posttoday

ย้อนวันวานที่มาพระราชสมัญญา "สมเด็จพระปิยมหาราช"

23 ตุลาคม 2559

พระบรมรูปทรงม้า ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 40 ปี ใน พ.ศ. 2451

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

วันที่ 23 ต.ค.ตรงกับวันที่ “สมเด็จพระปิยมหาราช” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อปีจอ พ.ศ. 2453 ภายหลังจากการเสด็จสวรรคต จึงได้กำหนดวันสักการบูชาประจำปีขึ้นในวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันเสด็จสวรรคต บริเวณลานด้านหน้าพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งประดิษฐาน ณ ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม

พระบรมรูปทรงม้า ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 40 ปี ใน พ.ศ. 2451

คำว่า “มหาราช” มีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง คำซึ่งมหาชนถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดิน หรืออีกความหมายหนึ่ง คือ ธงประจำพระองค์พระเจ้าแผ่นดิน ที่เรียกว่า “ธงมหาราช” การทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา “มหาราช” แด่พระมหากษัตริย์ของไทยในอดีตที่ผ่านมานั้น ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เป็นมติของมหาชนในสมัยต่อมาที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้ทูลเกล้าฯถวายพระราชสมัญญาต่อท้ายพระนามว่า “มหาราช” หรือพระราชสมัญญาอื่นที่แสดงถึงพระเกียรติคุณเฉพาะพระองค์ และเป็นที่ยอมรับในการขานพระนามสืบมา

การเริ่มทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา “มหาราช” ต่อท้ายพระนามพระมหากษัตริย์นั้นสันนิษฐานว่าเริ่มมีขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ประมาณรัชกาลที่ 5 เนื่องจากเป็นสมัยที่เริ่มมีการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของชาติและบรรพบุรุษมากขึ้น ทำให้ประจักษ์ถึงวีรกรรมและพระราชอัจฉริยภาพของพระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นๆ จึงได้มีการยกย่องพระมหากษัตริย์บางพระองค์ที่ทรงมีพระเกียรติคุณเด่นกว่าพระองค์อื่นขึ้นเป็น “มหาราช”

สำหรับ “สมเด็จพระปิยมหาราช” เป็นพระราชสมัญญาที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงเป็นประธานจัดงานสมโภช โดยทรงเชิญชวนพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชน ร่วมกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ คือ พระบรมรูปทรงม้า ซึ่งประดิษฐาน ณ ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม กรุงเทพมหานคร ที่ฐานของพระบรมรูปทรงม้านี้ มีแผ่นโลหะจารึกข้อความเทิดพระเกียรติ พร้อมทั้งทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงปิยมหาราช”

ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 25 หน้า 944-945 วันที่ 29 พฤศจิกายน ร.ศ.127 หรือ พ.ศ. 2451 มีการบันทึกโดยนำ “คำจาฤกที่ประดิษฐานพระบรมรูป” ซึ่งกล่าวถึงพระราชสมัญญา

“สมเด็จพระปิยมหาราช” เป็นพระราชสมัญญาที่ได้รับการถวาย โดย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นผู้ทรงคิดถวาย ซึ่งปรากฏอยู่บนจารึกใต้ฐานของพระบรมรูปทรงม้า (พ.ศ. 2451) พระนามนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงเขียนชมเชย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ได้คิดพระนามนี้ถวาย

จากพระปาฐกถาในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงแสดงที่สถานีวิทยุพญาไท ค่ำวันที่ 22 ต.ค. 2475 เนื่องในงานถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าประจำปี ซึ่งคัดจาก “ชุมนุมพระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ’” ที่ตีพิมพ์พระปาฐกถานี้ บอกกล่าวที่มาเรื่องพระราชสมัญญา “สมเด็จพระปิยมหาราช” ไว้ชัดเจน

 “...และเงินสมโภชที่เหลือจากการสร้างพระบรมรูปนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ใช้เป็นทุนตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งปรากฏอยู่ทุกวันนี้ เนื่องต่อการถวายพระบรมรูปทรงม้าดังได้กล่าวก็ยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ถวายพระนามพิเศษว่า ‘พระปิยมหาราช’ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังจารึกไว้ที่ฐานพระบรมรูป การที่ถวายพระนามพิเศษนั้นอนุโลมตามประเพณีโบราณ อันถือว่าเป็นพระเกียรติยศสูงสุดซึ่งพสกนิกรจะพึงถวายได้...

 ...เมื่อถวายพระบรมรูปทรงม้า ครั้งนั้นปรึกษากันว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระเดชพระคุณแก่ประเทศสยามถึงชั้นพระมหากษัตริย์ ซึ่งยกย่องที่พงศาวดารว่าเป็นพระเจ้ามหาราชของประเทศ และการที่พสกนิกรพร้อมใจกันเฉลิมพระเกียรติ ด้วยความรักเห็นปานนั้นก็ไม่เคยมีมาในปางก่อน สมควรจะถวายพระนามพิเศษ จึงพร้อมกันถวายพระนาม “ปิยมหาราช” เป็นพระนามพิเศษ พระบรมรูปทรงม้ากับพระนามปิยมหาราชจึงเป็นอนุสรณ์สำคัญ ซึ่งเตือนใจให้ระลึกถึงพระเดชพระคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และที่ชาวพระนครพากันถวายสักการบูชาทุกปีมิได้ขาด...”

สำหรับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระภัทรมหาราช” มีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง ต่อมามีการทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญาใหม่ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช” และ “พระภูมิพลมหาราช” อนุโลมธรรมเนียมเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ดังคำถวายอาศิรวาทราชสดุดี และถวายชัยมงคลของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่งานสโมสรสันนิบาต เนื่องในวโรกาสวันฉัตรมงคลวันที่ 5 พ.ค. 2530 ณ ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา