posttoday

ครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน

01 มกราคม 2560

ในช่วงนี้ผมและภวัฒน์ ต่างสอบถามหาความรู้ความเข้าใจของกงสีอื่นๆ ที่ลูกสาวแต่งงานไปอยู่และจากเพื่อนฝูง

โดย...ซิวซี แซ่ตั้ง

ในช่วงนี้ผมและภวัฒน์ ต่างสอบถามหาความรู้ความเข้าใจของกงสีอื่นๆ ที่ลูกสาวแต่งงานไปอยู่และจากเพื่อนฝูง เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับกงสีของผม ปัญหาส่วนใหญ่มาจากเรื่องเงินๆ ทองๆ มีหลายกงสีให้เงินเดือนต่ำจนทำให้พ่อลูกหรือพี่น้องแตกแยกกัน บางแห่งแตกออกมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ลูกหลานก็โกรธแค้นกันอีก บางแห่งมีปัญหาและแก้ไขกันเอง บางแห่งมีผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยไกล่เกลี่ย เช่น กงสีแห่งหนึ่งให้เงินเดือนลูกๆ น้อยมาก พอๆ กับเงินเดือนจ้างคนใช้ที่บ้าน เมื่อลูกไปขอเงินเพิ่มก็มักจะได้รับการปฏิเสธบ่อยๆ ว่า

“อะไรๆ ก็ใช้ของกงสีอยู่แล้ว ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ บ้านก็ไม่ต้องเช่า น้ำมันรถก็มาเบิกได้แล้วจะมาขอเพิ่มเงินเดือน อั๊วไม่ให้หรอก” ทำให้สมาชิกครอบครัวส่วนใหญ่มาเบิกเงินกงสีแทบทุกรายการ ตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียน เสื้อผ้า ผงซักฟอก สบู่ จนไปถึงอาหารสุนัข บางคนได้ บางคนไม่ได้ บางรายการได้ บางรายการไม่ได้ สมาชิกบางคนถึงกับขโมยเงินกงสีก็มี ทำให้พ่อแม่ ลูก ลูกสะใภ้ มีปัญหาระหองระแหงกันมาก จนต้องให้ผู้ใหญ่ที่นับถือมาพูดคุยกับผู้นำครอบครัว ให้ข้อคิดต่างๆ จนสุดท้ายต้องปรับเงินเดือนให้ลูกๆ เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับการใช้จ่ายส่วนตัว มีระบบระเบียบการเบิกเงิน พร้อมทั้งสั่งสอนลูกๆ ของครอบครัวนั้นให้รู้ค่าของเงิน ต้องซื่อสัตย์ขยันทำมาหากิน ช่วยกันสร้างกงสีให้เจริญ

บางกงสี พอแต่งลูกสะใภ้เข้าบ้านก็ให้เงินเดือนแค่ 500 บาท ทั้งที่ลูกสะใภ้จบปริญญาตรี และทำงานมาหลายปี คนจบปริญญาตรีในสมัยนั้นได้เงินเดือนประมาณ 2,500 บาท (ราวปี พ.ศ. 2524) เมื่อลูกสะใภ้เข้าไปช่วยงาน ได้เห็นว่าพี่น้องของสามีมีตั้ง 7 คน งานก็มีไม่มากเลยขอออกไปทำงานข้างนอก ต้องคุยกันนานเป็นปีกว่าจะจบ

“อั๊วมีลูกสะใภ้ ก็ต้องการให้มีคนมาดูแลอั๊ว ไม่ใช่ไปทำงานข้างนอก” แม่สามีกล่าวอย่างมีอารมณ์

“อั๊วจะจ้างคนมาดูแลหม่าม้าเอง ไม่ต้องกังวลว่าไม่มีคนดูแล” ลูกสะใภ้ตอบอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

สุดท้ายลูกสะใภ้ก็ออกไปทำงาน ได้เงินเดือน 4,000 บาท นอกจากจ่ายเงินค่าจ้างให้คนดูแลแม่สามีแล้ว ยังให้เงินแม่สามีอีกเดือนละ 500 บาท บอกว่าเป็นเคล็ดให้เงินพ่อแม่แล้วชีวิตจะดี แม่สามีก็ดีใจรักลูกสะใภ้คนนี้เป็นพิเศษ

