เบื้องหลังม็อบขวางรื้อ 'ทับเบิก' จับตาปฏิบัติการครั้งสุดท้าย
ปฏิบัติการรื้อถอนรีสอร์ทสถานประกอบการที่ทำผิดกม.บนภูทับเบิก ต้องชะงักหลังกลุ่มชาวม้งซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ทและชาวบ้านในพื้นที่ประมาณ 200 คน ปิดถนนกดดันจนท.
โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์
ปฏิบัติการรื้อถอนรีสอร์ทและสถานประกอบการที่ทำผิดกฎหมายบนภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคำสั่ง หน.คสช.ที่ 35/59 มาตรการแก้ปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินภูทับเบิก มาตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ต้องชะงักและเลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีก 1 สัปดาห์ หลังกลุ่มชาวม้งซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ทและชาวบ้านในพื้นที่ประมาณ 200 คน ปิดถนนทางเข้าหมู่บ้านทับเบิกกดดันให้เจ้าหน้าที่ยุติปฏิบัติการรื้อถอนเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา
การเจรจาระหว่างทางการและตัวแทนชาวบ้านได้ข้อสรุปยุติปฏิบัติการรื้อถอน แต่หลังจากนั้น บัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ เรียกประชุมคณะกรรมการและคณะทำงาน ศูนย์ปฏิบัติการตามมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิกเร่งด่วน เพื่อทบทวนการทำงานพร้อมปรับแผนปฏิบัติการรื้อถอนใหม่ แต่ยืนยันในส่วนของ 19 รีสอร์ทที่ศาลมีคำตัดสินแล้วและมีคำสั่งให้รื้อถอน ยังต้องบังคับใช้กฎหมายเดินหน้าปฏิบัติการรื้อถอนกันต่อไป โดยยืดเวลาให้ 19 รีสอร์ทเพื่อให้รื้อถอนเองภายใน 7 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 29 ส.ค.นี้ หากครบกำหนดเวลาแล้วผู้ประกอบการยังไม่รื้อถอน เจ้าหน้าที่ก็จะเข้ารื้อถอนเอง
อย่างไรก็ตาม การนัดประชุมระหว่างจังหวัดเพชรบูรณ์กับผู้ประกอบการภูทับเบิกเมื่อ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ชาญวิทย์ เฟื่องฟูกิจการ ที่ปรึกษากลุ่มผู้ประกอบการชาวม้งภูทับเบิก ได้กล่าวในที่ประชุมว่า
“ทุกคนมีความกดดันอย่างมาก ขอความเห็นใจจากผู้ใหญ่ ขอให้แก้ไขอย่างสร้างสรรค์ หยาดเหงื่อแรงงานกว่าจะได้มายากเย็นแค่ไหน”
ขณะที่ บัณฑิตย์ โต้แย้งกลับว่า “ทำไมชาวบ้านจึงไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตั้งแต่มีคำตัดสินแล้ว พี่น้องชาวม้งที่ถูกคำพิพากษาตั้งแต่ปี 2554 ต่อเนื่องมา 5 ปี หากปฏิบัติตามคำพิพากษาพี่น้องบนภูทับเบิกอีกหลายๆ รายคงไม่ทำแบบนี้ จนมาถึงและได้รับผลกระทบมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นตัวอย่างคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและยังคงขยายพื้นที่ธุรกิจมากมาย ทั้งที่ราชการไม่ได้กำหนดให้ทำได้ เพราะฉะนั้นคุณชาญวิทย์น่าจะเข้าใจในฐานะนักกฎหมาย คนที่อยู่ไม่ได้ผิดเพราะได้รับอนุญาตให้อยู่ เพราะฉะนั้นอย่าเอาการกระทำผิดกฎหมายมาเปรียบเทียบกับชาวทับเบิกที่ไม่ได้มีผลประโยชน์จากการทำธุรกิจดังกล่าว และคนกลุ่มนี้ก็แค่คนส่วนน้อยเท่านั้น”
แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ บัณฑิตย์ พูดเปรยถึงการปล่อยข่าวลือว่าทางราชการจะรื้อรีสอร์ทหมดทั้งดอย เปรียบเสมือนถูกวางระเบิดลูกใหญ่ไว้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงจำเป็นต้องหาวิธีการดับกระแสข่าวลือ เพื่อให้ภารกิจบังคับใช้กฎหมายจัดระเบียบภูทับเบิกให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ แต่ในส่วนของการปิดถนนขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบหากเข้าข่ายจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย
“จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการที่กระทำผิดต่อไป ทั้งนี้จะขยายเวลาให้มีการรื้อถอนเองไปอีก 7 วัน และเมื่อครบกำหนดแล้วจะเข้าไปดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ทที่ฝ่าฝืนกฎหมายต่อไป เพราะภูทับเบิกเป็นสมบัติของชาติและของคนไทยทุกคน” ผวจ.เพชรบูรณ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน กระแสความไม่พอใจของกลุ่มผู้ประกอบการและชาวบ้านบน ภูทับเบิกจำนวนหนึ่งก็กำลังถูกโยงเข้าสู่ประเด็นเชื้อชาติ โดย เอมอร ตันติมาลา ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสประจำ จ.เพชรบูรณ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ กรณีมีผู้นำคลิปวิดีโอการรายงานสดข่าวกลุ่มชาวม้งภูทับเบิกชุมนุมปิดถนนประท้วงไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ และมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นในเชิงตำหนิด่าทอ สร้างกระแสเรื่องเหยียดชนชาติ พร้อมข่มขู่เรื่องการปองร้าย
“การรายงานสดไม่น่าจะถูกหยิบมาเป็นประเด็นโจมตี โดยเฉพาะเรื่องการเหยียดชนชาติ เชื่อว่ามีเป้าประสงค์แอบแฝงมากกว่า และการตัดสินเข้าแจ้งความร้องทุกข์ก็เพื่อต้องการให้กลุ่มคนเหล่านี้หยุดการกระทำเหล่านี้ จากการสัมผัสชาวไทยม้งมาโดยตลอด ส่วนใหญ่ต่างเข้าใจบทบาทการทำงานของสื่อเป็นอย่างดี เพียงแต่มีกลุ่มชาวม้งเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สูญเสียประโยชน์ จึงเข้าใจว่ามีความพยายามใช้เรื่องนี้มาจุดกระแสให้ติด โดยมีจุดมุ่งหมายอื่นมากกว่า”
สถานการณ์การจัดระเบียบภูทับเบิกมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง และถือเป็นจุดสำคัญ เพราะใช่เพียงนายทุนนอกพื้นที่ แต่ยังต้องเผชิญหน้าผู้ประกอบการในพื้นที่อีก 95 ราย ซึ่งอธิบดีกรมป่าไม้ชี้ชัดว่าก็ต้องอยู่ในข่ายถูกดำเนินการเช่นกัน ม็อบขวางการรื้อรีสอร์ทในครั้งนี้จึงเป็นการหยั่งเชิงวัดกระแส ซึ่งต้องจับตาดูปฏิบัติการของทางจังหวัดเพชรบูรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 29 ส.ค.นี้อีกครั้ง


