posttoday

กำจัดผักตบฯ‘บ้านศาลาดิน’ ได้เงินโดยไม่ต้องพึ่งรัฐ

14 สิงหาคม 2559

รัฐบาลกำลังเร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งกำจัดผักตบชวาที่ลอยเกลื่อนตามแม่น้ำต่างๆ

โดย...นภัค ตรีแดงน้อย

รัฐบาลกำลังเร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งกำจัดผักตบชวาที่ลอยเกลื่อนตามแม่น้ำต่างๆ เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างคล่องตัว ลดผลกระทบจากปัญหาน้ำไหลช้า ระบายไม่ทันจนเอ่อท่วมตลิ่ง ล่าสุดการกำจัดผักตบชวาในพื้นที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดถึงความเอาจริงเอาจังของหน่วยงานรัฐ เพียงแค่ช่วงสัปดาห์เดียว ผักตบชวากว่า 5 หมื่นตัน ที่ลอยเป็นแพยาวนับกิโลเมตร ก็ถูกเก็บกำจัดไปจนเกลี้ยง

แต่สำหรับประเทศไทย แม่น้ำคูคลองอีกหลายสาย หลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาผักตบชวาอัดแน่น ทำให้น้ำเน่าเสีย การสัญจรทางน้ำติดขัด บางแห่งกำลังเร่งจัดเก็บ บางแห่งยังต้องรองบประมาณจากภาครัฐ คงมีเพียงบางพื้นที่ซึ่งชุมชนมีการจัดการที่เข้มแข็ง ทำให้การจัดการปัญหาบรรเทาลง เช่น ที่คลองมหาสวัสดิ์ หมู่ 3 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ไม่ต้องรองบประมาณ ไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากท้องถิ่น เพราะที่นี่กำจัดผักตบชวาด้วยชุมชนเอง

วันชัย สวัสดิ์แดง ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำบ้านศาลาดิน กล่าวว่า ชุมชนแห่งนี้เคยต้องประสบปัญหาผักตบชวาแน่นคลองมหาสวัสดิ์มาเป็น 10 ปี แต่ละปีกรมชลประทานจะจัดเก็บให้ 2 ครั้งอีก 45 วันหลังจากจัดเก็บ ก็กลับมาแน่นเต็มคลองเหมือนเดิม ทำให้น้ำเน่า ปลาตาย ต่อมามูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร สอนให้รู้จักนำแนวทางพระราชดำริมาใช้ เมื่อกรมชลประทานจัดเก็บผักตบชวา ชาวบ้านก็นำมาวางเป็นกอง ทำปุ๋ยหมัก

การลองทำครั้งแรกเรียกได้ว่าล้มเหลว เพราะผักตบสดๆ เน่าเละจนกลายเป็นน้ำ ต่อมากรมพัฒนาที่ดิน แนะนำให้นำผักตบชวามาผึ่งพอแห้ง แล้วทำปุ๋ย ครั้งนี้ชาวบ้านร่วมลงทุนกันประมาณ 1 หมื่นบาท ทำเป็นปุ๋ยหมักขายได้เงิน 4,000 บาท ขาดทุน 6,000 บาท เพราะผักตบชวายุบตัว ทำให้เริ่มคิดใหม่ ที่จะหาวิธีใช้ประโยชน์จากผักตบชวาให้ได้เต็มที่ ไม่ขาดทุน

กำจัดผักตบฯ‘บ้านศาลาดิน’ ได้เงินโดยไม่ต้องพึ่งรัฐ

 

“อาจารย์สุเมธ (สุเมธ ตันติเวชกุล) ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และอาจารย์เกษม (ศ.เกษม จันทร์แก้ว) กรรมการมูลนิธิ ย้ำอยู่เสมอว่า จะทำอะไรให้พึ่งตนเอง เน้นภูมิสังคม และคิดอย่างเชื่อมโยงมันไม่มีอะไรที่ไม่มีค่า ดังนั้พวกเราจึงกำจัดผักตบชวาแบบยำไข่ดาว เพราะไข่ดาวมีค่าแค่ฟองละ 7 บาท แต่หากเอามายำใส่หัวหอมพริกก็จะเพิ่มมูลค่าเป็น 40 บาททันที และบังเอิญอีกว่ามีโอกาสไปซื้อดินพร้อมปลูก จึงคิดได้ทันทีว่าจะนำผักตบชวามาทำดินขาย เพราะสังคม รอบๆ ชุมชน ต่างใช้ดินพร้อมปลูกทั้งนั้น มองเห็นตลาดได้ทันทีเช่นกันต่อมาจึงชักชวนชาวบ้านลงมือทำ”

วันชัย เล่าต่อไปอีกว่า เมื่อค้นพบวิธีการใหม่ ก็ใช้สูตรอัตราส่วน 1 ส่วนทั้งหมดมาเคล้ารวมกัน ประกอบด้วย ผักตบหั่นตากแห้ง หน้าดินนาบดป่นขุยมะพร้าวและขี้เถ้าแกลบ พอทดลองปลูกต้นไม้ ปรากฏว่าต้นไม้งามและโตเร็ว จึงเปิดรับซื้อผักตบชวาสับตากแห้งจากคนในชุมชน กิโลกรัมละ 20 บาท ช่วงเช้าจึงมีผู้สูงอายุพายเรือเก็บผักตบชวา นำมาสับตากแห้งแล้วนำมาขาย จากที่เคยได้แค่เบี้ยยังชีพ ทำให้แต่ละเดือนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก ช่วงแรกๆ ยังรับซื้อแค่คนในชุมชน แต่ปัจจุบันนี้ใครมาขายก็ซื้อทั้งหมด เพราะผักตบชวาในชุมชนโตไม่ทัน

รายได้จากการขายดิน หักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำเข้ากองทุนดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมคูคลอง มีเงินหมุนเวียนเดือนละประมาณ 4 หมื่นบาท ชาวบ้านที่มาโม่ดินบรรจุจะได้กิโลกรัมละ 2 บาท ขายถุงละ 10 บาท หักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วแต่ละเดือนก็จะมีเงินเหลือเข้ากองทุนเดือนละประมาณ 4,000 บาท เพื่อเก็บไว้ใช้บริหารจัดการน้ำให้กับชุมชนบ้านศาลาดิน

“เราไม่ได้หวังกำไร เพราะจุดประสงค์เพื่อกำจัดผักตบชวา โดยใช้ตัวมันเองกำจัดตัวมันเอง ถ้าไม่ทำก็ต้องรอกรมชลประทานมาจัดเก็บ ผ่านไป 45 วัน ก็เต็มคลองเหมือนเดิม ใครมาซื้อดินเป็นการช่วยกำจัดผักตบชวาให้กับคลองมหาสวัสดิ์เช่นกัน”

ชุมชนบ้านศาลาดินแห่งนี้เริ่มกำจัดผักตบชวาด้วยการนำมาทำดินพร้อมปลูก เมื่อต้นปี 2558 ปัจจุบันนี้คลองมหาสวัสดิ์โล่งเตียน สะอาดตา มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาล่องเรือท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างสม่ำเสมอ และชุมชนแห่งนี้ประสบความสำเร็จในการกำจัดผักตบชวาได้ เพราะเชื่อมั่นในแนวพระราชดำริการพึ่งตนเอง

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