กรมศิลป์จะฉลอง 250 ปี กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร
กรมศิลปากร เตรียมฉลอง 250 ปี กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร พ.ศ. 2560 อย่างยิ่งใหญ่ โดยภาคเอกชน
โดย...สมาน สุดโต
กรมศิลปากร เตรียมฉลอง 250 ปี กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร พ.ศ. 2560 อย่างยิ่งใหญ่ โดยภาคเอกชน เช่น ดำรง พุฒตาล ในนามชาวอยุธยา ก็เตรียมจัดงานการเสียกรุงเป็นคู่ขนานในปีเดียวกันด้วย
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมฉลอง 250 ปี กรุงธนบุรีศรีมหาสมุท 2560 จึงจัดเสวนา เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2559 ที่อาคารดำรงฯ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อระดมสมองและความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ มาเติมเต็มการฉลองในปีหน้าให้มีสีสันและมีความหมายยิ่งขึ้น โดยเชิญ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ มาปาฐกถาพิเศษ และ ดำรง พุฒตาล องอาจ บุญการี น.ต.สหัสชัย มหาวีระ อรวรรณ ทรัพย์พลอย ร่วมวงเสวนาตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงวัน ท่ามกลางผู้สนใจคับคั่ง
อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้กล่าวเปิดเสวนาโดยขอให้ผู้ร่วมเสวนาเสนอความคิดเห็น เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมให้ประชาชนมีส่วนร่วม และสำนึกในวีรกรรมของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีว่าทรงเสียสละเพื่อชาติ และศาสนา จนเป็นเอกลักษณ์ของไทยได้อย่างไร
ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง 250 ปี กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร ดร.สุเนตร คณบดีคณะบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ในความเข้าใจของคนทั่วไป คือ ผู้สร้างวีรกรรมให้ชาติไทยในการกู้เอกราช หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเมื่อ พ.ศ. 2310 สมัยพระเจ้าจักรพรรดิ ต่อเนื่องสมเด็จพระมหินทร์
เมื่อพูดถึงเอกราช ดร.สุเนตร บอกที่ประชุมว่า เอกราช คือ เอกราชา มีราชาเพียงองค์เดียวปกครอง คำนี้มาคู่หรือตรงกันข้ามกับคำว่าประเทศราช หรือ ประเดสะราชา หมายความว่า ไม่เป็นเอกราชา จึงต้องส่งส่วยบรรณาการแก่ประเทศอื่นๆ
กรุงศรีอยุธยาตกอยู่ทั้งสองสถานะ สมัยพระเจ้าอู่ทอง ตั้งแต่ พ.ศ. 1893 ถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิต่อเนื่องด้วยสมเด็จพระมหินทร์ พ.ศ. 2112 ดำรงความเป็นเอกราช เมื่อเสียกรุงจึงตกเป็นประเทศราชพม่า จนถึง พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรได้กู้ชาติ จึงกลับเป็นเอกราชอีกครั้ง
กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองมา 175 ปี ถึงสมัยพระเจ้าเอกทัศ (พ.ศ. 2310) ตกเป็นของพม่าครั้งที่ 2 ครั้งนี้พม่ากะลบอยุธยาออกไปเลย
สร้างศูนย์อำนาจใหม่
เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สร้างวีรกรรมกู้ชาติกลับคืนมาได้ โดยนักประวัติศาสตร์กล่าวว่าเป็นการกู้เอกราชนั้น ดร.สุเนตร ถามว่า กู้เอกราชจากใคร ในเมื่อพม่าทำลายอยุธยาเสียสิ้น เผาบ้านเผาเมือง เมื่อชนะศึกแล้วก็ไม่ตั้งใครเป็นกษัตริย์ปกครองในฐานะประเทศราช นอกจากตั้งสุกี้พระนายกอง คุมกำลังพลที่โพธิ์สามต้นเพื่อเก็บทรัพย์สินอยุธยาโดยมีข้าราชการไทยให้ความร่วมมือด้วย
วีรกรรมของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงไม่ใช่กอบกู้เอกราช เพราะไม่มีให้กู้ วีรกรรมคือการสถาปนาศูนย์อำนาจขึ้นใหม่ แต่กว่าจะสถาปนาได้ ต้องมีปณิธานแน่วแน่ว่า จะแก้กรุงเทพมหานคร ทั้งบวรพุทธศาสนา
หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งว่า ...แลพ่ออุตสาหะทรมานเที่ยวทำสงครามมาทั้งนี้ ใช่จะจงพระทัยปรารถนาหาความสุขแต่พระองค์ผู้เดียวหามิได้ อุตสาหะสู้ยากลำบากพระกาย ทั้งนี้เพื่อจะทำนุบำรุงพระศาสนา ให้สมณชีพราหมณ์ประชาราษฎร์เป็นสุขทั้งขอบขัณฑเสมา เพื่อมิให้มีคนอาสัจจาธรรม... นี่คือเจตนารมณ์ที่ทรงทำ ซึ่งนำมาสู่การฟื้นกรุงศรีอยุธยา
หลังจากกำชัยชนะในการตีจันทบุรีได้เสบียงมาเพียบ ก็ยกทัพมาตีโพธิ์สามต้น ทหารพม่าที่มีหยิบมือหนึ่งก็หนีกระเจิดกระเจิง ส่วนคนไทยที่หนีสงครามไปหลบในป่าในดง พากันอพยพกลับเข้าเมือง นำข้าวสาร เสบียงอาหารมาขาย ทำให้แก้ปัญหาทุพภิกขภัย ที่มีคนหิวโหย อดตาย จนศพกองเป็นภูเขาไปได้
นอกจากนั้น เพื่อความเป็นเอกภาพและป้องกันพม่าบุกอีก สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ไปสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเมืองเชียงใหม่ ป้องกันไม่ให้เป็นทางผ่านทัพมาลงตีอยุธยาต่อไป
ถึงกระนั้นก็ยังเจอศึกพม่าที่เข้ามาทางด่านเจดีย์ 3 องค์ เกิดการรบพุ่งที่ค่ายบางกุ้ง จ.สมุทรสงคราม (พ.ศ. 2311) ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็ทรงมีชัยเช่นกัน นอกจากนั้นอะแซหวุ่นกี้ เป็นแม่ทัพพม่า ได้ยกทัพมาตีพิษณุโลก ใน พ.ศ. 2318 อีกครั้ง แต่ถอยทัพกลับเพราะพระเจ้ามังระสวรรคต
ดร.สุเนตร สรุปว่า เมื่อแก้ปัญหาทั้งศึกนอกศึกในได้ราบคาบ วีรกรรมของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ควรจารึก คือสถาปนาศูนย์กลางอำนาจของรัฐไทยขึ้นสืบต่อจากอยุธยาได้เป็นผลสำเร็จ เป็นรากฐานให้เกิดกรุงเทพฯ ที่เติบโตตามมาอีกเกินกว่า 200 ปี นับว่านี้เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ที่ได้มาด้วยความอุตสาหะพยายามอย่างยากลำบาก
ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงประวัติศาสตร์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่บอกว่าพระองค์ทรงกอบกู้เอกราช ไปดูหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็จะให้ข้อเท็จจริงคนละเรื่องกัน ซึ่งมีความสำคัญมาก ถ้าหากไม่มีสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่มีพระราชปณิธานที่จะสถาปนากรุงธนบุรี ขึ้นแทนอยุธยาแล้ว ท่านจินตนาการเอาเองว่าประเทศไทยวันนี้จะเป็นอย่างไร
จะเปิดเอกสารประวัติศาสตร์ใหม่
ในวงเสวนา ที่ดำเนินรายการโดย ราศี บุรุษรัตนพันธุ์ นั้น ดำรง วิทยากร กล่าวว่า
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ มีพระอัจฉริยภาพในการทำศึกสงคราม จึงสมควรที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ในรัชสมัยของพระองค์กันใหม่ เพื่อจัดงานเฉลิมฉลอง 250 ปี แห่งการสถาปนากรุงธนบุรี ให้ยิ่งใหญ่ ร่วมกับงานรำลึก 250 ปี แห่งการเสียกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นบทเรียนในการพัฒนาและให้ความรู้แก่เยาวชน และสร้างความเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้าน แทนที่ความเป็นศัตรูในอดีต
องอาจ เสนอให้ศึกษาวันเดือนปีของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏในพระราชพงศาวดาร และแปลงจากวันทางจันทรคติให้เป็นวันทางสุริยคติ เพื่อให้ทราบระยะเวลาและระยะทางในการเดินทัพ ตลอดจนวันที่เสด็จฯ ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น
น.ต.ดร.สหัสชัย สนอว่า ควรจะมีการศึกษากำแพงเมืองของกรุงธนบุรี ให้ชัดเจนว่ามีอาณาเขตเท่าใด
อรวรรณ หัวหน้ากลุ่มประวัติศาสตร์ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ แนะนำผู้เข้าร่วมประชุมศึกษาเอกสารที่สำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี คือ หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร ซึ่งจัดพิมพ์รวม 82 ภาค
นอกจากนี้ ในวาระครบ 250 ปี แห่งการสถาปนากรุงธนบุรี กรมศิลปากร โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ได้ดำเนินการแปลและจัดพิมพ์บันทึกของ ดร.เจ. จี. โกนิก แพทย์ชาวเยอรมัน ซึ่งเดินทางเข้ามาในสมัยธนบุรี นับเป็นการเปิดเอกสารประวัติศาสตร์ใหม่ที่น่าสนใจ และจะมีโครงการสัมมนาเกี่ยวกับหลักฐานประวัติศาสตร์สมัยธนบุรีในสายตาของชาวต่างชาติ ในราวเดือน มี.ค. 2560 ส่วนกองโบราณคดีก็จะมีโครงการสัมมนาเกี่ยวกับการขุดค้นโบราณสถานในเขตธนบุรี ในราวเดือน พ.ค. 2560 เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนด้วย
พ.ศ. 2560 จะมีการฉลองกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรยิ่งใหญ่ แม้ว่าชื่อนั้นหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไทยแล้วก็ตาม


