posttoday

Set Zero เพื่ออะไร?

21 สิงหาคม 2559

โดย...ทวี สุรฤทธิกุล

โดย...ทวี สุรฤทธิกุล

Set Zero แปลว่าล้างบางแล้วสร้างใหม่

เหมือนกับการตั้งเข็มไมล์วิ่งรถ พอวิ่งมาได้ระยะหนึ่งก็กดเข็มไปตั้งที่เลขศูนย์ แล้วพอรถออกวิ่งอีกครั้งก็จะหมุนไปตามตัวเลขชุดใหม่ หมายถึงการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการ

ในคราวที่ กปปส.ได้ปิดถนนทั่วกรุงเทพฯ เป็นดาวกระจายไปหลายๆ ทิศ ที่เรียกว่า Shut Down Bangkok เมื่อปลายปี 2526 จนกระทั่งมีการรัฐประหารในวันที่ 22 พ.ค. 2557 นั้น ก็มีการเรียกร้องจากประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้มีการ “ล้างบาง” สิ่งชั่วร้ายหลายๆ สิ่ง ตั้งแต่นักการเมืองชั่วๆ พรรคการเมืองชั่วๆ จนถึงระบอบทุนสามานย์ที่แสนชั่ว อันนำมาซึ่งการเข้ามาจัดการของทหารในที่สุดนั้น

ในวิชาจิตวิทยามวลชนมีแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองออกเป็น 3 แนวทางใหญ่ๆ แนวทางแรกเรียกเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า “การแยกสีดำออกจากสีขาว” คือผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ต้องแยกดีแยกชั่วให้ชัดเจน แนวทางที่สองเรียกว่า “ใบไม้หลากสี” คือการยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย โดยการจัดการให้ผู้คนที่มีความแตกต่างขัดแย้งนั้นลดทอนความแตกแยกระหว่างกัน และอยู่ร่วมกันให้ได้ในที่สุด แนวทางสุดท้ายเรียกว่า “จานผสมสี” คือการผสมผสานความดีความชั่วในสังคมให้ได้สมดุล เพราะการแยกสีขาวออกจากสีดำอาจจะทำได้ยาก ในทำนองเดียวกันกับการปล่อยให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันไป แล้วปล่อยให้เวลากับสถานการณ์ช่วยประสาน ก็อาจจะหวังผลได้ยาก ดังนั้นจึงต้องมีวิธี “บังคับ” หรือจัดการให้คนทุกคนอยู่ร่วมกันให้ได้ ด้วยมาตรการที่หลากหลายและยืดหยุ่น

ผู้เขียนได้รับข้อมูลจากกลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความเห็นต่อการร่างกฎหมายลูกในส่วนของกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ว่าได้มีคนจำนวนมากในคนกลุ่มนี้อยากจะให้มีการ “ล้างบาง” คือแยกขาวและดำออกให้ชัดเจน ด้วยการคัดแยกและกีดกั้นพวกนักการเมืองสีดำอันชั่วร้ายให้ออกไปเสียจากวงการการเมือง หรือไม่อาจจะเข้ามายุ่งเกี่ยวการเมืองได้อีกต่อไป ส่วนมาตรการหรือจะใช้กลไกทางกฎหมายที่จะบัญญัติไว้ในกฎหมายลูกนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ผู้เขียนไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะถึงอย่างไรก็ทำได้ยาก และไม่มีทางเป็นไปได้ในระบบการเมืองไทย

นักการเมืองไทยเป็น “มนุษย์พันธุ์ประหลาด” คือไม่สามารถที่จะกำจัดไปได้ง่ายๆ แม้จะเอาไปฆ่าไปฝังก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ความพยายามในการล้างบางนักการเมืองจึงเป็นเรื่องเพ้อฝัน และหากยิ่งทำไปก็ยิ่งงอกขึ้นมาใหม่ในทำนอง “ฆ่าสิบเกิดแสน” เพราะนักการเมืองเหล่านี้ก็ต้องมีพรรคพวกและบริวาร ที่สำคัญคือประชาชนที่สนับสนุนนักการเมืองเหล่านี้ ไม่เว้นแต่นักการเมืองที่ “แสนชั่ว”

เกี่ยวกับเรื่องการล้างบางทางการเมืองนี้ ผู้เขียนได้คุยกับ “ผู้รู้” 2-3 ท่าน ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยากส์” เพราะจากการที่สังคมไทยเกิดความแตกแยกมาตลอดระยะเวลาหลายปีนี้ ได้สร้างให้สังคมไทยเป็นสังคม “สองขั้ว” อย่างชัดเจน โดยที่ทั้งสองฝ่ายก็ได้สืบสานแนวคิดของผู้นำในแต่ละฝ่ายไว้อย่างมั่นคง พวกหนึ่งก็เชื่อว่าเจ้านายของตนถูกต้องที่ช่วยเหลือประชาชนผ่านนโยบายประชานิยม (อันเลวร้าย) ไม่ผิดแต่อย่างใดที่ทำงานเพื่อประชาชน ในขณะที่อีกพวกหนึ่งเชื่อว่าการเมืองต้องปราศจากคอร์รัปชั่น ใครก็ตามที่ทรยศคดโกงถือว่าเป็นความชั่วร้ายที่ไม่อาจให้อภัย จำเป็นจะต้องใช้อำนาจจัดการอย่างเด็ดขาด

ผู้รู้เหล่านั้นเชื่อว่าในการเลือกตั้งที่ คสช.ได้ประกาศแล้วว่าจะต้องมีขึ้นในปลายปี 2560 อย่างแน่นอนนั้น พรรคการเมืองจะต้องมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด (มีท่านหนึ่งเชื่อว่าอาจจะถึงขั้นลุกลามเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ และนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ในที่สุด ซึ่งผู้เขียนจะนำเรื่องนี้มาตีแผ่ในโอกาสต่อไป) เพื่อแสดง “พลังอำนาจ” ของคนทั้งสองฝ่ายดังกล่าว ถึงแม้ว่าทหารจะสามารถควบคุมเสียงในวุฒิสภาได้ทั้งหมด แต่ในสภาผู้แทนราษฎรนั้นก็ไม่ง่ายที่ทหารจะ “กะเกณฑ์” เอาได้ตามอำเภอใจ

ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น นอกจากกลุ่มพรรคใหญ่ที่เป็น “อริ” กัน 2 พรรคนั้นจะส่งผู้สมัครลงเต็มพื้นที่เพื่อให้ สส.ในพื้นที่ให้มากที่สุดแล้ว ผู้รู้เชื่อว่าทั้งสองพรรคก็จะส่ง “พรรคนอมินี” คือพรรคที่เป็นทางเลือกในลำดับที่สองลงไปแบ่งคะแนนในพื้นที่เพื่อผลต่อการได้มาของ สส.แบบบัญชีรายชื่อ ภายใต้ระบบ “ทุกคะแนนมีค่า” ดังนั้นพรรคที่จะลงมาแข่งไม่ว่าจะเป็นพรรคร่างทรงของทหาร หรือพรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ ก็จะต้องเจอปัญหา “เจ้าที่เจ้าทาง” นี้เป็นอุปสรรค ที่จะทำให้โอกาสสอดแทรกเข้าไปเป็น สส.นั้นยากมาก

การล้างบางนักการเมืองจึงเป็นแนวคิดแบบ “Impossible” เพราะนักการเมืองเจ้าของพื้นที่จะไม่ยอมให้ใครมา “แบ่งแย่ง” ซ้ำร้ายกลับจะยิ่งทวีการแข่งขันให้ดุเดือดมากขึ้น ด้วยการ “เพาะเชื้อ-ขยายพันธุ์” นักการเมืองรุ่นใหม่ (หรือบางทีก็เป็นคนเก่าๆ ที่เคยลงเลือกตั้งมาหลายๆ ครั้งแล้วนั่นแหละ เพราะคนพวกนี้ยังมีฐานเสียงดีเอามาแบ่งคะแนนได้) ให้แพร่กระจายมากขึ้น กลายเป็นอาณาจักรใหม่ของนักการเมืองพันธุ์เดิมๆ

ล้างบางนั้นล้างได้ แต่ต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้น!

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท