม่ให้ บางเรื่องมันก็สามารถจบได้เร็ว เพราะได้รับความช่วยเหลือจากพนักงานสอบสวนและอัยการ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม มีหลายคดีมากที่อัยการกับพนักงานสอบสวนได้ช่วยเหลือเรา