posttoday

แจ๋วมหาภัย....เผลอเป็นฆ่า-ขโมย

02 กันยายน 2553

จะว่าไม่ควรไว้ใจสาวใช้ต่างด้าวก็ดูเหมือนไม่ให้ความเป็นธรรมกับบางคนที่ทำหน้าที่ดีแสนดี

จะว่าไม่ควรไว้ใจสาวใช้ต่างด้าวก็ดูเหมือนไม่ให้ความเป็นธรรมกับบางคนที่ทำหน้าที่ดีแสนดี

 

แจ๋วมหาภัย....เผลอเป็นฆ่า-ขโมย

แต่หลายคดีที่เกิดขึ้นก็ควรหยิบยกขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อความไม่ประมาท

คดีอาม่า เหยื่อเคราะห์ร้ายวัย 71 ปี หรือ “นางมาลี อู่วงศ์เจริญ” ที่ถูกพบเป็นศพในร้านชาญช่าง บ้านเลขที่ 21/4 แยกสี่กั๊กพระยาศรี แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. ซึ่งเปิดเป็นร้านทำบล็อกตรายาง โล่ ป้ายโลหะ สภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอน มือและเท้าทั้งสองข้างถูกไขว้หลัง โดยมีเศษผ้าถุงกับเทปกาวมัดไว้แน่นหนา สร้างความเศร้าสลดใจแก่ญาติ

เมื่อเหตุเกิดขึ้นในท้องที่ตำรวจนครบาล 6 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) สั่งการให้ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) พ.ต.อ.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผกก.สน.พระราชวัง ประสานงานฝ่ายสืบสวน ร่วมกับ กก.สส.บก.น.6 กก.สส.ภ.จว.นครปฐม และ ตม.จว.กาญจนบุรี ติดตามดำเนินคดีดังกล่าวอย่างเกาะติดเนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ

จนในที่สุดสามารถจับกุม นางเย ไม่มีนามสกุล อายุ 23 ปี ชาวพม่า ได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 122 หมู่ 1 บ้านช่องแคบ ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมของกลางเงินสด 10,450 บาท พระเลี่ยมทอง แหวนเพชร ต่างหู กำไลข้อมือ นางเยสารภาพสิ้นไส้ว่าได้ลงมือก่อเหตุเมื่อเวลา 01.30-02.00 น. ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นสาวรับใช้ที่บ้านผู้ตายมาแล้ว 11 เดือน

หลังจากนั้นได้ลาออกไปทำงานโรงงานลูกชิ้นที่ จ.ราชบุรี กับแฟนหนุ่ม ต่อมาแฟนออกจากโรงงานลูกชิ้นและกลับพม่า เธอจึงขอกลับมาทำงานที่บ้านผู้ตายอีกครั้ง คราวนี้กลับมาทำงานได้แค่เพียง 4 วันก็ก่อเหตุ

นางเย บอกอีกว่า ทุกวันอาม่าจะต้องรับประทานยานอนหลับ 2 เม็ด วันเกิดเหตุจึงแอบใช้ผ้ามัดมือและเท้า พร้อมใช้สกอตช์เทปปิดปาก และจับคว่ำหน้า ก่อนนำทรัพย์สินหลบหนีไป ไม่ได้เจตนาจะฆ่าให้ตาย โดยบ้านที่เกิดเหตุก็พักอาศัยอยู่กับอาม่าเพียง 2 คน โดยปกติรับเงินเดือนเดือนละ 4,500 บาท

ตรวจสอบทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาได้ไปมีทั้งสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง (เหรียญเจ้าพ่อเสือเลี่ยมทอง) แหวนเพชร 2 วง ต่างหูเพชร 1 คู่ รวมราคาประมาณ 1 แสนบาท

พล.ต.ท.สัณฐาน ยอมรับว่า คดีนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอุทาหรณ์เพราะลูกจ้างชาวพม่าเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง รายนี้ไม่ใช่รายแรก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ต้องหาอาจร่วมกับแฟนที่ชื่อ นายเต่า อายุประมาณ 28 ปี ก่อเหตุ ซึ่งจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมประสาน ตม.กาญจนบุรี เพื่อติดตามนายเต่ามาสอบสวน เนื่องจากสืบทราบว่าขณะนี้อยู่ที่พม่าแล้ว

ก่อนหน้านี้ก็เคยมีสาวใช้มหาภัยใจอำมหิต เอายาฆ่าหญ้าใส่กับข้าวให้เจ้านาย ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์จัดหางาน จัดหาแม่บ้าน พี่เลี้ยงเด็กและแม่ครัวไปทำงานตามบ้าน มีนางเพชรพญา โชคเฟื่อง อายุ 61 ปี เป็นเจ้าของ อาศัยช่วงสะลึมสะลือกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท กว่าตำรวจจะสะกดรอยล่าตัวมารับโทษได้ก็ต้องใช้เวลานานกว่า 3 เดือน

แต่ที่ต้องตะลึงเมื่อนำมาขยายผลคือ สาวใช้คนนี้ตระเวนก่อเหตุมาแล้วเป็นสิบๆ ราย บางรายวางยาเอาจนเกือบตาย

และเจ้าของบ้านบางคนแทบช็อกเมื่อฝากบ้านไว้กับคนใช้ ไว้ใจให้เฝ้าบ้านระหว่างไปเที่ยวต่างจังหวัด กลับมาจึงพบว่าคนใช้พาพวกมายกเค้าเกลี้ยง

พล.ต.ต.วิทยา เล่าถึงคดีสาวใช้พม่าฆ่าอาม่าว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนายจ้างรับสาวใช้ต่างด้าว และเมื่อผลที่ออกมาเป็นอาชญากรรมแล้วไม่คุ้ม

“คดีนี้เราตามตัวอยู่ 3 วัน เพราะว่าเดี๋ยวนี้เมื่อคนร้ายก่อเหตุไม่ได้ไปขึ้นรถหลบหนีที่สถานีขนส่งสายใต้เหมือนก่อนแล้ว แต่ว่าไปขึ้นรถตู้ ซึ่งคิดดูว่ารถตู้มีกี่ที่ คนร้ายขึ้นรถตู้หนีไปตั้งแต่ตี 4 กว่าเราจะรู้ก็ปาเข้าไปตอนเช้าแล้ว กว่าจะคลำไปเจอที่กาญจนบุรีได้ก็ตามหลังไปหลายวัน แต่ก็โชคดีที่คนร้ายยังไม่ออกไปประเทศเพื่อนบ้าน”

และจากการตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นที่ว่าแฟนหนุ่มของนางเยอาจจะมีส่วนรู้เห็นนั้น พล.ต.ต.วิทยา วิเคราะห์ว่า ในเบื้องต้นยังรีดข้อมูลไม่ถึงตรงนั้น อีกทั้งกล้องวงจรปิดในระยะ 500 เมตรก็ยังไม่ได้ภาพ

“แต่มันก็มีโอกาสที่จะทำคนเดียวได้เพราะอาม่าแกต้องรับประทานยานอนหลับทุกวัน วันละ 2 เม็ด ซึ่งแกอาจจะเป็นโรคนอนไม่หลับ ผมเองก็เคยรับประทานยานอนหลับไป 1 เม็ด ยังหลับไม่รู้เรื่อง แล้วนี่ 2 เม็ดก็แทบไม่ตื่นแล้ว เบื้องต้นก็เป็นไปได้ที่จะทำคนเดียวเพราะมีโอกาส เนื่องจากคนร้ายอยู่กับผู้ตายในบ้านเพียง 2 คน แต่ก็เช่นกันแฟนหนุ่มก็อาจจะมีส่วนก็ได้ แต่ตอนนี้เรายังรีดไม่ถึง”

โดยคดีนี้จะต้องดำเนินคดีกับนางเย ในข้อหาฆ่าชิงทรัพย์ และถึงแม้ว่าจะรับสารภาพ ก็ต้องติดคุกอย่างน้อย 20 ปี

พล.ต.ต.วิทยา เล่าย้อนไปว่า เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ในท้องที่จักรวรรดิ ก็เคยเกิดเหตุสาวใช้พม่าฆ่านายจ้างเหมือนกัน โดยเป็นคนใช้อยู่ที่ภัตตาคารตั้งใจอยู่ แล้วก็ฆ่าคนแก่เหมือนกัน เพียงแต่ต่างกันที่จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้

การจะไว้ใจใครให้มาดูแลบ้านเรานั้น นับวันสังคมเปลี่ยน คนเปลี่ยน การรับใครมาทำงานประเภทซื่อสัตย์เต็มที่ก็เริ่มหาได้ยากเต็มทน

อุทาหรณ์คดีนี้น่าจะเป็นตัวอย่างให้บรรดาเจ้าบ้านระมัดระวังและรอบคอบในการรับคนใช้มาทำงานอยู่ในเคหสถานของตัวเองมากขึ้น

แต่อย่าเหมารวมทั้งหมดว่าคนพม่าหรือต่างด้าวเลวร้ายไปเสียหมด ปลาเน่าตัวเดียวไม่ควรจะเน่าไปทั้งข้อง
 

 

ข่าวล่าสุด

ตรวจสอบ 5 วิธีย้ายโรงพยาบาล 'สิทธิประกันสังคม' วันนี้ - 31 มี.ค. 69