posttoday

ข้อสอบโอเน็ตผิดพลาด ล้มเหลววัดทักษะและความรู้

11 มิถุนายน 2559

ต้องลุ้นกันทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นการสอบโอเน็ต ว่าจะเกิดปัญหาข้อสอบผิดพลาดหรือไม่ ท้ั้งที่โอเน็ตคือการทดสอบ

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

ต้องลุ้นกันทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นการสอบโอเน็ต ว่าจะเกิดปัญหาข้อสอบผิดพลาดหรือไม่ ท้ั้งที่โอเน็ตคือการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานแห่งชาติ ที่ต้องมีความรัดกุม มาตรฐานในการออกข้อสอบ

ผลจากการทักท้วงของ อาจารย์ปิง ดาว้องก์ หรืออาจารย์ปิง เจริญศิริวัฒน์ ติวเตอร์ชื่อดังที่สอนวิชาภาษาไทยและสังคม ที่ชี้ว่า ข้อสอบโอเน็ต ม.6 วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม น่าจะมีข้อสอบผิดพลาดถึง 5 ข้อ ได้แก่ ข้อ 63 ข้อ 72 ข้อ 58 ข้อ 80 ข้อ 85 และยังมีข้อสอบกำกวมอีกหลายข้อ แม้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) จะออกมายืนยันว่า ผิดพลาดเพียงข้อเดียว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นข้อตอกย้ำว่า โอเน็ต เป็นข้อสอบที่อ่อนไหวต่อความผิดพลาด จนถูกนำมาล้อเลียนในรูปแบบต่างๆ กันในโลกโซเชียลจนแทบไม่เหลือภาพลักษณ์ที่ดี

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 การสอบโอเน็ตกลายเป็นข่าวใหญ่ของแวดวงการศึกษา เมื่อมีการเพิ่มรูปแบบข้อสอบโอเน็ต จากเดิมเป็นข้อสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก นักเรียนต้องเลือกข้อที่ถูกที่สุดเพียง 1 ข้อ ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2549-2551 มีการเพิ่มส่วนหนึ่งของข้อสอบและกระดาษคำตอบขึ้นอีก 3 แบบ คือ 1.แบบปรนัยหลายตัวเลือก โดยผู้เข้าสอบต้องอ่านบทความที่เป็นโจทย์ แล้วเลือกตัวเลือกที่สัมพันธ์กัน 2.แบบปรนัยหลายตัวเลือกหลายคำตอบ ผู้สอบต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้อง 2 คำตอบ จาก 6 ตัวเลือก และ 3.แบบระบายค่า/ตัวเลขที่เป็นคำตอบ

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จัดทำขึ้นเพื่อหวังสกัดนักเรียนที่เข้ามาเดาคำตอบ เนื่องจากข้อสอบปรนัยรูปแบบเดิมเพียงแบบเดียวที่ใช้มานาน เป็นข้อสอบที่ถกเถียงกันว่า ผู้ตอบสามารถเดาถูกได้ 1 ใน 4 หรือ 25% เท่ากับว่า ถ้ามีข้อสอบ 100 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน นักเรียนที่ได้ 25 คะแนน อาจได้มาจากการเดา

ผลที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น คือ นักเรียนในหลายพื้นที่ นอกจากจะกุมขมับจากข้อสอบแล้ว ยังต้องงงกับกระดาษคำตอบเพิ่มขึ้นมาอีก ทางออกที่จะแก้ปัญหาก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือเดาเท่าที่เดาได้ สุดท้ายคะแนนก็ออกมาในระดับที่น่าเป็นห่วงว่า คะแนนเฉลี่ยทั้งประเทศตกกราวรูดทุกวิชา

สิ่งที่อยู่ควบคู่กับผลการสอบ คือ โอเน็ตคืออะไร และนอกเหนือจากเป็นคะแนนที่ใช้ยื่นเข้าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นตามสัดส่วนแล้วยังมีความสำคัญอย่างไรอีก

วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ นักวิชาการด้านการศึกษา ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Eduzones.com ระบุว่า ข้อสอบโอเน็ตนั้นถูกตั้งคำถามถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงเรื่อยมา ทั้งที่ตามหลักแล้ว การทดสอบระดับชาติควรมีเจตนาเพื่อควบคุมคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนทั้งประเทศ ให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน

ในทางปฏิบัติแล้ว โรงเรียนแต่ละแห่ง ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนไม่เหมือนกัน หากนโยบายการศึกษาคาดหวังให้เด็กมีความรู้และสมรรถนะที่เป็นเสมือนเป็นแกนกลางเดียวกัน ก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือกลาง คือ แบบทดสอบระดับชาติเพื่อวัดผล แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ข้อสอบโอเน็ตที่มี นอกจากจะไม่สามารถใช้วัดสิ่งที่ต้องการได้ ยังลืมไปว่า เป้าหมายของการเรียนที่จะให้เด็กมีสามสิ่ง คือ ความรู้ ทักษะการใช้ชีวิต และจริยธรรม สามารถสอบวัดได้แค่เพียงสองสิ่งแรก

ขณะเดียวกัน ความรู้และทักษะการใช้ชีวิตนั้น มีรายละเอียดเรื่องความเฉพาะถิ่นรวมอยู่ด้วย ข้อสอบโอเน็ตจึงล้มเหลวในการวัดความรู้และทักษะ กลายเป็นเหลือประโยชน์อย่างเดียว คือใช้เพื่อเป็นคะแนนเข้าเรียนต่อ จนกลายเป็นต้องกวดวิชาเพื่อสอบโอเน็ตให้ได้คะแนนสูง

วิริยะ กล่าวว่า สิ่งที่ สทศ.ดำเนินการเกี่ยวกับข้อสอบโอเน็ต คือยกเลิกการใช้เป็นสัดส่วนคะแนนในการเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษา และหากจะวัดมาตรฐานการเรียนการสอนก็หันไปใช้การสอบหรือข้อสอบประเมินผลนักเรียนนานาชาติ หรือ PISA ก็สามารถวัดหาข้อมูลที่นำมากำหนดนโยบายการศึกษาได้เช่นกัน

พงศธร นามพิลา นักเรียนโรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคม จ.บึงกาฬ ระบุว่า จากประสบการณ์ตรงในฐานะที่ได้สอบโอเน็ตพบว่า ข้อสอบนี้ยังมองข้ามรายละเอียดบางอย่างไป เช่น นักเรียนระดับมัธยมปลายนั้นเรียนหลายแผน หรือหลายสาย เช่น วิทย์-คณิต วิทย์-ชีวะ ศิลป์-คำนวณ ศิลป์-ภาษา ซึ่งมีความรู้ความถนัดที่ต่างกัน โอเน็ตจึงไม่สามารถวัดความรู้ของเด็กมัธยมปลายได้

พงศธร เล่าว่า ในแวดวงของนักเรียนจะพูดถึงข้อสอบโอเน็ตกันไปต่างๆ นานาทุกปี ส่วนใหญ่ก็เป็นแง่ลบและตั้งคำถามว่า ทำไมข้อสอบวัดระดับประเทศถึงได้มีข้อผิดพลาดซ้ำซากได้ทุกปี คะแนนที่ออกมาต่ำมาก เพราะข้อสอบยากเกินไป บางวิชาวัดความสามารถของพวกเขาแทบไม่ได้

“ทุกปี เราได้เรื่องความผิดพลาด บางปีก็ข้อสอบซ้ำกัน ข้อสอบไม่สมเหตุสมผล คำตอบก็กำกวมคือไม่สามารถชี้ชัดได้ จนกลายเป็นเรื่องเอามาเสียดสีกันเมื่อสอบเสร็จ ที่สำคัญคือไม่มีการเปิดเผยข้อสอบ ถ้าเราไปยื่นเรื่องกับ สทศ.ก็ได้มาแค่กระดาษคำตอบแต่ไม่ได้ข้อสอบมาด้วย จนกลุ่มเด็กลือกันแล้วว่า โรงเรียนกวดวิชาบางแห่งถึงกับบอกเด็กว่า ใครจำข้อสอบมาบอกได้ จะให้รางวัล ข้อละ 1,000 บาท เมื่อได้ยินอย่างนี้ เด็กก็ยิ่งอยากไปเรียนในสถาบันกวดวิชาที่บอกอย่างนี้ เพราะเข้าใจว่า ไปเรียนแล้วจะทำให้ได้คะแนนโอเน็ตดีขึ้น” พงศธร กล่าว

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด แอสตัน วิลล่า พบ แมนยู พรีเมียร์ลีก วันนี้ 21 ธ.ค.68