นานาชาติดันสื่ออาเซียน ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
ความพยายามของประเทศกลุ่มอาเซียนที่จะผลักดันส่งเสริมและพัฒนาสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนคือการจัดตั้ง เอไอซีเอชอาร์ ขึ้นมาเป็นหน่วยงานหนึ่งของอาเซียนเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคโดยเฉพาะ
โดย...อักษราภัค ลาภานันต์
ความพยายามของประเทศกลุ่มอาเซียนที่จะผลักดันส่งเสริมและพัฒนาสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนคือ การจัดตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (เอไอซีเอชอาร์) ขึ้นมาเป็นหน่วยงานหนึ่งของอาเซียนเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคโดยเฉพาะ
เอไอซีเอชอาร์เข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญในการจัดแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญในองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งได้ส่งข้อเสนอไปยังรัฐบาลประเทศสมาชิกต่างๆ โดยเมื่อปี 2012 เอไอซีเอชอาร์ ได้ร่างปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในอาเซียนขึ้น และประเทศสมาชิกต่างมีมติรับและปฏิญญาดังกล่าว ในการประชุมอาเซียนที่กรุงพนมเปญ เมื่อเดือน พ.ย. 2012
เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เอไอซีเอชอาร์ได้จัดงานฟอรั่มในประเด็นเรื่องบทบาทของสื่อในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อหาผลสรุปจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่จะนำไปสู่การเสนอรัฐบาลอาเซียนปรับปรุงระบบกฎหมาย สภาพแวดล้อม และพฤติกรรมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล
ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายเห็นว่าสื่อมวลชนในอาเซียนต้องเรียนรู้เพิ่มศักยภาพและความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สิ่งที่ออกไปสู่สาธารณะเป็นไปอย่างเหมาะสม และจะไม่ยิ่งไปซ้ำเติมความแบ่งแยกในสังคม โดยจะมีการร่างคู่มือสำหรับการดำเนินการที่ถูกต้อง เช่นการใช้คำพูดที่อาจก่อให้เกิดความแบ่งแยกในบรรดาคนกลุ่มน้อยและคนพิการ
ลุ๊ก แวนเดอบอน หัวหน้าตัวแทนคณะทูตของสหภาพยุโรป (อียู) ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ระบุว่า ทางอียูซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนการจัดฟอรั่มครั้งนี้ต้องการที่จะผลักดันความหลากหลายและเสรีภาพของสื่อมวลชนในประชาคมเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเรียกร้องให้ประเทศอาเซียนปรับสภาพแวดล้อมให้เกิดการเคลื่อนย้ายของข้อมูลข่าวสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างเสรี และการผลักดันแก้ไขปัญหาความรุนแรงบนอินเทอร์เน็ต
จากการเคลื่อนย้ายข้อมูลอย่างเสรี จะทำให้สื่อมวลชนต้องรับผิดชอบเป็นผู้เปิดเผยการใช้อำนาจของรัฐบาล และสอดส่องการทุจริตนักการเมือง รวมทั้งตั้งคำถามถึงการกระทำที่เป็นการข่มขู่สื่อสาธารณะที่รับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูล
ด้าน ลอเรน เมลลาน เจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (โอเอชซีเอชอาร์) ประจำภูมิภาคอาเซียน ระบุว่า อาเซียนต้องร่วมปรับปรุงการรายงานของสื่อมวลชนในประเด็นสิทธิมนุษยชนให้ดียิ่งขึ้น โดยผลักดันให้สื่อมวลชนรายงานประเด็นดังกล่าวมากขึ้น
ในปัจจุบัน สื่อมวลชนโดยส่วนใหญ่ในอาเซียนยังไม่มีความรู้มากพอในประเด็นดังกล่าว ดังนั้นทางอาเซียนได้ร่วมกับยูเนสโกเริ่มโครงการฝึกสอนสื่อมวลชนในจาการ์ตาเมื่อเดือนก่อนหน้า และคาดว่าจะดำเนินการต่อไปในไทยเพื่อให้สื่อมวลชนมีความรู้ดีขึ้นในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
ลิมมิงกุ๊ก ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารและข้อมูลของยูเนสโก ได้กล่าวเรียกร้องให้มีการรับรองความปลอดภัยของสื่อมวลชนเมื่อรายงานประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยพยายามผลักดันให้มีมาตรฐานของอาเซียนเช่นเดียวกับมาตรฐานระดับสากล
นอกจากนี้ ยังระบุว่า อาเซียนควรจะมีข้อบังคับให้เกิดการสืบสวนอย่างทันที หากเกิดกรณีการทำร้ายสื่อมวลชน เนื่องจากหลายครั้งที่สื่อมวลชนไม่รายงานประเด็นสิทธิมนุษยชน ส่วนใหญ่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมและแรงกดดันต่างๆ โดยกุ๊กเสนอว่า อาเซียนควรเน้นการรายงานอาชญากรรมและการถูกทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนในภูมิภาค เป็นกลไกในการตรวจสอบการถูกคุกคาม ทั้งจากทางออนไลน์และออฟไลน์
ขณะที่กระแสนักข่าวพลเมือง การรายงานข่าวรูปแบบใหม่ที่ขยายตัวพร้อมๆ กับสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ประชาชนทั่วไปมีบทบาทในการส่งเสริมข้อเรียกร้องต่างๆ ในด้านสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น และเปิดพื้นที่การเสนอประเด็นที่สื่อกระแสหลักไม่ได้เสนอ ก่อให้โอกาสและปัญหาขึ้นมาพร้อมกัน
กายาที เวนกิสเตนวารัน อดีตกรรมการผู้บริหารของสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีป้า) ระบุว่า แม้จะมีการขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยให้สื่อมวลชนเข้าถึงและรายงานประเด็นในระดับชุมชนและภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งทำให้ปัญหาในระดับท้องถิ่นกลายเป็นประเด็นขึ้นมา รวมทั้งยังเป็นส่วนที่สร้างการถกเถียงทางการเมืองและปัญหาสังคมขึ้นมา และยังสร้างกระแสของการแบ่งปันข้อมูลการสืบสวนสอบสวน
อย่างไรก็ดี ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนหลายอย่างที่เกิดขึ้นในอาเซียนยังถูกลดความสำคัญ และมีการละเว้นการลงโทษ การดำเนินคดี เมื่อเกิดความรุนแรงและการข่มขู่คุกคาม ทั้งที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนและกลุ่มผู้อ่อนไหวในสังคม
เวนกิสเตนวารัน ยังเสนอเพิ่มเติมว่า ในเอเอชอาร์ดีควรจะเพิ่มเติมข้อความว่าสื่อควรจะมีสิทธิในการแสดงออกโดยไม่มีข้อกีดขวางใด เพื่อให้สอดคล้องกับสิทธิที่บัญญัติไว้ในมาตรา 19 ของปฏิญญาสากล
นอกจากนี้ ยังได้เสนอให้อาเซียนร่วมตั้งองค์กรในด้านการเข้าถึงข้อมูลของสื่อและสาธารณชน รวมทั้งเอไอซีเอชอาร์ควรจะเริ่มต้นออกแถลงการณ์รับมติของยูเอ็น ในเรื่องความปลอดภัยของสื่อมวลชน และประณามการเพิกเฉยต่อกรณีการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานในวงการสื่อ ซึ่งครอบคลุมถึงนักข่าวพลเมือง นอกจากนั้นยังสนับสนุนให้มีการถกเถียงในประเด็นการเมือง และประเด็นอ่อนไหวเรื่องเพศภาวะได้อย่างแพร่หลาย


