ศาลอาญาทุจริต ยกระดับปราบโกง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 พล.อ.เปรม ได้ปาฐกถาพิเศษ ว่า ประเทศไทยควรมีศาลฉ้อราษฎร์บังหลวงเพื่อปราบปรามการทุจริต
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้กล่าวในฐานะองค์ปาฐกในการปาฐกถาพิเศษ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาป้องกันประเทศครบรอบ 60 ปี ว่า ประเทศไทยควรมีศาลฉ้อราษฎร์บังหลวงเพื่อปราบปรามการทุจริต
“หวังว่าคนไทยจะหายจากโรคขี้โกงจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้าชาติอื่นอีกต่อไป ทั้งนี้จะต้องใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตนเคยถามเรื่องคดีว่า ทำไมคดีโกงเรื่องนี้ไม่เสร็จเสียที เขาก็จะตอบว่าขั้นตอนเยอะ แต่ตนก็บอกว่าขั้นตอนสามารถแก้ได้ ประเทศไทยมีศาลมากมาย ทั้งศาลยุติธรรม ศาลภาษี ซึ่งถ้าเราจะตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวงดีหรือไม่ เอาคดีนี้ไปดำเนินการให้เร็ว เพื่อลดขั้นตอนให้เร็วช่วยกันตั้งดีหรือไม่” หนึ่งในแนวคิดของประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2558
จากวันนั้นจนถึงวันนี้แนวความคิดของ พล.อ.เปรม กำลังจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น เนื่องจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตรียมพิจารณาเห็นชอบให้ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกฎหมายในวันที่ 16 มิ.ย. ภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญของ สนช. ที่มี “มนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด” สมาชิก สนช.เป็นประธานได้ดำเนินการปรับปรุงเนื้อหาในร่างกฎหมายเสร็จแล้ว
สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือ ให้จัดตั้งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางโดยยกฐานะแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในศาลอาญาขึ้นเป็นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และจะเปิดทำการเมื่อใดให้ประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา และเมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเปิดทำการแล้ว ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นอื่นรับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบไว้พิจารณาพิพากษา
โดยให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบมีเขตตลอด กทม. สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี และปทุมธานี แต่บรรดาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางก็ได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่จะไม่รับพิจารณาพิพากษาคดีใดคดีหนึ่งที่ยื่นฟ้องเช่นนั้นได้
ขณะเดียวกัน ในร่างกฎหมายฉบับนี้ยังได้กำหนดนิยามคำว่า “คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” ที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางให้มีความหมายครอบคลุมดังนี้
(1) คดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น หรือความผิดอื่นอันเนื่องมาจากการประพฤติมิชอบ
(2) คดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลที่กระทำความผิดฐานฟอกเงิน หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือกฎหมายอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
(3) คดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษบุคคลให้ความผิดเกี่ยวกับการเรียก รับ ยอมจะรับ หรือให้ ขอให้ รับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด หรือการใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้อิทธิพลเพื่อจูงใจหรือข่มขืนใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำใดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น
(4) คดีอาญาที่ฟ้องขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลตามกฎหมายที่กำหนดให้เป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
(5) คดีเกี่ยวกับการจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ หรือจงใจยื่นบัญชีและเอกสารดังกล่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ
(6) คดีร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะเหตุร่ำรวยผิดปกติหรือทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
ผิดปกติ
พร้อมกับให้ความหมายของคำว่า “ประพฤติมิชอบ” ว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด โดยอาศัยเหตุที่มีตำแหน่งหรือหน้าที่อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับคำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีที่มุ่งหมายจะควบคุมดูแลการรับ การเก็บรักษา หรือการใช้เงิน หรือทรัพย์สินของแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จะไม่มีอำนาจพิจารณาคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัวตามกฎหมายว่าด้วยศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะว่า สำนักงานศาลยุติธรรมควรจัดเตรียมแผนการเปิดการทำการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้คดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้รับการพิจารณาพิพากษาด้วยความรวดเร็วและคู่ความที่เกี่ยวข้องได้รับความสะดวกในการติดต่อราชการศาลมากยิ่งขึ้น
“ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ” รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เปิดเผยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การดำเนินคดีทุจริตเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะปกติคดีอาญาของเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้การพิจารณาคดีของศาลเป็นไปอย่างล่าช้า จึงคิดว่าเมื่อมีการจัดตั้งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบจะช่วยคดีได้รับการชี้ขาดรวดเร็วมากขึ้น
ปานเทพ กล่าวอีกว่า การพิจารณาคดีของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบจะเป็นระบบสามศาล และมีขอบข่ายเฉพาะไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยไม่เกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่หากเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกระทำความผิดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังคงต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามกฎหมายกำหนดไว้
“เชื่อว่าจะช่วยให้คดีการทุจริตที่ค้างการพิจารณาในชั้นศาลเวลานี้สามารถดำเนินการไปได้ด้วยรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ” ปานเทพ ระบุ


