posttoday

เสียงสะท้อน...ย้ายรถตู้พ้นอนุสาวรีย์ชัยฯ "มีระเบียบแต่ไม่สะดวก"

10 สิงหาคม 2559

วิเคราะห์นโยบายร้อน ย้ายรถตู้อนุสาวรีย์ชัยฯ ไปสถานีหลัก เพื่อจัดระเบียบ และเสียงสะท้อนจากผู้โดยสารที่ต่างมองว่าไม่ได้รับความสะดวก

โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด

ข่าวใหญ่ที่สะเทือนชีวิตผู้ใช้รถสาธารณะ

เมื่อมีการประกาศนโยบายนำรถตู้โดยสารสาธารณะหมวด 2 ซึ่งให้บริการในเส้นทางกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รัศมีไม่เกิน 300 กม. ภายใต้การดูแลของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 4,205 คัน ย้ายออกไปจากบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อแก้ปัญหาความไร้ระเบียบเรียบร้อย

คำถามก็คือ ผลกระทบจากการย้ายจุดจอดครั้งนี้ มีมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากเป็นที่รับรู้ของคนเดินทางว่า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปรียบเสมือนหัวใจแห่งการเชื่อมต่อรถสาธารณะเลยทีเดียว

เสียงสะท้อน...ย้ายรถตู้พ้นอนุสาวรีย์ชัยฯ "มีระเบียบแต่ไม่สะดวก"

สะดวก ปลอดภัย เป็นระเบียบ

คณะทำงานจัดระเบียบรถตู้สาธารณะ โดยกระทรวงคมนาคมและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศนำ รถตู้จำนวน 4,205 คัน ย้ายออกไปจากบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปอยู่ที่ สถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต) สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ และสถานีขนส่งเอกมัยเท่านั้น

ดรุณ แสงฉาย รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรมการขนส่ง ตำรวจและทหารจะเริ่มทดลองจัดระเบียบนำร่องก่อนในวันที่ 1-15 ส.ค. เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาแก้ปัญหา จากนั้นจะประกาศดีเดย์ในวันที่ 25 ต.ค. ให้รถตู้หมวด 2 ทุกคันต้องไปจอดใน 3 สถานีเท่านั้น และห้ามจอดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ อีก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะออกตรวจจับปรับอย่างเข้มข้น

“ในช่วงแรกของการจัดระเบียบจะมีประชาชนที่เคยใช้บริการรถตู้โดยสารบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ อาจไม่ได้รับความสะดวกบ้าง กระทรวงคมมาคมจึงเตรียมหารือร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อบริการรถบัสรับผู้โดยสาร จากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปยังสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่ง โดยคาดว่าการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะภายในกรุงเทพฯ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของบริการรถร่วม เพราะจะทำให้ บขส.สามารถควบคุมค่าโดยสาร ความปลอดภัย แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลและการจราจรแออัดได้”

ทั้งนี้ จากรถตู้จำนวน 4,205 คัน รถตู้โดยสารเส้นทางสายเหนือเเละตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 2,046 คัน จะถูกย้ายไปจอดในพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต ส่วนสายใต้ จำนวน 1,617 คัน จะย้ายไปที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่  ถนนบรมราชชนนี เเละสายตะวันออก จำนวน 542 คัน จะย้ายไปที่สถานีเอกมัย

เสียงสะท้อน...ย้ายรถตู้พ้นอนุสาวรีย์ชัยฯ "มีระเบียบแต่ไม่สะดวก"

ชั่งน้ำหนักให้ดี ระหว่างปลอดภัยกับความสะดวก

ตามกฎหมายและเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ได้กำหนดให้รถโดยสาธารณะทุกคันต้องใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นต้นทางและปลายทาง โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลการบริหาร จัดการเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชน ฉะนั้นสถานที่จอดรถตู้ในปัจจุบันที่พบเห็นได้ตามใต้ทางด่วนและรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ จึงถือว่าผิดกฎหมาย

