ทายาทโอเอ.ร้องก.ยุติธรรมปัดเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ
ทายาทบ.โอเอ ร้องกระทรวงยุติธรรม ไม่ใช่เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ พร้อมร่วมมือรัฐตรวจสอบนอมินีตัวจริง ด้านเลขารมว.ยุติธรรม พร้อมให้ความเป็นธรรม
ทายาทบ.โอเอ ร้องกระทรวงยุติธรรม ไม่ใช่เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ พร้อมร่วมมือรัฐตรวจสอบนอมินีตัวจริง ด้านเลขารมว.ยุติธรรม พร้อมให้ความเป็นธรรม
นายโอฬาร โรจน์รุ่งรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด และบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต พร้อมด้วยน.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี เข้าพบ พล.อ.อภิชัย หงษ์ทอง เลขานุการ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อสนับสนุนการปราบปรามบริษัททัวร์จีนที่ประกอบกิจการผิดกฎหมายในประเทศ พร้อมมอบแฟ้มข้อมูลนอมืนีจีน ที่เป็นประโยชน์แก่เรื่องนี้
พล.อ.อภิชัย กล่าวว่า จะตรวจสอบเรื่อง และพร้อมให้ความเป็นธรรมผู้ประการที่เป็นคนไทยในเรื่องที่กล่าวว่าเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ และได้นำเรียนให้ พล.อ.ไพบูลย์ ทราบแล้ว ส่วนกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมในคราวต่อไป
สำหรับนายโอฬาร เป็นบุตรชายนางนิสา และพี่ชายนายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี ที่ตำรวจสน.พญาไท นำตัวเข้าฝากขังผลัดแรกเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ในข้อหา อังยี่ และฟอกเงิน และในเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.พญาไท ได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังยื่นขอความเป็นธรรมจากพล.อ.อภิชัย แล้ว นายโอฬาร และนางสาวสายทิพย์ ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับเรื่อง
นายธวัชชัย เปิดเผยว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการคนไทย
ขณะที่นายโอฬาร กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ามายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังจากแม่และน้องชายถูกดำเนินคดี และคัดค้านการประกันตัว ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากพนักงานสอบสวนเรียกหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 2 ล้านบาท ซึ่งปกติคดีทั่วไปจะเรียกคนละ 3 แสนบาท จึงทำให้หลักทรัพย์ที่เตรียมไปไม่พอเพราะบัญชีถูกปปง.อายัดไว้
"ผมยังยืนยันอีกว่าบริษัทโอเอ และรอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ฝูอัน และบริษัทซิงหยวน ที่สวมบัตรประชาชนคนไทยไปเปิดธุรกิจนำเที่ยว เนื่องจากบริษัทในเครือทำธุรกิจให้เช่ารถไม่ประจำทาง และบริษัทห้างร้านขายของที่ระลึก ที่รับมาจากผู้ประกอบการคนไทย และพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการปราบปรามบริษัทท่องเที่ยวผิดกฎหมาย แต่ต้องเป็นการตรวจสอบด้วยกระบวนการยุติธรรม"
นายโอฬาร ยังระบุอีกว่า สินค้าที่มีกระแสข่าวว่า ขายเกินราคา ไม่เป็นความจริง โดยจะมีการชี้แจงจากบริษัทเร็วๆ นี้ พร้อมให้สื่อมวลชนเข้าตรวจสอบ


