posttoday

จันทรุปราคาเงามัว

11 กันยายน 2559

คืนวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.เข้าสู่วันเสาร์ที่ 17 ก.ย. 2559 ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงเนื่องจากมีตำแหน่งอยู่ตรงข้าม

โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด

คืนวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.เข้าสู่วันเสาร์ที่ 17 ก.ย. 2559 ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงเนื่องจากมีตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์เมื่อมองจากโลก แต่ดวงจันทร์จะเคลื่อนผ่านเงาโลกในคืนดังกล่าวด้วย ก่อให้เกิดจันทรุปราคาหรือจันทรคราส เห็นได้ในประเทศไทย

จันทรุปราคาครั้งนี้เป็นจันทรุปราคาเงามัว ดวงจันทร์มีความสว่างลดลงเล็กน้อย โดยไม่เว้าแหว่งแบบจันทรุปราคาบางส่วน หรือจันทรุปราคาเต็มดวง อาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนดวงจันทร์ได้ยาก

ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่มีขนาดใหญ่ เงาโลกที่ทอดยาวออกไปในอวกาศจึงมี 2 ส่วน ได้แก่ เงามืดและเงามัว เงามืดซึ่งมีความทึบแสงสูงอยู่ด้านใน เงามัวซึ่งมีความทึบแสงต่ำล้อมอยู่ด้านนอกของเงามืด หากดวงจันทร์เคลื่อนผ่านส่วนที่เป็นเงามืด ดวงจันทร์จะแหว่งให้สังเกตได้ชัดเจน หากดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเงามัว เราจะแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงบนดวงจันทร์ แต่ถ้าดวงจันทร์ถูกเงามัวบังลึกมาก ก็มีโอกาสจะสังเกตได้ว่าพื้นผิวดวงจันทร์หมองคล้ำลง

จันทรุปราคาที่จะเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ 16 ก.ย. 2559 ดวงจันทร์เคลื่อนผ่านส่วนที่เป็นเงามัวเท่านั้น เราจึงไม่เห็นดวงจันทร์แหว่ง แต่ดวงจันทร์ก็ผ่านเข้าไปในเงามัวลึกมากพอให้คาดหมายได้ว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้บนดวงจันทร์ ซึ่งตลอดปี 2559 มีจันทรุปราคาเกิดขึ้น 2 ครั้ง ทั้งสองครั้งต่างก็เป็นจันทรุปราคาเงามัว โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2559

จันทรุปราคาเงามัวมีโอกาสเกิดได้มากกว่าจันทรุปราคาชนิดอื่น สถิติจันทรุปราคาในระยะเวลา 5,000 ปี นับตั้งแต่ 2,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ถึง ค.ศ. 3,000 คำนวณโดยองค์การนาซ่า มีจันทรุปราคาเกิดขึ้นทั้งหมด 12,064 ครั้ง เป็นจันทรุปราคาเงามัวร้อยละ 36.3 จันทรุปราคาบางส่วนร้อยละ 34.9 และจันทรุปราคาเต็มดวงร้อยละ 28.8 และหากดูเฉพาะจันทรุปราคาเงามัว ซึ่งมีทั้งหมด 4,378 ครั้ง พบว่าเป็นจันทรุปราคาเงามัวแบบเต็มดวง (ดวงจันทร์เข้าไปอยู่ในเงามัวทั้งดวง โดยไม่สัมผัสเงามืดเลย) มีเพียงร้อยละ 3.2 เท่านั้น ที่เหลือเป็นแบบบางส่วน

คืนวันศุกร์ที่ 16 ก.ย. 2559 ดวงจันทร์เริ่มแตะเงามัวตั้งแต่เวลา 23.55 น. แต่เราไม่สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ในเวลานี้ ดวงจันทร์จะเคลื่อนเข้าสู่เงามัวของโลกลึกมากขึ้นจนลึกที่สุดในเวลา 01.54 น. (เข้าสู่วันเสาร์ที่ 17 ก.ย.ตามหลักการเปลี่ยนวันในเวลาเที่ยงคืน) เวลานั้นเงามัวบดบังดวงจันทร์ราวร้อยละ 90.8 วัดตามเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์ ซึ่งนับว่าลึกมาก

ด้วยความลึกของการบดบังเช่นนี้ ทำให้คาดหมายว่าเราควรจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่าดวงจันทร์มีความสว่างลดลง พื้นผิวดูหมองคล้ำกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นผิวทางด้านทิศเหนือของดวงจันทร์ เนื่องจากดวงเคลื่อนผ่านทางด้านทิศใต้ของเงาโลก ซึ่งเมื่อมองไปบนท้องฟ้าทิศตะวันตกในเวลาประมาณตี 2 ผิวด้านทิศเหนือของดวงจันทร์จะอยู่ทางขวามือ เยื้องไปทางด้านบนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับระนาบขอบฟ้า

หลังจากนั้นดวงจันทร์จะสว่างขึ้นอย่างช้าๆ สิ้นสุดจันทรุปราคาอย่างสมบูรณ์เมื่อดวงจันทร์ออกจากเงามัวในเวลา 03.54 น. ซึ่งเช่นเดียวกับช่วงเริ่มต้น เราจะไม่สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ ณ เวลานี้

จันทรุปราคาครั้งนี้เป็นจันทรุปราคาครั้งสุดท้ายของปี 2559 จันทรุปราคาครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในเช้าวันที่ 11 ก.พ. 2560 ซึ่งเป็นจันทรุปราคาเงามัวอีกเช่นเดียวกัน โดยเกิดขณะดวงจันทร์ตกและดวงอาทิตย์ขึ้น จึงสังเกตได้ยาก หลังจากนั้นมีจันทรุปราคาอีกหนึ่งครั้งในปี 2560 เป็นจันทรุปราคาบางส่วน เกิดขึ้นในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 7 ส.ค. 2560 สามารถมองเห็นได้จากประเทศไทย ดวงจันทร์ถูกบังลึกประมาณ 1 ใน 4 ของเส้นผ่านศูนย์กลาง สามารถเห็นดวงจันทร์แหว่งนานประมาณ 1 ชั่วโมง 55 นาที บังลึกที่สุดในเวลาตี 1 ครึ่ง ของวันที่ 8 ส.ค. 2560

เมื่อเกิดจันทรุปราคา ซีกโลกที่อยู่ในด้านกลางคืนทั้งหมดสามารถเห็นดวงจันทร์ได้พร้อมกัน เราจึงมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาได้บ่อยกว่าสุริยุปราคา ทั้งจันทรุปราคาและสุริยุปราคาเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี อุปราคาแต่ละชนิดเกิดขึ้นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะเห็นได้ ขึ้นอยู่กับเวลาที่เกิดว่าตรงกับช่วงกลางวันหรือกลางคืนในประเทศไทย และเงาดวงจันทร์ตกกระทบผิวโลกตรงบริเวณที่เราอยู่หรือไม่สำหรับกรณีของสุริยุปราคา

จันทรุปราคาที่น่าดูที่สุด คือ จันทรุปราคาเต็มดวง เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก ดวงจันทร์มืดลงมาก แล้วเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาล หรือสีส้ม เนื่องจากแสงอาทิตย์หักเหและกระเจิงในบรรยากาศโลก ก่อนจะไปตกที่ดวงจันทร์ จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งสุดท้ายที่เห็นได้ในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2558 แต่มีระยะเวลาสั้นมาก และดูเหมือนจันทรุปราคาบางส่วนมากกว่า คนในประเทศไทยจะมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงได้อีกครั้งในคืนวันที่ 31 ม.ค. 2561 โดยดวงจันทร์เข้าไปอยู่ในเงามืดนานถึง 76 นาที บังลึกที่สุดเวลา 2 ทุ่มครึ่ง คาดว่าท้องฟ้าช่วงฤดูหนาวน่าจะเปิดให้เห็นจันทรุปราคาได้ดี

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์