posttoday

ข้าเก่า เจ้าเลี้ยง ประวัติพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม)

11 กันยายน 2559

ข้าเก่า เจ้าเลี้ยง ขัดกับคำพังเพยที่คุ้นปากคนไทย แต่มีความหมายไม่ชัดว่า ข้าเก่า เต่าเลี้ยง จนกระทั่งเห็นข้อความ

โดย...ส.สต

ข้าเก่า เจ้าเลี้ยง ขัดกับคำพังเพยที่คุ้นปากคนไทย แต่มีความหมายไม่ชัดว่า ข้าเก่า เต่าเลี้ยง จนกระทั่งเห็นข้อความ ข้าเก่า เจ้าเลี้ยง ในหนังสือที่ระลึกงานศพที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช โปรดให้พิมพ์ในงานศพพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) เจ้ากรม เมื่อปีระกา พ.ศ. 2464 พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร หน้าปกมีตราหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นหนังสือหนา 82 หน้า อายุหนังสือนับแต่ปีที่พิมพ์ถึงปัจจุบันรวม 95 ปี จึงถึงบางอ้อว่า เพราะข้าเก่า เจ้าเลี้ยงนั้น มีความหมาย คนที่เป็นข้าเก่า เจ้าเลี้ยงไม่ตกอับ แม้ไฟไหม้ 2 ครั้ง ถูกเวนคืน 1 ครั้ง ก็ยังอยู่เย็นเป็นสุข ดังเรื่องของพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชนี้

หนังสือเก่าหายาก เรื่องประชุมพงศาวดารภาค 21 จดหมายเหตุเรื่องเจรจาความเมืองในระหว่างไทยกับพม่า ได้เล่าประวัติพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) มองเห็นภาพชาติตระกูล และสาโลหิตว่าเป็นใครมาจากไหน โดยกล่าวว่า พระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เจ้ากรม ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช มีนามเดิมว่า แย้ม นามสกุล สินศุข สืบสาโลหิตมาจากนักรบอันสูงศักดิ์ สกุล 1 คือเป็นบุตรเจ้าพระยายมราช (ศุขๆ เป็นบุตรพระยากลาโหมราชเสนา (ทองอิน) ๆ เป็นบุตรเจ้าพระยากรมขุนอินทรพิทักษ์ ซึ่งเป็นโอรสขุนหลวงตากเจ้ากรุงธนบุรี (น่าสังเกตว่า เมื่อ 95 ปีที่แล้ว เอ่ยพระนามสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นเพียงขุนหลวงเท่านั้น)

เล่าประวัติบิดา

พระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) เป็นบุตรเจ้าพระยายมราช (ศุข) เกิดเมื่อวันพุธที่ 10 ก.ค. 2391 มารดาชื่อ สาด ชาวเพชรบุรี เกิดที่บ้านปากคลองตลาด อันเป็นนิวาสสถานของบิดา ต่อมาอยู่ในอุปการะของ พระยาเพชรฎา (นก) ผู้เป็นพี่ใหญ่ หลังจากบิดาถึงแก่กรรม ขณะที่ แย้ม สินศุข มีอายุ 7 ขวบ

ส่วนเจ้าพระยายมราช (ศุข) ผู้เป็นบิดา เคยเป็นพระยาเพชรบุรี ไปราชการทัพศึกมาแต่ครั้งพระยากลาโหมราชเสนาผู้เป็นบิดาไปรักษาเมืองถลาง เมื่อรัชกาลที่ 2 จึงเป็นแม่ทัพหน้าคราวพระยาศรีพิพัฒน์ (ทัต) คือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ ไปปราบแขกเมื่อ พ.ศ. 2381 ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือเรื่องจดหมายเหตุหลวงอุดมสมบัตินั้น ภายหลังพระยาเพชรบุรี (ศุข) ได้เป็นพระยาสุรเสนา ครั้นถึงรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าพระยายมราช เป็นตระกูลนักรบ

เป็นมหาดเล็ก

พระยาเพชรฎา (นก) อุปการะเลี้ยงดู แย้ม สินศุข จนเติบใหญ่ บวชเรียนที่วัดราชบุรณะ  เมื่ออายุ 25 ปีจึงพาเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช

ต่อมาทรงโปรดให้นายแย้มมหาดเล็กเป็นจางวางฝีพาย รับหน้าที่ตามเสด็จทุกแห่ง แม้ที่เสด็จไปในทางไกลหรือกันดารปานใด จางวางแย้มมิได้ย่อท้อถึง พ.ศ. 2448 เลื่อนขึ้นทำการในหน้าที่ตำแหน่งเจ้ากรม ครั้นถึงรัชกาลปัจจุบันนี้ (ร.6) เมื่อ พ.ศ. 2454 สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช ได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยา ทำให้ตำแหน่งข้าหลวงน้อยประจำกรมก็เลื่อนบรรดาศักดิ์ตามลำดับ เจ้ากรมแย้ม สินศุข จึงเป็นพระยาภาณุพันธุวงศ์เดช รับราชการในหลวงและในกรม สมตำแหน่งน่าที่เป็นอันดี ได้รับตำแหน่งนี้คงที่ตลอดมาจนถึงแก่กรรม

ข้าเก่า เจ้าเลี้ยง ประวัติพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม)

 

ลูกชายจบจากฝรั่งเศส

พระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) สมรสกับนางเพี้ยน ธิดาพระอนันตคีรี (แก้ว) ผู้ว่าราชการเกาะพงัน (เดิมขึ้นจังหวัดไชยา) มีบุตรคนหนึ่ง ชื่อ หลง และธิดาหนึ่งคนชื่อ เยื้อน ครั้นนายหลงอายุได้ 15 ปี เข้าเป็นนักเรียนนายร้อยทหารบก จบ พ.ศ. 2449 ได้รับยศทหารบกชั้นสัญญาบัตร ส่วนบรรดาศักดิ์ได้เป็นหลวงอาวุธสิขิกร เมื่อ พ.ศ. 2454 ได้ออกไปศึกษาวิชาอากาศยาน ณ ประเทศฝรั่งเศส 3 ปี กลับเข้ามารับราชการในกรมอากาศยานทหารบก ได้ยศทหารบกเป็นนายพันโท มีบรรดาศักดิ์เป็นพระพิเศษสุรฤทธิ์ ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานกรมอากาศยานทหารบก

บ้านไฟไหม้

บ้านจางวางแย้ม สินศุข ณ ต.ปากคลองตลาด ถูกรัฐบาลในขณะนั้นขอซื้อเพื่อสร้างตึก และตัดถนน จึงต้องหาที่อยู่ใหม่ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดชทรงสงสาร โปรดประทานอนุญาตให้จางวางแย้ม สินศุข รื้อเรือนเดิมมาปลูกอาศัยอยู่ในที่ดินนอกกำแพงพระนครอันเป็นเขตหน้าวังบูรพาภิรมย์สืบต่อมา ในระหว่างปลูกบ้านใหม่ ก็ให้อยู่ในวังบูรพาภิรมย์ สร้างเสร็จก็ออกไปอยู่ แต่ พ.ศ. 2449 เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงเลื่อยไม้หน้าวังบูรพาภิรมย์ ลามมาติดบ้านจางวางแย้ม สินศุข ด้วย จึงโปรดให้จางวางแย้มยกครอบครัวเข้ามาอยู่ในวังบูรพาภิรมย์เช่นครั้งก่อน แต่เวลานั้นจางวางแย้มไม่อยากสร้างบ้านใหม่ เต็มใจที่จะขออาศัยอยู่ในวังสืบไป ส่วนที่ดินที่ว่างให้คนอื่นเช่าปลูกเรือน ต่อมาคนเช่าออกไป จึงทูลขอขายเรือนต่างๆ ให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ เมื่อทรงซื้อได้โปรดให้พระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) เข้าไปอยู่เพื่อดูแลเรือนเล็กๆ ด้วย ครั้นถึง พ.ศ. 2463 มีเหตุเพลิงไหม้ขึ้นอีกในที่นั้น เรือนทุกหลังในบ้านนั้นเป็นอันตรายหมด

ครั้นจะกลับเข้าไปอยู่ในวังบูรพาภิรมย์ ก็ไม่มีที่ให้อยู่สมกับฐานะของผู้ใหญ่ จึงไปอยู่บ้านนายพันโทพระพิเศษสุรฤทธิ์ (หลง สินศุข) ผู้บุตรชาย ณ ริมถนนพญาไท ต่อมาป่วย ครั้นถึงวันจันทร์ที่ 10 ม.ค. 2463 เวลา 6 นาฬิกา พระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) เจ้ากรม ถึงแก่กรรมที่บ้านพระพิเศษสุรฤทธิ์นั้น มีอายุได้ 73 ปี

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงทรงโปรดให้พิมพ์หนังสือแจกตามธรรมเนียมเมื่อถึงเวลาปลงศพ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) ที่เป็นข้าในกรมเก่าแก่มาช้านานถึง 47 ปี โดยทรงทูลขอให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ สภานายกกรรมการหอพระสมุดสำหรับพระนคร ทรงเลือกเรื่องที่เป็นสาระประโยชน์เกี่ยวแก่การทหาร เพื่อสมกับนิสัยของผู้มรณภาพอันเนื่องมาจากสกุลนักรบ

กรมพระดำรงราชานุภาพได้ทรงแนะนำให้พิมพ์หนังสือจดหมายเหตุ เรื่องเจรจาความเมืองในระหว่างไทยกับพม่า จึงโปรดให้พิมพ์ขึ้น 1,000 เล่ม เพื่อเป็นเครื่องหมายเชิดชูความดี และไว้อาลัยในพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (แย้ม สินศุข) เจ้ากรม ผู้เป็น ข้าเก่า เจ้าเลี้ยง อันร่วมทุกข์สุขตลอดมา ทรงอุทิศส่วนพระกุศลที่ได้ทรงสร้างหนังสือนี้แก่ผู้มรณภาพ เพื่อสำเร็จผลเผยแผ่นามและความดีปรากฏอยู่สืบไปชั่วกาลนาน

วังบูรพาภิรมย์

วันที่ 7 พ.ค. 2464

นี่คือที่มาของหัวเรื่องวันนี้

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บอลวันนี้ วันเสาร์ที่ 20 ธ.ค. 68