คนไทยไม่น้อยที่มอบเงินเดือนเดือนแรกทั้งหมดให้พ่อแม่ เพื่อแสดงความกตัญญูและแสดงให้เห็นว่าเขาดูแลตัวเองได้แล้ว และพร้อมจะดูแลพ่อแม่ต่อไป

ภวัฒน์มักบอกว่าต้องให้น้องๆ หรือผู้ร่วมงานได้รับสิ่งต่างๆ เหมาะสมกับการครองชีพ และความต้องการพื้นฐานตามทฤษฎีมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of needs Theory) ซึ่งในทฤษฎีนี้แบ่งความต้องการของมนุษย์เป็นลำดับขั้น โดยขั้นแรกคือความต้องการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อากาศ อาหาร และยา

ขั้นที่สองคือความต้องการความมั่นคงปลอดภัย ขั้นที่สามคือต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ ขั้นที่สี่คือความต้องการได้รับการยกย่อง และสุดท้ายคือการรู้จักความสามารถของตัวเองและทำได้สุดความสามารถยังประโยชน์ให้ผู้อื่นและส่วนรวมได้เป็นอย่างดี

ผมฟังพอรู้เรื่อง ซึ่งภวัฒน์กับผมจึงให้เงินเดือนลูกพอๆ กับที่พวกเขาไปทำงานข้างนอก ทำให้ลดปัญหาด้านเงินๆ ทองๆ ลงไปได้มาก แล้วมาทุ่มเทกับการทำงานให้กงสีเต็มที่ กงสีของผมกำลังเติบโตต้องการลูกๆ ที่มีความรู้เข้ามาทำงานในช่วงวิกฤตปี พ.ศ. 2527 จนถึงปี พ.ศ. 2530 มีการลดค่าเงินบาทลง 17% เศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก ผมต้องนำเงินสะสมไว้ออกมาใช้ ซึ่งตอนนั้นมีเงินไม่กี่ล้านบาทมาจ่ายค่าจ้าง ค่าของ หนี้สินต่างๆ จนไม่มีเงินจ่ายค่าผ่อนบ้านที่ซื้อให้เป็นเรือนหอของภวัฒน์ ในหมู่บ้านทิพวัลหลายงวด จนเกือบถูกยึดบ้าน และปัญหาการเงินครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนกับเขาเหมือนกัน ผมได้รับเงินเดือนประมาณ 2 หมื่นบาท

ในปี พ.ศ. 2531 เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ระบบกงสีที่ให้ที่พัก อาหารการกิน และเงินเดือนก็เริ่มจะมีรถยนต์คันเล็กๆ ให้กับลูกที่ทำงานกับกงสีมาหลายปี ก่อนหน้านั้นจะใช้รถกระบะหรือรถเก๋งร่วมกัน โดยแบ่งกันใช้ ใครจะใช้ก็ไปขอกันเอง กับคนที่ใช้รถเป็นประจำในการทำธุรกิจครอบครัว ซึ่งก็เป็นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป พอซื้อรถคันใหม่ รถคันเก่าก็มาเป็นรถของส่วนรวมหรือไม่ก็ให้คนที่มีความจำเป็นไปเป็นคนใช้หลัก เหมือนหนังสือและเสื้อผ้านักเรียนสมัยลูกๆ อยู่ในวัยเรียน ซึ่งจะส่งต่อจากพี่สู่น้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะใช้ไม่ได้

ช่วงเศรษฐกิจดีขึ้น จึงรับคนภายนอกครอบครัวเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการ ซึ่งตำแหน่งแรกของธุรกิจผมคือ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ช่วงนี้ลูกๆ มีการพูดคุยกันมากในการสร้างกฎระเบียบการบริหารจัดการบุคคลในบริษัท ทั้งเรื่องเงินเดือน ค่าแรง ค่าอาหาร ชุดทำงาน สูตรการคำนวณโบนัส ตลอดจนรถยนต์ประจำตำแหน่งสำคัญ ทุกๆ 5-7 ปี รถคันเก่าก็ขายออกไป เพราะคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ราคารถเก่าเปรียบเทียบราคารถใหม่ ค่าซ่อมบำรุง และความปลอดภัยแล้วคุ้มค่ากว่าการใช้รถนานเกิน 7 ปี

(อ่านต่อฉบับวันอาทิตย์หน้า)

ข่าวล่าสุด

“ธรรมนัส” รับ ภูมิใจ ไทยเจ้าภาพจัดซีเกมส์ มอง คนไม่ทำงานไม่มีสิทธิ์วิจารณ์