บริษัทเหมืองชดใช้ชาวบ้านคลิตี้กว่า20ล้านหลังชนะคดี
กาญจนบุรี - บริษัทเหมืองตะกั่วฯ ชดใช้ค่าเสียหายให้ชาวบ้านคลิตี้กว่า 20 ล้านบาท หลังชนะคดีที่ต่อสู้มานานถึง 13 ปี
กาญจนบุรี - บริษัทเหมืองตะกั่วฯ ชดใช้ค่าเสียหายให้ชาวบ้านคลิตี้กว่า 20 ล้านบาท หลังชนะคดีที่ต่อสู้มานานถึง 13 ปี
ภายหลังจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา (แผนกคดีสิ่งแวดล้อม) คดีแพ่งหมายเลขดำ ที่ 106/2546 หมายเลขแดง ที่ 1565/2549 ระหว่าง นายกำธร ศรีสุวรรณมาลา ที่ 1 กับพวกรวม 8 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 1 และ นายคงศักดิ์ กลีบบัว จำเลยที่ 2 รวม 2 คน ในข้อหา ละเมิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 โดยสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับชาวบ้านทั้ง 8 ราย เป็นจำนวนเงิน 20,200,000 บาท
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. เวลา 11.00 น. ที่ธนาคารออมสิน สาขากาญจนบุรี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ทนายความและผู้แทนจำเลยที่2 ได้นำเงินสดจำนวน 20,200,000 บาท มามอบให้แก่โจทย์ทั้ง 8 ตามคำพิพากษาของศาล โดย นายกำธร ศรีสุวรรณมาลา โจทก์ที่1 ได้รับเงินจำนวน 2,150,000 บาท นายบุญพิทักษ์ ศรีสุวรรณมาลา โจทก์ที่2 ได้รับเงินจำนวน 2,650,000 บาท นายนิคม นาสวนกิตติ โจทก์ที่3 ได้รับเงินจำนวน 2,150,000 บาท นางกาญจนา หรือวิไลวรรณ นาสวนกิตติ โจทก์ที่4 ได้รับเงินจำนวน 2,150,000 บาท นางสาววัศยา นาสวนกิตติ โจทก์ที่5 ได้รับเงินจำนวน 3,150,000 บาท นางมะนุเมีย ทองผาภูมิเจริด โจทก์ที่6 ได้รับเงินจำนวน 2,150,000 บาท นางสาววรรณา ทองผาภูมิเจริด โจทก์ที่7 ได้รับเงินจำนวน 2,650,000 บาท นายบุญช่วย ทองผาภูมิเจริด โจทก์ที่8 ได้รับเงินจำนวน 3,150,000 บาท ซึ่งโจทก์ทั้งหมดได้นำเงินจำนวนที่ได้รับเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารออมสิน โดยมี นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน กรรมการสิ่งแวดล้อม ทนายความผู้ช่วยเหลือคดีจากสภาทนายความ ร่วมเป็นสักขีพยานในการจ่ายเงินในครั้งนี้
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา เปิดเผยว่า ชาวบ้านรู้สึกยินดีที่ได้รับเงินจำนวนนี้ ถึงแม้ว่าจะล่าช้ามานานกว่า 13 ปีก็ตาม โดยจะนำเงินจำนวนนี้ไปรักษาตัวที่เจ็บป่วยจากพิษสารตะกั่ว และอีกส่วนหนึ่งจะรวบรวมเงินเป็นกองทุนของหมู่บ้าน เพื่อนำมาไว้รักษาชาวบ้านคนอื่นๆ และพัฒนาหมู่บ้านในด้านต่างๆ ต่อไป
ซึ่งนอกจากคำพิพากษาของศาลที่ให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับชาวบ้านแล้ว ศาลยังให้จำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นผู้ก่อมลพิษรับผิดชอบในการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการเริ่มดำเนินการแต่อย่างใด ไม่ว่าจากผู้ก่อมลพิษ หรือจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งชาวบ้านได้ฟ้องกรมควบคุมมลพิษจนล่าสุดศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้กรมควบคุมมลพิษเร่งดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ซึ่งชาวบ้านหวังว่าจำเลยทั้งสองและกรมควบคุมมลพิษจะเร่งดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ให้ปราศจากมลพิษและชาวบ้านสามารถกลับไปใช้น้ำและบริโภคน้ำ ตลอดจนสัตว์น้ำได้ดังเดิม เรื่องนี้ถือเป็นการปิดฉากคดีที่มีการต่อสู้กันในชั้นศาลมายาวนานถึง 13 ปี และถือเป็นคดีประวัติศาสตร์คดีแรกที่มีการบังคับตาม พ.ร.บ.ฯ อันเป็นบรรทัดฐานให้กับคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมคดีอื่นๆ ของประเทศไทยที่รอการพิจารณาในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ยังมีคดีที่ชาวบ้านคลิตี้ที่เหลืออีก 151 ราย ฟ้องร้อง บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด กับกรรมการทั้ง 4 คน ในฐานความผิดเดียวกัน โดยยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 1,041,952,000 บาท โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทย์ทั้ง 151 ราย เป็นจำนวนเงิน 36,060,000 บาท ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ คดีการฟ้องร้องระหว่าง ชาวบ้านคลิตี้ล่าง กับ บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ นายคงศักดิ์ กลีบบัว เริ่มฟ้องร้องเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2546 โดยยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 119,036,400 บาท ศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน 4,260,000 บาท จากนั้นในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2549 โจทก์และจำเลยต่างยื่นอุทธรณ์ต่อศาล และในวันที่ 14 สิงหาคม 2551 ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค7 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินให้กับชาวบ้าน 29,551,000 บาท ก่อนที่จะมีการยื่นฎีกาและมีคำพิพากษาออกมา เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปิดฉากคดีที่มีการต่อสู้กันในชั้นศาลมายาวนานถึง 13 ปี ด้วยกัน


