posttoday

"ตม.เกาหลี"...ฝันร้ายของนักท่องเที่ยวกำมะลอ

12 ธันวาคม 2559

มาตรการตรวจคนเข้าเมืองสุดเข้มของเกาหลีใต้ หวังสกัดกั้นแรงงานเข้าไปทำงานผิดกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวไทยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล / ภาพ...เฟซบุ๊ก ข่าวสารจาก ตม. ตำรวจ เกาหลี & ไทย

เมื่อลองเสิร์ชคำว่า "ตม.เกาหลี"ในอินเตอร์เน็ต หลายคนคงได้รับรู้ถึงเสียงลือเสียงเล่าอ้าง กระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับมาตรการตรวจคนเข้าเมืองสุดเข้มงวดของประเทศเกาหลีใต้ บ้างว่าตม.เกาหลีโหดสุดๆ บางเสียงบอกเล่าถึงประสบการณ์เคยถูกกักตัว พร้อมสอบสวนอย่างละเอียดยิบ บางคนถึงขั้นถูกส่งกลับตัวประเทศทันที  

คำถามที่ทุกคนสงสัยและอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจคือ เกิดอะไรขึ้นกับนักท่องเที่ยวไทยที่ไปเที่ยวเกาหลีใต้ ทำไมถึงเข้ายาก ตม.เกาหลีมีปัญหาอะไรกับคนไทยหรือเปล่า

ย้อนรอยกระแส"ขุดทอง"แดนโสม

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2531 แรงงานชาวไทยเริ่มหลั่งไหลเข้าไปทำงานอย่างเกาหลีใต้อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากค่านิยมของคนเกาหลีใต้มักจะเข้าทำงานในองค์กรใหญ่ทันสมัย ส่งผลให้สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กประสบกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน

"งานส่วนใหญ่ที่แรงงานไทยเข้าไปทำคือ งานประเภท 3D ประกอบด้วย งานยากลำบาก (Difficult) งานสกปรก (Dirty) งานเสี่ยงอันตราย (Dangerous)  เช่น เกษตรกรรม ขุดดินขุดหญ้าตั้งแต่เช้าจรดเย็น ต้องไปยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวๆ งานไซต์ก่อสร้าง โรงงานหลอมโลหะ รายได้ตกราวๆ 30,000-40,000 บาท คราวนี้คนที่เคยไปพอกลับเมืองไทยก็ชักชวนเพื่อนๆไปทำบ้าง 'เฮ้ย ไปเลย อากาศดี ภูมิประเทศสวยงาม เงินดี มีความสุข เหมือนขึ้นสวรรค์' --- นี่จึงเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการบอกกันปากต่อปาก"รศ.ดำรงค์ ฐานดี ผอ.ศูนย์เกาหลีศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าว

ปีพ.ศ.2547 รัฐบาลเกาหลีใต้เห็นชอบให้ใช้ระบบอนุญาตทำงาน (Employment Permit System:EPS) โดยอนุญาตให้ 15 ประเทศจัดส่งแรงงานไปทำงานที่เกาหลีใต้ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา มองโกเลีย จีน อุซเบกิสถาน ปากีสถาน กัมพูชา เนปาล เมียนมา คีร์กิซสถาน บังคลาเทศ และติมอร์ตะวันออก ปัจจุบันโควต้าของแรงงานไทยที่ได้รับอนุญาตให้ไปทำงานอยู่ที่จำนวน 24,244 คน

"ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแรงงานไทยในเกาหลีก็คือ เรื่องการสื่อสาร แรงงานไทยส่วนใหญ่พูดภาษาเกาหลีไม่ได้ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง บางคนปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมไม่ได้ อากาศหนาว งานหนักเกินไปทำไม่ไหว จะขอย้ายงานเปลี่ยนงานก็ไม่ได้ สุดท้ายเลยหาทางออกด้วยการทิ้งงานหนีไปเป็นแรงงานผิดกฎหมาย"

"ตม.เกาหลี"...ฝันร้ายของนักท่องเที่ยวกำมะลอ

ไปแล้วไม่ยอมกลับ ...ด้านมืดของคนไทยในเกาหลี

กระแสปากต่อปากชักชวนกันไปทำงานในเกาหลี เนื่องจากรายได้ดี บวกกับรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเกาหลีใต้มีข้อตกลงยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวจำนวน 90 วัน สามารถไปเที่ยวเกาหลีใต้และอยู่ได้ 90 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า ทั้งหมดนี้กลายเป็นช่องโหว่ให้คนไทยบางกลุ่มลักลอบเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย

"ช่องโหว่ที่ฮิตที่สุดคือ การท่องเที่ยว โดยปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวขึ้นเครื่องบินมากับทัวร์ สุดท้ายพอเข้าประเทศได้ก็ไม่ยอมกลับ ทำตัวเป็นโรบินฮู้ด พวกนี้พอไปลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมายก็มักจะถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ ใช้งานหนัก ชั่วโมงการทำงานนาน แถมให้ค่าแรงน้อยนิด สุดท้ายทนไม่ไหวก็ลาออก หนีไปก่ออาชญากรรมลักจี้ชิงปล้น เป็นผลเสียต่อสังคมเขาอีก ทีนี้พอเกิดปัญหา เขาก็เลยปิดช่องโหว่ตรงการท่องเที่ยว ใครมีตั๋วมาแต่ไม่มีตั๋วกลับ ตอบคำถามเขาไม่ได้ว่ามาทำอะไร จะไปที่ไหนบ้าง เอกสารหลักฐานประจำตัวไม่ชัดเจน คนเหล่านี้ก็เลยถูกกัก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ติดแบล็คลิสต์ไว้ว่าต้องดูแลจับตาเป็นพิเศษ"

สอดคล้องกับสถิติของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ เมื่อเดือนมี.ค.2559 ระบุว่า มีคนไทยพำนักอย่างผิดกฎหมาย  52,435 คน คิดเป็น 48.1 % ของคนไทยที่พำนักอยู่ในเกาหลีใต้ทั้งหมด 90,235 คน นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ปี 2558 มีคนไทยถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศทันทีที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง  20,017 คน และอีก 8,733 คน ถูกส่งกลับเนื่องจากถูกจับกุมข้อหาอยู่เกินเวลาที่กำหนดและลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย นับเป็นอันดับหนึ่งของประเทศที่เกาหลีใต้ปฏิเสธไม่ให้เข้าเมืองมากที่สุด

"ถามว่าเป็นไปได้ไหม หากเกิดวิกฤตเยอะๆแล้วทางการเกาหลีจะเลิกยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ ผมมองว่าการท่องเที่ยวนั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีคือนักท่องเที่ยวเอาเงินมาให้ ผลเสียคือมีคนลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ดังนั้นทุกประเทศจึงมีการชั่งน้ำหนัก ยกตัวอย่างเช่นญี่ปุ่น แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยคิดถึงการท่องเที่ยว แต่พอเศรษฐกิจไม่ดี จึงอะลุ้มอล่วย ทำข้อตกลงกับหลายประเทศโดยยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่า เพราะเขาบวกลบคูณหารแล้วว่า การท่องเที่ยวมีความสำคัญกว่า แต่ขณะเดียวกัน ถ้ามีปัญหาตามมามากๆ ดูสถิติแล้วพบว่ามีเรื่องเดือดร้อนเยอะ ก็มีสิทธิ์ที่จะยกเลิกไม่ต้องทำวีซ่าเหมือนกัน แต่ตอนนี้การท่องเที่ยวยังมีความจำเป็น ก็เดินหน้าต่อไป"ผอ.ศูนย์เกาหลีศึกษา ม.รามคำแหง กล่าว

"ตม.เกาหลี"...ฝันร้ายของนักท่องเที่ยวกำมะลอ

"บริษัททัวร์-ไกด์-นักท่องเที่ยวน้ำดี"...แพะรับบาป

ผึ้ง หัวหน้าทัวร์เกาหลีของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง เล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังว่า

"เรื่องเกิดจากกระแสบอกต่อกันในหมู่คนไทยทางภาคอีสานว่า มีคนในหมู่บ้านไปทำงานที่เกาหลีแล้วได้เงินเดือนเยอะ มีเงินเก็บก้อนใหญ่กลับบ้าน คนที่ได้ยินก็อยากไปบ้าง เพราะคนมาชวนเขาฮาร์ดเซลล์มากๆ ยิ่งกว่าโฆษณาชวนเชื่ออีก วิธีที่ใช้เข้าประเทศเกาหลีที่ง่ายที่สุดก็คือไปในฐานะนักท่องเที่ยว ทางเครื่องบิน เพราะประเทศเกาหลีไม่ต้องทำวีซ่า อยู่ได้นานถึง 90 วัน นายหน้าหลายคนเปิดบริษัททัวร์บังหน้า ลักลอบนำคนเข้าเกาหลี จ่ายตังค์ปุ๊บ เขาจะแนะนำเลยว่า ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวยังไงให้ดูเหมือนนักท่องเที่ยว เดี๋ยวนี้ตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีถูก ทัวร์เกาหลีก็ถูก ไม่ยากเลยที่จะเก็บเงินซื้อทัวร์มาเที่ยวแล้วก็ชิ่งไปทำงาน มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง"

หัวหน้าทัวร์สาวสวยรายนี้ บอกต่อว่า เคยมีลูกค้ารายหนึ่งมาซื้อทัวร์กับบริษัท เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีเรียบร้อยแล้ว ทว่าพอไปถึงกรุงโซล เที่ยวได้เพียงสองวันก็มีคนแปลกหน้ามารับตัวไปตอนกลางคืน แล้วไม่กลับมาอีกเลย

