สตง.ตรวจห้องผู้ว่าฯกทม.ใช้งบ16.5ล้านปรับปรุง

สตง.เข้าตรวจสอบห้องผู้ว่าฯกทม. กรณใช้งบประมาณกว่า 16.5ล้านบาทปรับปรุงฝ้าเพดานรั่ว คาดสรุปผลได้ภายในเดือนนี้

นายชัยวัฒน์ อนันตศานต์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบการบริหารพัสดุและสืบสวนที่ 3 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า การเดินทางมาที่ศาลากลางกทม. เพื่อเข้าพบ นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ ปลัดกทม. เป็นการมาขอเอกสารเพิ่มเติม กรณีโครงการปรับปรุงห้องทำงานผู้ว่าฯกทม.และคณะผู้บริหารมูลค่ากว่า 16.5 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ สตง.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสังเกตุการณ์แล้ว 2 ครั้งแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่เข้าตรวจสอบห้องผู้ว่าฯกทม.พบการปรับปรุงตรงตามแบบแปลน และตรงกับรายละเอียดราคากลาง แต่กรณีความเหมาะสมของอุปกรณ์กับราคากลางที่ประกาศไปนั้นสตง.ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง คาดว่าจะสรุปผลการตรวจสอบได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ และไม่จำเป็นต้องอายัดการเข้าใช้ห้องทำงาน เพราะได้รับความร่วมมือจาก กทม.แล้ว

อย่างไรก็ตาม โดยหลักการดำเนินโครงการจะต้องมีการอนุมัติก่อนตามระเบียบราชการ แล้วจึงมาเบิกจ่ายเงินไปใช้ ส่วนกรณีที่มีการดำเนินโครงการไปแล้วและมาประกาศหาผู้รับจ้างภายหลังถือว่าผิดขั้นตอนอยู่แล้ว

ด้าน นพ.พีระพงษ์ กล่าวว่า กทม.ยินดีให้ความร่วมในการตรวจสอบตามกฎหมาย ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ เป็นความร่วมมือตามปกติที่กทม.ให้ความร่วมมือกับสตง.มาโดยตลอด หากสตง.สงสัย หรือต้องการข้อมูล สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ สำหรับข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง กทม.ได้ส่งมอบให้สตง.ไปแล้วส่วนหนึ่ง และจะรวบรวมเอกสารทั้งหมดส่งสตง.ภายในวันที่ 15 มิ.ย. โดยยอมรับว่าการปรับปรุงห้องทำงานได้เริ่มทำไปแล้ว 

สำหรับสัญญาจัดซื้อหรือเรื่องงบประมาณ ขณะนี้สำนักการโยธาอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล จึงไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่เท่าที่ทราบในเบื้องต้นคือโครงการปรับปรุงซ่อมแซมห้องผู้ว่าฯและห้องคณะผู้บริหาร เริ่มต้นจากฝ้าเพดานในห้องน้ำถล่มลงมา และเมื่อตรวจสอบพบว่ามีท่อ ฝ้าเพดานชำรุดหลายจุด ประกอบกับศาลาว่าการแห่งนี้มีอายุกว่า 70 ปี และมีการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว

"การซ่อมแซมห้องทำงานบางส่วนมีการปรับปรุงตั้งแต่สมัยที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยผู้ว่าฯกทม.ไม่ทราบเรื่องการปรับปรุงดังกล่าว เมื่อกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งก็เห็นเป็นสภาพนี้แล้ว ส่วนการอนุมัติโครงการที่มีวงเงิน10กว่าลัานบาท  ผอ.สำนักจะมีอำนาจในการอนุมัติโครงการ"นพ.พีระพงษ์ กล่าว