นพ.ธนพงศ์ จินวงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (มสช.) แสดงความเห็นว่า นโยบายย้ายรถตู้ บขส. จำนวน 4,025 คัน กลับไปจอดตามสถานีนั้น หากมองในแง่การจัดการ ความเป็นระเบียบ และปลอดภัย ถือว่ายอดเยี่ยม

“ข้อดีของการนำรถตู้กลับเข้าไปอยู่ในสถานี คือ ทำให้ภาครัฐสามารถตรวจสอบสมรรถภาพความพร้อมของตัวรถตู้โดยสารและพนักงานขับรถได้ง่าย นอกจากนี้ การมีที่จอดเป็นหลักแหล่งยังเป็นผลดีต่อพนักงาน ที่สามารถทราบเวลาเข้าออกที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องหลบไปจอดพักตามสถานที่ต่างๆ รอบอนุสาวรีย์ชัยฯ เช่น ซอยรางน้ำ ใต้ทางด่วน ซึ่งทำให้เกิดความอ่อนล้าได้” 

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางถนน บอกว่า ทุกวันนี้อนุเสาวรีย์ชัยฯ มีวินรถตู้กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุม ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ การย้ายมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน จะทำให้สามารถจัดการดูแลได้เป็นระบบ ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยที่มากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามหากมองในมุมผู้โดยสารแล้ว แน่นอน ต้องเสียความสะดวกสบายและเวลาไป เนื่องจากจุดจอดอย่าง สถานีขนส่งจตุจักรและสายใต้ใหม่ ไม่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งที่ดีอย่างรถไฟฟ้า ขณะที่เอกมัยเองก็คับแคบและอยู่ในบริเวณที่มีปัญหาเรื่องจราจร

“หลายๆ คน ตัดสินใจขึ้นรถตู้มาจากต่างจังหวัด ก็เพื่อหวังเข้ามากลางเมืองเลย ไม่มีใครอยากต่อรถหลายต่อ เสียทั้งเวลา และเงินทอง เพราะฉะนั้นนโยบายนี้ หนีไม่พ้นเสียงบ่นแน่นอน ซึ่งสภาพที่เป็นมันสะท้อนให้เห็นว่า สถานีที่เราออกแบบไว้ ไม่ได้มีการเชื่อมต่อที่ดีตั้งแต่แรก ผมคิดว่า ถ้าเร่งพัฒนาจุดจอดบริเวณสถานีหลักในมีระบบรถไฟฟ้าเข้าถึง ปัญหาความไม่พอใจอาจลดลง พูดง่ายๆ ว่า การย้ายจุดยอดนั้น ระยะยาวเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่เดือนตุลาคมนี้ คงไม่ประสบความสำเร็จนัก เพราะผู้โดยสารมองว่า รัฐกำลังโยนภาระให้พวกเขา”

เสียงสะท้อน...ย้ายรถตู้พ้นอนุสาวรีย์ชัยฯ "มีระเบียบแต่ไม่สะดวก"

ไม่สะดวก เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย เห็นใจประชาชนด้วย

พื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นวงเวียนเส้นทางจราจรหลากหลาย เชื่อมต่อกับ ถนนพหลโยธิน ถนนราชวิถี ถนนพญาไท และถนนดินแดง ทำให้จุดนี้มากไปด้วยรถโดยสารสาธารณะ และไม่แปลกที่นโยบายย้ายจุดจอดรถตู้จะสั่นสะเทือนการเดินทางของประชาชนหลายแสนคน

มณฑนา สถาพรวุฒิคุณ อายุ 23 ปี นักศึกษาขาประจำรถตู้โดยสาร สายกรุงเทพ - หมวกเหล็ก บอกสั้นๆ ว่า เดือดร้อนแน่กับนโยบายนี้ เพราะต้องต่อรถไปยังมหาวิทยาลัยอีก 1 ต่อ ซึ่งหมายถึงเวลาและค่าโดยสารเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันว่าสถานีหลักจะเรียบร้อยและเหมาะสมกว่า