"บริษัททัวร์ไม่สามารถสกรีนคนจากการแต่งตัวได้ เขานัดหมายกันล่วงหน้าแล้ว ซื้อทัวร์บังหน้า คิดว่าผ่านง่าย พอถึงกำหนดกลับก็ไม่กลับกับทัวร์ ทั้งที่ตั๋วซื้อแบบกลุ่มระบุจำนวนชัด แบบนี้บริษัททัวร์ก็จะซวยไปด้วย เจอแบล็คลิสต์ มาคราวหน้าอาจเจอเรื่องยุ่งยาก ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ ลูกค้าที่ซื้อทัวร์ไปเกาหลีกับเรา แล้วบังเอิญถูกซักถาม ถูกเรียกเข้าห้องสอบสวน สุดท้ายถูกปฏิเสธไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ พูดง่ายๆคือ นักท่องเที่ยวตัวจริงพลอยซวยไปด้วย แล้วเขาจะมาฟ้องร้องค่าเสียหายจากเราทีหลัง เดี๋ยวนี้หลายบริษัทจึงวางกฎไว้เลยว่า จะไม่การันตีว่าคุณจะผ่านตม.เข้าประเทศเกาหลีได้หรือไม่ เพราะการเข้าประเทศได้เป็นดุลยพินิจของตม.เกาหลี เขามีบันทึกไว้หมดว่า คนไหนเคยมาแล้วไม่ยอมกลับในระยะเวลาที่กำหนด คนไหนประวัติเสีย ทุกวันนี้เจอตรวจเข้มงวดหมดทุกคน ไม่รู้ว่าเพราะจำนวนคนหลบหนีเข้าเมืองมันเยอะหรือเปล่า ทำให้ช่วงที่โดนสอบสวน เจ้าหน้าที่ตม.เกาหลีพูดจาไม่ดี ปฏิบัติไม่ดีกับนักท่องเที่ยว"

"ตม.เกาหลี"...ฝันร้ายของนักท่องเที่ยวกำมะลอ

อย่าทำเสียชื่อเสียงประเทศ

แนวทางการแก้ไขปัญหาการเดินทางลักลอบไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ รศ.ดำรงค์ มองว่า โรงเรียนสอนภาษาเกาหลีที่เปิดอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมีส่วนสำคัญในการสร้างทัศนคติที่ดีต่อนักเรียน

"สิ่งที่ผมกังวลคือ ครูสอนภาษาเกาหลีทั้งหลาย ส่วนใหญ่จะพูดแต่เรื่องดีๆ เพราะต้องการลูกค้า โฆษณาชวนเชื่อเต็มที่ สรรเสริญเยินยอเกาหลีอย่างโน้นอย่างนี้ กลายเป็นแรงจูงใจให้คนเรียนไปบอกต่อญาติพี่น้องว่าไปแล้วดี ไปแล้วรวย คนไทยก็อยากจะไปเสี่ยงโชค

"ผมอยากฝากถึงครูอาจารย์ที่สอนภาษาเกาหลีว่า อยากให้ปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น อธิบายเรื่องข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเกาหลี-ไทยเป็นยังไง โทษของการเป็นแรงงานผิดกฎหมายจะต้องโดนอะไรบ้าง การเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจะต้องเผชิญวิบากกรรมอะไรบ้าง ทั้งถูกนายจ้างโกงค่าแรง เอาเปรียบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานของไทยพูดกันมาเยอะแล้วเรื่องบทลงโทษของการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่สื่อมวลชน มหาวิทยาลัย บริษัททัวร์ ควรพูดถึงมุมมองที่เป็นกลาง ข้อดีข้อเสีย พยายามชี้แจงให้ชัดเจนถึงข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าห้ามไปเด็ดขาด แต่ไม่อยากให้พูดแต่สิ่งที่ดีๆเพื่อชักชวนคนไปเที่ยวอย่างเดียว ควรให้ความรู้ประชาชนด้วยข้อเท็จจริงด้วย"

สำหรับบทลงโทษแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายจะไม่สามารถเดินทางเข้าเกาหลีใต้ได้อีก และต้องเสียค่าปรับตามระยะเวลาที่เกินกำหนด 90 วัน คือ กรณีผิดกฎหมาย 1 เดือน ปรับ 100,000 วอน (3,333 บาท) 1-3 เดือน ปรับ 1,500,000 วอน (50,000บาท) 3-6 เดือนปรับ 2,000,000 วอน (66,666 บาท) และ 6 เดือน ถึง 1 ปี ปรับ 4,000,000 วอน (133,333 บาท)

ใครคิดจะไปแสวงโชค ขุดทองในเกาหลีใต้คงต้องคิดให้ดี ควรเดินทางไปทำงานอย่างถูกกฎหมาย และเดินทางกลับเมื่อครบกำหนดสัญญาจ้าง หากอาศัยอยู่หรือทำงานแบบผิดกฎหมายจะถูกปรับเงิน ถูกห้ามเข้าประเทศอีก ทั้งยังส่งผลเสียต่อแรงงานไทยในอนาคตและภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย

"ตม.เกาหลี"...ฝันร้ายของนักท่องเที่ยวกำมะลอ