posttoday

พระครูกา รักษาพระบรมธาตุเจดีย์

03 กรกฎาคม 2559

ในการไปนมัสการและบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ที่กรมศิลปากรจัดให้นั้น

โดย...ส.สต

ในการไปนมัสการและบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ที่กรมศิลปากรจัดให้นั้น ได้พบเรื่องพระครูกา ที่รักษาพระบรมธาตุเจดีย์ จึงนำมาเล่าไว้ ณ ที่นี้

แต่เดิมพระบรมธาตุเจดีย์ เมื่อพันปีมาแล้ว ไม่ใช่เขตที่มีพระจำพรรษา เพิ่งจะมีในสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นี่เอง

พระครูสิริธรรมาภิรัต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร รวบรวมว่า ความสำคัญของวัดอยู่ที่พระบรมธาตุเจดีย์ อันเป็นปูชนียสถานสำคัญยิ่งต่อพุทธศาสนิกชน เป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรม เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและความเจริญทางพระพุทธศาสนา

พระครูสิริธรรมาภิรัต เขียนว่า พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวพุทธมาแต่โบร่ำโบราณ ถึงปัจจุบัน จึงเกิดประเพณีการบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ตามลักษณะและความเชื่อของชาวพุทธทางภาคใต้ เช่น แห่ผ้าขึ้นธาตุ ประเพณีตักบาตรธูปเทียน ประเพณีสารทเดือน 10 เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังนิยมถวายเครื่องสักการบูชาด้วยของมีค่า เครื่องทองคำ นาค เงิน ที่มีรูปพรรณต่างๆ เช่น แหวนทอง เข็มขัดทอง รวมทั้งของบูชาที่เป็นเครื่องหมายแห่งความงอกงามคือดอกไม้เงิน ดอกไม้ทอง เป็นต้น และยังมีเครื่องบูชาที่มีเป็นเครื่องมือ ของใช้ อีกมากมาย จนกระทั่งทางวัดต้องสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม ประวัติการสร้างวัดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด นอกจากประวัติจากตำนานที่กล่าวถึงการก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นเอกสารที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าภายหลังเหตุการณ์จริงเป็นเวลายาวนานมาก หลักฐานทางเอกสารที่ชัดเจนปรากฏขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งแต่เดิมมานั้นไม่มีพระภิกษุอยู่ประจำ เพราะครั้งแรกจัดเป็นเขตพุทธาวาส ส่วนวัดที่พระสงฆ์อาศัยอยู่บริเวณรอบๆ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารมีโดยรอบทั้ง 4 ทิศ คือ

พระครูกา รักษาพระบรมธาตุเจดีย์

 

ทิศเหนือ มีวัดพระเดิม วัดมังคุด (สองวัดนี้รวมเข้ากับวัดพระมหาธาตุแล้ว) ส่วนวัดโรงช้างเป็นวัดร้างไปแล้ว

ทิศใต้ มีวัดหน้าพระลาน วัดโคกธาตุ วัดท้าวโคตร และวัดชายนา (ส่วนวัดศพ วัดไฟไหม้ 2 วัดนี้รวมกับวัดท้าวโคตรแล้ว)

ทิศตะวันออก มีวัดดิ่งดง วัดธรรมาวดี และวัดสิงห์ (3 วัดนี้เป็นวัดร้างไปแล้ว) วัดสระเรียง วัดหน้าพระบรมธาตุ และวัดหน้าราหู (วัดหน้าราหูรวมกับวัดหน้าพระบรมธาตุแล้ว)

ทิศตะวันตก มีวัดพระนคร และวัดชลเฉนียน (ชายคลอง) ส่วนวัดแม่ชีเป็นวัดร้างแล้ว

การบำรุงรักษาโบราณวัตถุโบราณสถานภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารในสมัยโบราณนั้น เจ้าผู้ครองนครร่วมกับพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์เป็นครั้งเป็นคราว และเจ้าผู้ครองนครในสมัยนั้น ได้ตั้งตำแหน่งสมณศักดิ์ให้พระสงฆ์รับภาระหน้าที่ขึ้นโดยเฉพาะ คือ ตำแหน่งพระครูเหมเจติยานุรักษ์เป็นเจ้าคณะเมือง และเจ้าคณะรองอีก 4 รูป ตำแหน่งพระครูทั้ง 4 นี้ ไม่ได้เข้าจำพรรษาในบริเวณองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ยังคงจำพรรษาอยู่ในวัดเดิมของตน แต่มีหน้าที่ดูแลรักษาพระบรมธาตุเจดีย์ร่วมกัน คือ

1.พระครูกาแก้ว มีหน้าที่รักษาและรับผิดชอบพระบรมธาตุเจดีย์ทางทิศบูรพา

2.พระครูการาม มีหน้าที่รักษาพระบรมธาตุเจดีย์ทางทิศทักษิณ

3.พระครูกาชาด มีหน้าที่รักษาพระบรมธาตุเจดีย์ทางทิศประจิม

4.พระครูกาเดิม มีหน้าที่รักษาพระบรมธาตุเจดีย์ทางทิศอุดร

พระธรรมวราจารย์ (หลวงปู่แบน) วัดบวรนิเวศวิหาร เขียนในหนังสือหลวงปู่เก็บมาเล่าเล่ม 4 เรื่องที่มาของพระครูกา ว่า เมื่อพราหมณ์ทำพิธีก่อเจดีย์อัญเชิญพระทันตธาตุ บรรจุไว้ในสถานที่ที่เจ้าฟ้าชายทนทกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลาเคยฝังพระทันตธาตุ ได้ทำพิธีไสยเวท ผูกภาพยนตร์เป็นกา 4 ฝูง คือกาขาวเรียกว่ากาแก้ว รักษาทางทิศตะวันออก กาสีเหลืองเรียกว่าการาม เฝ้ารักษาทางทิศใต้ กาสีแดงเรียกว่ากาชาด เฝ้ารักษาทางทิศตะวันตก และกาสีดำเรียกว่ากาเดิม เฝ้ารักษาทางทิศเหนือ เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 854

เมื่อ พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสเมืองนครศรีธรรมราช ทรงเห็นว่าสมควรให้พระสงฆ์มาดูแลวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเป็นประจำ จึงรับสั่งให้สมเด็จพระบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่งอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ ให้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดเพชรจริก ต.ศาลามีชัย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีพระครูวินัยธร (นุ่น) เป็นหัวหน้าให้มาจำพรรษาดูแลรักษาวัด จึงมีพระสงฆ์อยู่ประจำตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

ข่าวล่าสุด

ประเสริฐยันจบด้วยดี “ไชยา” ลาเพื่อไทยเหตุจำเป็นการเมือง