“ที่ใหม่ยังไม่เรียบร้อย พร้อมรองรับหรือเปล่าก็ไม่รู้ ย้ายไป จะยิ่งซ้ำเติมให้หนักขึ้นหรือเปล่า รถเมล์กรุงเทพฯ ก็มาไม่เป็นเวลา ถ้าต้องต่อรถเมล์ มีปัญหาเเน่ๆ”

จิรวัฒน์ มั่นคง อายุ 18 ปี นักศึกษา ผู้โดยสารรถตู้สาย แม่กลอง – อนุสาวรีย์ชัยฯ บอกว่า รอบบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตนั้นรถติดมาก ทุกวันนี้ใช้เวลาเดินทางไป-กลับเที่ยวละ 3 ชั่วโมง หากต้องย้ายไปจริงๆ ชีวิตคงจะต้องเปลี่ยนแปลงและเหนื่อยมากขึ้น

นพร ยิ้มกริ่ม แม่ค้าสาวใหญ่วัย 67 ปี  ผู้โดยสารสายกรุงเทพ – องครักษ์ บ่นเสียงดังว่า แก่แล้ว ไม่อยากต่อรถเยอะ เสียเวลาและค่าใช้จ่าย ขอให้รัฐเห็นใจคนทำมาหากินบ้าง

“ใครๆ ก็อยากสะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด ป้ามารับของทุกวันที่ประตูน้ำ จากอนุสาวรีย์ไปประตูน้ำมันใกล้ ถ้าเปลี่ยนจุดจอดไปที่หมอชิต คิดดูตอนหิ้วข้าวของเดินทาง มันเหนื่อยขนาดไหน แถวนั้นรถติดด้วย คำนวณเวลาไม่ได้”

ยอน เชนรัมย์ อายุ 53 ปี ผู้โดยสารอีกรายแสดงความเห็นน่าสนใจว่า บริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ เต็มไปด้วยโรงพยาบาล และการเชื่อมต่อ ซึ่งสำคัญมากกับเหล่าผู้สูงอายุ

“เหตุผลหลักที่อนุสาวรีย์ชัยฯ สำคัญกับผู้สูงอายุก็คือ การอยู่ใกล้โรงพยาบาล ทั้งราชวิถี รามาธิบดี รวมไปถึงสถาบันสุขภาพเด็ก เรานั่งมาถึงและเดินต่อไปอีกนิดเดียว ถ้าย้ายไปที่อื่น คนแก่ คนชรา หรือพ่อแม่เด็กๆ คงลำบากมาก ที่นี่สำคัญจริงๆ”

เสียงสะท้อน...ย้ายรถตู้พ้นอนุสาวรีย์ชัยฯ "มีระเบียบแต่ไม่สะดวก"

รถติด เครียด เสียเวลา

ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารรถตู้โดยสารสาธารณะเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากตอบโจทย์การเดินทางที่ สะดวกสบาย รวดเร็ว และประหยัด

ความคิดเห็นต่อนโยบายล่าสุด ณัฐกิต ชูชาติ อายุ 57 ปี พนักงานขับรถรถตู้โดยสาร สายนครนายก-กรุงเทพฯ ยืนยันว่า การย้ายจุดจอดรถ กำลังจะส่งผลให้ผู้โดยสารมีปัญหาทั้งเรื่องเวลาและภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการต่อรถ

“อนุสาวรีย์ชัยฯ อาจจะมีระเบียบมากขึ้นบ้าง รถติดน้อยลง แต่ที่หมอชิด เอกมัย หรือสายใต้ใหม่ จะหนักขึ้นแน่นอน คนที่แย่ก่อนคือผู้โดยสาร ถ้าเขาเบื่อ ไม่สะดวกจากการต่อรถ และหันไปใช้เส้นทางอื่นเมื่อไหร่ ทีนี้แหละคนขับจะหากินลำบาก เศรษฐกิจรอบบริเวณนี้ก็เสีย คนหายไปจำนวนมหาศาล การจัดระเบียบอะไรสักอย่าง เข้าใจว่ามันเกิดจากความหวังดี แต่ต้องฟังเสียงประชาชนบ้าง ไม่ใช่ว่าจะจัดระเบียบอย่างเดียว ผลกระทบแง่ลบอาจเป็นวงกว้าง ถ้าทำไม่ถูกจังหวะเวลา”

