เทพรัตนแห่งแผ่นดิน (64)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชปรารภว่า “วังสระปทุม” เป็นสถานที่สำคัญแห่งพระราชวงศ์และแห่งชาติ
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชปรารภว่า “วังสระปทุม” เป็นสถานที่สำคัญแห่งพระราชวงศ์และแห่งชาติ ด้วยเป็นพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตั้งแต่ปี 2459 ตราบจนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2498 และได้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในเวลาต่อมา สมควรที่จะจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ แสดงพระราชกรณียกิจอันเป็นแบบอย่างอันดีงามแห่งการดำรงชีวิต ที่อำนวยประโยชน์สุขแก่คนหมู่มาก
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสระปทุมให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระองค์ทรงระลึกถึงพระราชปรารภแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังกล่าวจึงทรงจัดการตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นสนองพระราชดำริ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาพระราชกรณียกิจแห่งสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าขึ้นเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2548 เพื่อดำเนินการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว และจัดกิจกรรมต่างๆ สืบสานแนวพระราชดำริ
ในกาลต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในการเปิดพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ณ พระตำหนักใหญ่วังสระปทุม ในวันที่ 17 ธ.ค. 2551 และเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2554 ทรงเปิดงานนิทรรศการ “บรมกษัตริย์วัฒนสถาน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระราชประวัติ และพระราชจริยวัตรของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ภายในพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มีการจัดแสดงแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ (1) หอนิทรรศการ จัดแสดงนิทรรศการ เรื่อง สายธารประวัติสว่างวัฒน์พิพิธภัณฑสถาน ซึ่งประกอบด้วยพระราชประวัติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และนิทรรศการการบูรณะซ่อมแซมพระตำหนักใหญ่วังสระปทุม (2) พระตำหนักใหญ่ เป็นพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โดยเปิดให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้าชมในช่วงกลางเดือน ธ.ค. ปลายเดือน มี.ค.ของทุกปี และในปี 2558 เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 2 เม.ย. 2558 ทางพิพิธภัณฑ์ได้ขยายเวลาเปิดเข้าชมจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2558
สืบเนื่องจากวาระเฉลิมฉลอง 200 ปีกรุงรัตนโกสินทร์ ในปี 2525 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นประธานกรรมการอำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง อันประกอบด้วย มหาปราสาทราชมณเฑียร ตลอดจนเครื่องราชูปโภคต่างๆ ซึ่งล้วนต้องใช้ฝีมือช่างสิบหมู่ทั้งสิ้น แต่ขาดแคลนผู้มีความรู้ ความชำนาญในวิชาช่างสิบหมู่ จึงมีพระราชดำริที่จะอนุรักษ์และเผยแพร่วิชาความรู้ที่เคยฝึกฝนกันในวังให้กว้างขวางออกสู่ประชาชน ดังพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดนิทรรศการพิเศษเรื่อง “การช่างศิลป์ไทย” เมื่อปี 2536 ความตอนหนึ่งว่า
“...งานช่างศิลป์ไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของชาติ เพราะศิลปะเป็นเครื่องแสดงให้เห็นสถานภาพทางสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของคนในชาติที่สืบทอดกันมายาวนาน จนเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ...”
ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงตระหนักในคุณค่าของศิลปะที่เป็นมรดกจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ จึงทรงพระราชดำริให้จัดตั้ง “วิทยาลัยในวัง” ในปี 2529 หรือเรียกอีกชื่อว่า “โรงเรียนผู้ใหญ่พระตำหนักสวนกุหลาบ (วิทยาลัยในวังหญิง)” เพื่อสืบสานฟื้นฟูช่างฝีมือไทย และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยทั้งยังมุ่งเน้นฝึกสอนแก่ผู้ที่ต้องการไปประกอบอาชีพโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทางช่างที่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งนับวันจะมีจำนวนน้อยลงเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ โดยเริ่มแรกโปรดให้ตั้งขึ้นในเขตพระราชฐานชั้นในพระบรมมหาราชวัง โดยดัดแปลงจากตำหนักของพระราชธิดาและเจ้าจอมมารดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสถานที่เรียน ต่อมาจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นทำให้สถานที่คับแคบ จึงโปรดให้ย้ายมายังอาคารพระตำหนักพระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา
ปัจจุบันโรงเรียนดังกล่าวเปิดสอนวิชาหลัก 3 แผนก คือ วิชาช่างปักสะดึง วิชาดอกไม้สดประดิษฐ์ และวิชาอาหารและขนม เมื่อเลือกเรียนวิชาหลัก หนึ่งในสามครบตามกำหนดเวลาในชั้นต้นแล้วจะต้องเลือกเรียนวิชาเลือกอีกหนึ่งวิชาจากวิชาพับผ้าเช็ดหน้าเป็นรูปตัวสัตว์ การทำบายศรีจากใบตอง การประดิษฐ์ใบตองในรูปแบบต่างๆ หรือการทำเครื่องหอมไทย เช่น การทำเทียนอบ แป้งร่ำ น้ำอบไทย บุหงา และการประดิษฐ์ดอกไม้แห้ง
ต่อมาในปี 2531 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “โรงเรียนผู้ใหญ่พระตำหนักสวนกุหลาบ (วิทยาลัยในวังชาย)” ขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวังด้วยเช่นกัน โดยได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้อาคารหออุเทศทักษิณา ภายในพระบรมมหาราชวังเป็นอาคารเรียน
นอกจากนี้ ทรงพระเมตตาพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สนับสนุนการดำเนินงาน อีกทั้งทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ติดตามการดำเนินงาน และเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานวุฒิบัตรแก่นักศึกษาที่จบหลักสูตรเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปีการศึกษา 2532 เป็นต้นมา และต่อมาในปี 2552 ได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนจากเดิมที่เป็นโรงเรียนผู้ใหญ่พระตำหนักสวนกุหลาบ (วิทยาลัยในวังชาย) เป็น “โรงเรียนช่างฝีมือในวัง (ชาย)” ปัจจุบันเปิดสอนวิชางานเขียน งานปั้น งานประดับมุก งานลายรดน้ำ งานแกะสลัก งานหัวโขน และงานปักจักร
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดสร้างสาขาวิทยาลัยในวังชาย ด้านช่างสิบหมู่ขึ้น ณ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นปีที่ 50 เมื่อปี 2539 ด้วยเหตุนี้จึงพระราชทานนามสถานศึกษาแห่งนี้ว่า “ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง)”


