posttoday

ศึกชี้ชะตาอนาคตพญาอินทรี ทรัมป์-ฮิลลารีสูสีจนหยดสุดท้าย

08 พฤศจิกายน 2559

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐล่วงหน้าจบลงไปแล้ว ซึ่งมีผู้ไปใช้สิทธิก่อนมากถึงราว 42 ล้านคน ก่อนการเปิดคูหาจริง 8 พย.

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐล่วงหน้าจบลงไปแล้ว ซึ่งมีผู้ไปใช้สิทธิก่อนมากถึงราว 42 ล้านคน ก่อนการเปิดคูหาจริงในวันนี้ โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า กลุ่มฮิสแปนิกหรือชาวละตินอเมริกาออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในรัฐฟลอริดาที่เป็นรัฐที่มีการแข่งขันสูงสุดและสำคัญมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งเป็นเดิมพันมากถึง 29 เสียง

ทีมหาเสียงของฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ประเมินว่า กลุ่มฮิสแปนิกออกไปใช้สิทธิเพิ่มขึ้นในรัฐฟลอริดามากถึง 139% เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2012 โดยกลุ่มดังกล่าวนับเป็นฐานเสียงของฮิลลารี

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ระบุว่า แม้กลุ่มฮิสแปนิกจะออกไปใช้เสียงเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มชาวผิวดำ ซึ่งเป็นฐานเสียงของฮิลลารีเช่นกัน กลับมีแนวโน้มไปใช้สิทธิล่วงหน้าน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2012 และในทางกลับกัน กลุ่มชาวผิวขาวออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มฮิสแปนิกเสียอีก

วอชิงตันโพสต์ พบว่า จำนวนชาวผิวขาวที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากขึ้นทั้งรัฐฟลอริดา รวมถึงแอริโซนาและนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งต่างเป็นรัฐที่มีการแข่งขันสูงด้วยคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 11 และ 15 เสียง ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มชาวผิวดำออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าลดลงในรัฐโคโลราโด เนวาดา และนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งก็ต่างเป็นรัฐที่มีการแข่งขันสูง โดยรัฐโคโลราโดและเนวาดาต่างเป็นรัฐที่มีแนวโน้มเอียงไปพรรคเดโมแครตในระดับปานกลางและมีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 9 และ 6 เสียงตามลำดับ

แม้ลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจะไม่ได้ชี้ชัดแนวโน้มการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ทั้งหมด เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้สูสีมาก อย่างไรก็ตาม ลักษณะทางประชากรศาสตร์ก็ส่งอิทธิพลต่อการเลือกตั้งมาโดยตลอด

แซม โปโตลิกชิโอ ผู้เชี่ยวชาญจากคณะนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ยกตัวอย่างว่า หากฐานเสียงของฮิลลารี ซึ่งประกอบด้วยฮิสแปนิก คนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18-34 ปี ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน ชาวผิวดำ และผู้มีการศึกษา ออกไปใช้สิทธิน้อยกว่าฐานเสียงของทรัมป์ เช่น ชาวผิวขาวที่ไม่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญา จะส่งผลให้ทรัมป์มีแนวโน้มชนะมากขึ้น

นอกจากนี้ ฐานเสียงของฮิลลารี เช่น ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน ยังมีขนาดน้อยกว่าสมัยของประธานาธิบดี บารัก โอบามา ที่ราว 36% ต่อ 25% อีกด้วย ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นฐานเสียงขนาดใหญ่ของโอบามา ยังไม่นิยมผู้สมัครทั้งคู่ และอาจหันไปเลือกพรรคอื่น เช่น แกรี จอห์นสัน จากพรรคเสรีนิยม และจิลล์ สเตน จากพรรคกรีน

ศึกชี้ชะตาอนาคตพญาอินทรี ทรัมป์-ฮิลลารีสูสีจนหยดสุดท้าย

"สวิงสเตท" ระอุ

“รัฐที่สำคัญที่สุดคือฟลอริดาและนอร์ทแคโรไลนา ถ้าฮิลลารีชนะทั้งคู่ ตำแหน่งประธานาธิบดีจะไปอยู่ในมือเธอ แต่ถ้าเธอแพ้ทั้งคู่ ผมคิดว่าเธอจะแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้” จอห์น คริสโตเฟอร์ แกรนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งจากมหาวิทยาลัยเมอร์เซอร์ กล่าว

การเปิดเผยดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นรัฐที่มีการแข่งขันสูงและยังไม่เอนไปข้างใดข้างหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดหรือสวิงสเตท โดยโพลของซีบีเอส พบว่า ทรัมป์และฮิลลารีมีคะแนนเท่ากันที่ 45% ในรัฐดังกล่าว ขณะที่เว็บไซต์ข่าวสารแวดวงการเมือง ไฟว์เธอร์ตี้เอท ประเมินว่า ทรัมป์จะชนะในรัฐฟลอริดาอย่างฉิวเฉียด 0.1% เท่านั้น

สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ในปี 2012 โอบามาเฉือนเอาชนะ มิตต์ รอมนีย์ จากรีพับลิกันไปเพียง 0.7% เท่านั้น โดยในบางพื้นที่ของฟลอริดา เช่น เมืองดูวัล เป็นพื้นที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวและคาดว่าทรัมป์จะชนะเสียงในส่วนนี้อย่างฉิวเฉียดเหมือนสมัยจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เมื่อปี 2004 และมิตต์ในปี 2012 อย่างไรก็ตาม ในฮิลส์โบโรมีประชากรชาวฮิสแปนิกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ฮิลลารี

นอกจากรัฐฟลอริดาแล้ว ในผลสำรวจของรอยเตอร์ส/อิปซอส พบว่าในรัฐมิชิแกน ซึ่งมีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง ทั้งคู่มีคะแนนความนิยมเท่ากันที่ 43% ต่อ 43% ขณะที่ด้านนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งมีคะแนนเสียงคณะเลือกตั้งเป็นเดิมพัน 15 เสียงนั้น ทรัมป์นำอยู่เล็กน้อยเพียง 1% เท่านั้น ตรงกันข้ามกับรัฐไอโอวา ที่มีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 6 เสียง ฮิลลารีนำอยู่ 1%

ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 15% จากปี 2012 อยู่ที่ 3.1 ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้ลงทะเบียนสนับสนุนเดโมแครต 9.89 แสนคน และรีพับลิกัน 8.08 แสนคน

ขณะที่ในรัฐที่ยังคงไม่โน้มเอียงมากนักแต่ค่อนไปทางเดโมแครตจากผลสำรวจของรอยเตอร์ส/อิปซอส ประกอบไปด้วยรัฐเพนซิลวาเนียที่มีคะแนนเสียงผู้เลือกตั้ง 20 เสียง และนิวแฮมป์เชอร์ที่มีคะแนนเสียงผู้เลือกตั้ง 4 เสียง โดยฮิลลารีนำอยู่ราว 4% ส่วนด้านรัฐที่ค่อนไปทางรีพับลิกันอย่างเซาท์แคโรไลนา ซึ่งมีคะแนนเสียงผู้เลือกตั้ง 9 เสียง ทรัมป์นำอยู่ 5%

ทั้งนี้ รอยเตอร์ส/อิปซอส ประเมินความนิยมนับถึงวันที่ 3 พ.ย. พบว่า ฮิลลารีได้รับคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 251 เสียง ขณะที่ทรัมป์ได้ไป 185 เสียง

ตบเท้าเข้าโต๊ะพนันทุบสถิติ

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เงินที่ไหลเข้าสู่โต๊ะพนันของเบ็ตแฟร์ เว็บไซต์พนัน เพื่อเดิมพันว่าใครจะเป็นได้เป็นประธานาธิบดีสูงถึง 130 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4,450 ล้านบาท) นับถึงวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยบรรดานักพนันต่างคิดว่าฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้งคิดเป็นสัดส่วนถึง 83%

ปริมาณเม็ดเงินดังกล่าวมากกว่าครั้งการเดิมพันสมัยการลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ 159 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 5,565 ล้านบาท) เสียอีก และเพิ่มมากกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012 ที่เพียง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1,750 ล้านบาท) เท่านั้น

ข่าวล่าสุด

อดีต สส.ชนนพัฒฐ์ รับน้อยใจถูกโจมตีก่อนเลือกตั้ง พร้อมให้ตรวจสอบ