ชัยนิมิตร ตรีนัย อายุ 37 ปี  พนักงานขับรถโดยสาร สายกรุงเทพ - องครักษ์ – บ้านนา ส่ายหัวด้วยความไม่พอใจกับนโยบายย้ายจุดจอดรถ ก่อนระบุว่า ทุกวันนี้รายได้ก็น้อยอยู่แล้ว ย้ายไปอยู่ที่อื่น ผู้โดยสารคงหนีหายไปหมด

“จัดระเบียบคราวที่แล้ว สั่งห้ามรถตู้ บขส. จอดแวะตามป้าย คนก็หายไปเยอะ รอบนี้จะให้ไปอยู่ที่สถานีหลักเลย ผมว่าคนยิ่งหาย บางคนเลือกไปขึ้นที่ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตเลย คำนวณเเล้วถูกกว่า เเละถ้าผู้โดยสารน้อยลง คนขับก็ไม่มีจะกินด้วย”

ชัยนิมิตร ยืนยันว่า บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการพักผ่อนของพวกเขา และสามารถให้บริการผู้โดยสารด้วยร่างกายและสติสัมปชัญญะเต็มที่ โดยปัจจุบันบริการวิ่งรถวันละ 2 รอบ คิดเป็นเวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ไม่แน่ว่าการให้ย้ายไปอยู่ที่สถานีขนส่งหมอชิต อาจจะต้องนั่งหาวกว่าเดิมก็ได้

“ผมว่าตรงนี้ก็เรียบร้อยแล้วนะ ไม่ได้จอดเกะกะเหมือนสมัยก่อนแล้ว รถตู้ทุกคันเห็นด้วยที่จัดระเบียบก่อนหน้านี้ มันดีอยู่แล้ว รถติดน้อยลง เหมาะสมกับทั้งผู้ใช้และไม่ใช้”

คำพวน ไชยบุรมย์ อายุ 51 ปี พนักงานขับรถ สาย อนุสาวรีย์ - พนมสารคาม บอกว่า หากถูกย้ายไปอยู่ที่เอกมัยหรือหมอชิต ก็ต้องยอมรับ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องความเครียดและเหนื่อยล้าจากปัญหารถติดมากขึ้น

“อย่างหมอชิต เรารับรู้กันดีอยู่แล้วว่า บริเวณโดยรอบการจราจรหนาแน่นขนาดไหน ส่วนเอกมัย นั่นไม่ต้องพูดถึงเลย อยู่กลางเมืองซะขนาดนั้น ย้ายเมื่อไหร่ คนขับก็น่าจะเหนื่อยขึ้น ใช้เวลานานขึ้นในการขับรถ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับเพราะทำอะไรไม่ได้อยู่ดีครับ”

เสียงสะท้อน...ย้ายรถตู้พ้นอนุสาวรีย์ชัยฯ "มีระเบียบแต่ไม่สะดวก"

สถานีย่อยทางออกที่เหมาะสม

เมื่อเหตุผลของฝ่ายรัฐต้องการสร้างมาตรฐานความเป็นระเบียบ ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ฝ่ายผู้ใช้งานเห็นว่ากำลังจะสูญเสียความสะดวกสบายไป ทางออกของเรื่องนี้อาจเป็น “สถานีย่อยเฉพาะกิจ”

ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการด้านนโยบายการขนส่ง และโลจิสติกส์ จากทีดีอาร์ไอ บอกว่า ตามกฎหมาย รถตู้โดยสารที่วิ่งระหว่างจังหวัดในระยะทางค่อนข้างไกลมากกว่า 300 กม. จำเป็นต้องเข้าจอดที่สถานีขนส่ง เพื่อความปลอดภัยและการตรวจสอบสภาพที่ถูกต้อง เพียงแต่สถานที่ตั้งของสถานีปัจจุบันไม่สอดคล้องกับการตัดสินใจของผู้ใช้งาน

