ยกระดับรักษาความปลอดภัยรอบรัฐสภา

จัดกำลังเข้มคุมรอบรัฐสภาหลังเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้หลายพื้นที่ของจังหวัดทางภาคใต้

นางสายทิพย์ เชาวลิตถวิล เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการยกระดับการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่รัฐสภา ว่า ได้สั่งการไปยังสำนักรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้จัดกำลังตำรวจรัฐสภาดูแลความเรียบร้อยภายในพื้นที่อย่างเข้มงวด หลังจากพบเหตุระเบิดก่อกวนความไม่สงบในหลายพื้นที่

ทั้งนี้ รัฐสภาถือเป็นสถานที่สำคัญต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ โดยการดูแลเบื้องต้น คือ ยานพาหนะ และบุคคลภายนอกที่ผ่านเข้า-ออกบริเวณรัฐสภา ต้องถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน

ส่วนกรณีที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยภายในพื้นที่รัฐสภานั้น ยังไม่ได้รับคำสั่งพิเศษให้เพิ่มการดูแลความเรียบร้อยแต่อย่างใด ดังนั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯยังคงใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาเป็นหลัก

ด้านนายสุชาติ โรจน์ทองคำ ผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า มาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่รัฐสภา นายสุรชัยได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดของการจัดเวรยาม ดูแลพื้นที่ ทางเข้า - ออก รัฐสภา และจัดสายตรวจพื้นที่ โดยส่วนตัวได้สั่งการให้เพิ่มจำนวนตำรวจรัฐสภาที่ประจำพื้นที่ประตู เข้า-ออกอาคาร จากเดิมจุดละ 1 คน เป็นจุดละ 2 คน และการเดินตรวจความเรียบร้อยจากเดิมจะให้เดินตรวจทุกๆ 4 ชั่วโมง ได้ปรับเป็นเดินตรวจทุกๆ ชั่วโมง

ขณะที่การจราจรได้ประสานไปยังสน.ดุสิต ให้ปิดเส้นทางแยกถ.อู่ทองใน จนถึงอาคารพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อการดูแลความเรียบร้อยที่เพิ่มมากขึ้น การปรับระดับการรักษาความปลอดภัยจะมีเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ต้องติดตามสถานการณ์อีกครั้ง ทั้งนี้ในวันที่ 13 ส.ค. ซึ่งจะมีการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประปี พ.ศ. 2561 และทราบว่าจะมีหน่วยงานราชการเข้าชี้แจง ทางสำนักงานฯ อนุญาตให้บุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถนำรถมาจอดภายในพื้นที่รัฐสภาได้ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด