ติด‘โบดำ’ไว้อาลัยได้
ประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศปรารถนาที่จะแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศปรารถนาที่จะแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการสวมใส่ชุดดำขาวโดยพร้อมเพรียง แต่ด้วยข้อจำกัดบางประการทำให้ประชาชนบางรายไม่สามารถทำตามความมุ่งมั่นได้
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประชาชนที่ไม่สามารถจัดหาเสื้อผ้าชุดสีดำหรือสีขาวสวมใส่แสดงความอาลัยได้ทุกวัน สามารถแสดงสัญลักษณ์ความอาลัยด้วยการติดริบบิ้นหรือโบสีดำบนหน้าอกเสื้อ หรือที่แขนเสื้อบริเวณต้นแขนแทนได้
พล.ท.สรรเสริญ บอกอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศเทิดทูนและจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และต้องการแต่งชุดดำขาว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้เสื้อผ้าดำขาวเป็นที่ต้องการมากและอาจขาดตลาด ทำให้หลายคนไม่สามารถสวมใส่ได้ทุกวันตามปรารถนา และมีประชาชนบางส่วนขัดสนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ จึงอยากให้มองกันที่เจตนาของแต่ละคนที่ร่วมกันถวายความอาลัย
“แต่ละคนสามารถเลือกเสื้อสีพื้นที่ไม่ฉูดฉาด ไม่มีลายดอกดวง และหากไม่สามารถจะหาเสื้อสีดำขาวได้ก็สามารถประดับริบบิ้นหรือโบสีขาวดำ ที่แขนหรือหน้าอก ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ ขอสังคมอย่าไปจ้องจับผิดเหมือนกับว่าเขาไม่ได้แสดงความอาลัย แต่อาจเป็นเพราะปัจจัยต่างๆ
วันเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารประจำกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ชี้แจงระเบียบและข้อปฏิบัติสิ่งที่ทำได้และไม่ควรทำในช่วง 100 วัน อาทิ 1.จัดพิธีแต่งงานได้ตามความเหมาะสม 2.ร้านเกม ร้านคาราโอเกะ โรงภาพยนตร์ เปิดได้แต่ขอความร่วมมือลดความรื่นเริง 3.การแต่งกายของพนักงานเอกชนต้องไม่นำสัญลักษณ์ใดๆ อันเกี่ยวกับพระองค์ไปปักลงบนเสื้อ
4.พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานดำเนินได้ตามปกติ 5.ประเพณีลอยกระทงจัดได้แต่งดการรื่นเริงทั้งหมด 6.ข้อความถวายความอาลัยสามารถใช้ได้ทั้ง 2 แบบ คือ สำนึกหรือรำลึก 7.สถานประกอบการ ห้างสรรพสินค้า ห้างร้าน สามารถตั้งโต๊ะหมู่บูชาได้ตามความเหมาะสม โดยใช้แนวปฏิบัติที่กระทรวงวัฒนธรรมกำหนด
8.การลดธงครึ่งเสา หมายความว่าลดลงมา 1 ส่วนใน 3 ส่วน นับจากยอดเสา (ไม่ใช่ 1 ส่วน 2) 9.ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน นับจากวันที่ 14 ต.ค. 2559 10.พระบรมฉายาลักษณ์โต๊ะหมู่บูชาต้องไม่มีตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองฯ
สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องการเรี่ยไรเงินขอรับบริจาคหรือการแอบอ้างต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่าสำนักพระราชวังจะดำเนินงานร่วมกับธนาคารมาเปิดรับบริการอย่างเป็นทางการ
สำหรับประชาชนที่นำอาหารเครื่องดื่ม และสิ่งของมาแจกจ่ายบริเวณสนามหลวงนั้น สามารถนำไปแจกจ่ายเองได้ทันที หรือสามารถติดต่อประสานไปยังศูนย์บริการร่วมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เช่นกัน