“สถานีขนส่งในปัจจุบันออกแบบมาเพื่อรถโดยสารขนาดใหญ่ วิ่งในระยะทางไกลตั้งแต่ 400 กม. – 700 กม. การไปนำรถตู้ที่มีระยะทางวิ่งใกล้เข้าสู่สถานีขนส่ง มันทำให้ผู้โดยสารตัดสินใจเลือกมาใช้สถานียาก ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจะเดินทางไปเชียงใหม่ ใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง คงรู้สึกคุ้ม ถ้าต้องเสียเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อเดินทางมาขึ้นรถที่สถานี แต่ปัญหาคือ ถ้าคุณจะไปแค่กาญจนบุรี สระบุรี ที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 - 2 ชั่วโมง การลงทุนเดินทางไปหมอชิต 1 ชั่วโมงเพื่อซื้อตั๋ว ดูแล้วไม่คุ้มและไม่สะดวกพอ เพราะเช่นนั้น ทางออก อาจจะต้องมีสถานีย่อยที่เหมาะสมขึ้นมา โดยมีการออกแบบและกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจใช้พื้นที่ของเอกชนหรือรัฐที่ไม่ได้ใช้งาน มาปรับปรุงเพื่อรองรับผู้โดยสาร”

ดร.สุเมธ  ชี้ว่า อนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่เหมาะสมที่จะเป็นสถานีย่อยได้ เนื่องจากไม่มีจุดจอดรับผู้โดยสารที่ดีและเหมาะสม โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน พนักงานต้องออกไปหลบจอดตามข้างทาง ก่อนทยอยเข้ารับส่งผู้โดยสาร ซึ่งสร้างปัญหาให้ระบบจราจรโดยรอบ

สำหรับสถานีย่อยที่เหมาะสม ต้องคำนึงถึงการต่อเชื่อมต่อกับระบบสาธารณะอื่นๆ อย่างรถไฟฟ้าและรถเมล์จำนวนมาก มีความสะดวกสบายให้ได้ใกล้เคียงกับอนุสาวรีย์ชัยฯ

“คนพอใจกับอนุสาวรีย์ชัยฯ เพราะมีรถไฟฟ้า และรถเมล์ผ่านเยอะ สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทาง ผิดกับหมอชิต ที่เข้าออกยาก และสายใต้ใหม่ ที่ไม่มีการเชื่อมต่อดีพอ ขณะที่เอกมัย ก็มีข้อจำกัดเรื่องขนาดพื้นที่เเละปัญหาจราจร การย้ายสถานที่ต้องคิดและวางแผนให้ดี ไม่นานมานี้รัฐมีบทเรียนแล้วจากการย้ายจุดจอดรถตู้ไปอยู่บริเวณด้านหลังอาคารสถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ มักกะสัน ซึ่งล้มเหลว ไม่มีผู้โดยสารตามไปนั่ง จนต้องกลับมาอยู่ที่เดิม

ดร.สุเมธ ชี้ว่า พฤติกรรมประชาชน เป็นเรื่องที่รัฐต้องทำความเข้าใจว่าพวกเขาต้องการความสะดวกสบาย ถ้าสามารถเสนอทางเลือกที่มีความสะดวกสบายไม่ต่างจากที่เป็นในปัจจุบันมากนัก โดยอาจเพิ่มแรงจูงใจให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก็อาจจะพอทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้

“ถ้ามีแรงจูงใจ มีการออกแบบที่ดี มีบริการที่เหมาะสมกว่า ตัวอย่างเช่น ที่ใหม่ ใกล้รถไฟฟ้า มีรถเมล์ผ่านเยอะ ที่นั่งรอสะดวก แอร์เย็น ซื้อตั๋วง่าย คนขับมีมารยาทดี พวกนี้ก็จะดึงดูดให้คนมาใช้งานโดยปริยาย ถ้าเราเอาเเต่สั่งอย่างเดียวว่าจะย้าย แบบนั้น จะเกิดปัญหา ถึงตอนนี้ ผมยังมองเห็นว่า จุดย้ายไปต้องเหมาะสมกว่า สถานีขนส่งในปัจจุบัน"

การเเก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะอาจจะมองอย่างรอบด้านเเละเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อหาทางออกอย่างยั่งยืน
 

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง