ตามหาความจำที่หายไป
ในแต่ละปีคนหลายล้านคนทั่วโลกต้องประสบกับภาวะเสียความจำ ปรากฏการณ์ที่ยังเป็น ปริศนา
ในแต่ละปีคนหลายล้านคนทั่วโลกต้องประสบกับภาวะเสียความจำ ปรากฏการณ์ที่ยังเป็น ปริศนานี้อาจส่งผลให้ความจำเดิมพร่าเลือน และไม่สามารถบันทึกความจำใหม่ได้ แต่ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้วว่า ความจำที่สูญหายนั้นหายไปไหน และก้าวต่อไปก็คือ การกู้ความจำนั้นกลับมา
หมอถอนใจโล่งอกเมื่อ ปีเตอร์ สมิธ ฟื้นหลังศีรษะถูกกระแทกอย่างแรงเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ หมอแนะนำตัวกับสมิธและถามคำถามหลายข้อ สมิธตอบได้ว่า ตนชื่ออะไร เกิดเมื่อไหร่ และจำรายละเอียดของอุบัติเหตุได้ หมอได้ยินก็พอใจ เพราะแปลว่า ความจำของเขาไม่ได้รับผลกระทบ ระหว่างตรวจอาการต่อ หมอนึกขึ้นได้ว่าลืมไฟฉายจึงเดินออกไปหยิบ แต่เมื่อกลับมาที่ห้องอีกครั้งหมอพบว่า สมิธจำเธอไม่ได้ แถมยังลืมไปหมดแล้วว่าเมื่อสักครู่ได้คุยอะไรกับหมอบ้าง เมื่อเธอออกไป ตามหมอคนอื่นมาช่วยดูก็พบเหตุการณ์ซ้ำรอย คือสมิธจำเธอไม่ได้เลย หมอสองคนวินิจฉัยตรงกันว่า สมิธอยู่ในภาวะเสียความจำที่เกิดใหม่ (Anterograde Amnesia) คือไม่สามารถจำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสมองถูกกระทบกระเทือน การจำคือหน้าที่อย่างหนึ่งของสมองมนุษย์ที่ยากจะเข้าใจ ความทรงจำนั้นซับซ้อน ประกอบด้วย ชิ้นส่วนจำนวนมาก และจะขาดชิ้นหนึ่งชิ้นใดไปไม่ได้ เมื่อความจำล้มเหลวก็อาจแสดงอาการได้หลายแบบ บางคนลืมประสบการณ์ในวัยเยาว์ ขณะที่บางคนบันทึกความจำใหม่ไม่ได้ และลืมว่าเมื่อครู่ตัวเองทำอะไรอยู่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นักวิจัยพบคำตอบว่า ความทรงจำเกิดขึ้นได้อย่างไร และถูกเก็บไว้ที่ใดในหน่วยความจำของ สมอง และยังได้พบกุญแจที่จะช่วยไขปัญหาสำคัญที่ว่า เราจะกู้ความจำที่หายไปกลับคืนมาได้อย่างไร ศูนย์ความจำในสมอง ประสบการณ์หนึ่งๆ จะกลายเป็นความทรงจำก็ต่อเมื่อประสบการณ์นั้นถูกเก็บไว้ในเซลล์ประสาทสมอง โดยทั่วไปเนื้อหาของความทรงจำนั้นๆ เป็นตัวกำหนดว่าสมองจะเก็บมันไว้ตรงไหน เช่น คำกริยาในภาษาฝรั่งเศสอาจจะถูกเก็บไว้ในบริเวณโบคา (Broca’s Area) และบริเวณเวอร์นิกเคอ (Wernick’s Area) ในศูนย์ภาษาของสมอง ส่วนสูตรทางคณิตศาสตร์ก็จะพบได้ในสมองส่วนหลัง ในอดีตนักวิทยาศาสตร์เคยคิดกันว่าสมองส่วนฮิปโปแคมปัสคือที่อยู่ของความจำทั้งหมด แต่ปัจจุบันพวกเขารู้แล้วว่า ฮิปโปแคมปัส ทำหน้าที่คล้ายสารบัญของหนังสือ ถ้าสมองส่วนนี้ทำงานล้มเหลว เราจะหาความจำไม่พบ เวลาที่เราพยายามนึกหาคำ แล้วรู้สึกเหมือนคำตอบติดอยู่ที่ปากนั้น ก็เป็นเพราะสมองส่วนฮิปโปแคมปัสกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาคำตอบนั่นเอง มีบางวิธีช่วยให้สมองบันทึกข้อมูลได้ดีขึ้นในข้อมูลบางประเภท เช่น เมื่อมีคนแนะนำให้คุณรู้จักคนชื่อเบอร์ทา คุณช่วยให้สมองจำได้ดีขึ้นด้วยการเอ่ยชื่อเบอร์ทาซ้ำๆ เช่น ถามว่า “คุณทำงานอะไรครับ เบอร์ทา”
การทำงานของความจำระยะสั้นจะทำให้ภาพใบหน้าของเบอร์ทาผสานไปกับเสียงในหัวที่ทวนชื่อซ้ำไปซ้ำมา การพูดทวนทำให้คำนั้นคงอยู่ในความจำระยะสั้นครู่หนึ่ง และมีโอกาสมากขึ้นที่จะส่งต่อไปยังความจำระยะยาว ฮิปโปแคมปัส คือจุดแรกในความจำระยะยาวที่ข้อมูลมาหยุดพัก และความจำจะถูกเก็บไว้ที่นี่ชั่วคราว ขณะที่สมองส่วนนี้สั่งการให้เซลล์ประสาทในเปลือกสมองใหญ่บันทึกความจำนี้ไว้ตลอดชีวิต แต่ถ้าศีรษะของคุณได้รับความกระทบกระเทือนเหมือน ปีเตอร์ สมิธ สมองส่วนฮิปโปแคมปัสจะหยุดทำงาน ผลคือไม่มีข้อมูลใดเข้าถึงความจำระยะยาวได้ ความจำของคุณจะมีรูโหว่ขนาดใหญ่อยู่จนกระทั่งฮิปโปแคมปัสกลับมาทำงานอีกครั้ง
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ภาวะเสียความจำที่เกิดใหม่ (Anterograde Amnesia) และจะมีผลต่อความจำใหม่เท่านั้น แอลกอฮอล์ทำให้ความจำแย่ลง แลงดอน ในภาพยนตร์เรื่อง Inferno นั้น ต่างกับ ปีเตอร์ สมิธ ผู้ป่วยสมมติของเราตรงที่แลงดอนตื่นขึ้นพร้อมกับภาวะเสียความจำเก่า (Retrograde Amnesia) เขารู้ว่าตัวเองเป็นใครแต่จำเหตุการณ์ช่วง 2-3 วันก่อนหน้านั้นไม่ได้ แต่เมื่อเรื่องดำเนินต่อไปความจำของแลงดอนก็ค่อยๆ กลับมา ฉากนี้เผยให้เห็นสิ่งสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของความจำ นั่นคือความทรงจำที่หายไปกลับคืนมาได้เพราะมันไม่ได้ถูกลบทิ้ง เพียงแต่สมองของแลงดอนหาไม่พบเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวสงสัยว่าเป็นเพราะเขาถูกวางยาเบนโซไดอะซีพีนส์ หรือไดอะซีแพม (ชื่อทางการค้าคือแวเลี่ยม) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ความจำแย่ลง ในปี 2015
นักวิทยาศาสตร์เกาหลีใต้ทำการทดลองเพื่อแสดงให้เห็นว่า ยานี้มีฤทธิ์ดังกล่าวจริง โดยให้ผู้ป่วยจำชื่อและที่อยู่ของคนที่ไม่มีตัวตนจริง จากนั้นก็ให้ทุกคนกินยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีนส์ เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวเขาก็ถามข้อมูลที่บอกก่อนให้กินยา ผลคือใครกินยา เข้าไปมากความจำจะยิ่งแย่ แต่เมื่อยาสลายไปจากร่างกาย ความจำก็กลับมาเป็นปกติ ยังมีสารอีกหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ทำให้เกิดรูโหว่ชั่วคราวในความจำ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ แอลกอฮอล์ ในปี 2015 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมาสตริชต์ในเนเธอร์แลนด์ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์กับการเสียความจำ โดยเขาขอให้ลูกค้าของบาร์แห่งหนึ่งลองเล่นบทบาทสมมติวันต่อๆ มาเขากลับไปที่บาร์แห่งเดิมอีกและถามลูกค้ารายเดิมว่า จำอะไรได้บ้าง ผลปรากฏว่า ลูกค้าที่ดื่มมากถึง 9 แก้ว จำรายละเอียดได้เพียงร้อยละ 80 ของที่ผู้ดื่มเพียง 4 แก้วจำได้ ส่วนผู้ที่ดื่มหนักที่สุดคือ 17 แก้วนั้นลืมรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว
การทำงานของความจำ
กรณีสุดโต่งเผยให้เห็นการทำงานของความจำ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า สมองส่วนใดทำหน้าที่ควบคุมความจำ โดยศึกษาจากผู้มีอาการความจำรั่วและอาการตรงข้าม คือจำแม่นทุกรายละเอียด ทั้งนี้ภาวะเสียความจำ บางแบบมีความรุนแรงมากจนนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ลืมว่าตัวเองเป็นใครนานถึง 29 ปี
ในปี 1986 เอ็ดการ์ ลาทิวลิป ชายชาวแคนาดาวัย 21 ปี ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากศีรษะถูกกระทบกระเทือน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร และเนื่องจากเขาไม่ได้พกบัตรประจำตัวใดๆ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นใคร เอ็ดการ์ ลาทิวลิป ดำเนินชีวิตต่อไปโดยใช้ชื่อใหม่นานถึง 29 ปี จึงเริ่มจำเศษเสี้ยวความหลังของตัวเองได้ ทั้งนี้สมองของลาทิวลิปทำงานต่างกับสมองของคนทั่วไป โดยตอนที่เขาหายตัวไปนั้น เขามีความบกพร่องทางสติปัญญาขั้นปัญญาอ่อนขนาดหนัก
จำได้ทุกอย่าง
นิมา เวย์เซห์ ศิลปินและนักวิทยาศาสตร์ชาววอชิงตัน ดี.ซี. จำได้หมดว่า ในชีวิตเคยเจออะไรมาบ้าง ถ้าคุณสุ่มเลือกวันเดือนปีขึ้นมา 1 วัน เวย์เซห์สามารถบอกได้ว่า วันนั้นสภาพอากาศเป็นอย่างไร เขาสวมเสื้อผ้าอะไร และขณะขึ้นรถไฟไปทำงานเขาได้ที่นั่งหมายเลขอะไร นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ความผิดปกติที่เรียกว่า “ความจำเรื่องอัตชีวประวัติดีเลิศผิดปกติ” (HSAM) อย่างกรณีนี้เกิดจากอะไร แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจากความหมกมุ่นลืมทุกอย่างในอึดใจเดียว 29 ปี
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า สมองส่วนฮิปโปแคมปัสมีความสำคัญอย่างไรต่อความจำของมนุษย์ในปี 1953 เมื่อ เฮนรี่ มอเลสัน สูญเสียความจำหลังเข้าผ่าตัดรักษาโรคลมชัก หลังผ่าตัดความจำระยะสั้นของเขายังอยู่ครบ แต่พอเวลาผ่านไป 1 นาที โดยปกติความทรงจำจะเข้าไปถึงความจำระยะยาวแล้ว มอเลสันกลับลืมสิ้นทุกอย่าง


