posttoday

ตำรวจแปดริ้วจัดมหกรรมโชว์ ชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์โจร

06 สิงหาคม 2553

ตำรวจแปดริ้วจัดมหกรรมโชว์ ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์โจร จากภาคใต้  พร้อมเชิญชวน ประชาชนผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อ ถูกโจรกรรมรถยนต์หายไปเข้าร่วมงาน ขณะรองผู้บัญชาการฯ ภาค 2 ลุยสาวคดีต่ออีกยาว ก่อนหิ้วขบวนการแนวร่วมโจร ผู้สั่งซื้อเพิ่มอีก 4 คน แถลงถึงผลการจับกุม ขณะชาวบ้านแห่เข้าชมในงานมหกรรมจำนวนมาก จนมีผู้เสียหายสามารถยืนยันชิ้นส่วนรถยนต์ของตัวเองเพิ่มเติมได้อีก มากถึง 13 รายในวันแรก วันที่ 5 ส.ค.53 เวลา 12.30 น. ที่บริเวณโรงงานร้าง ริมถนนสายสุวินทวงศ์ มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ใกล้กับนิคมขนมจีน พื้นที่ ม.5 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นสถานที่เก็บของกลาง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 นำโดย พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช. ภ.2 ได้ติดตามขยายผลการจับกุมขบวนการลักรถ แก๊งค์ “ต๋อง ปิ่นทอง” อย่างต่อเนื่องไปจนถึงเครือค่าย ใหญ่ ที่รับซื้อขายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์มือสอง ในเขตพื้นที่ จ.ภาคใต้ พร้อมตรวจยึดนำของกลางชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์จำนวนมาก เกือบสองพันชิ้น ส่งกลับคืนมายังเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ท้องที่เกิดเหตุที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่โรงเรือนของโรงงานร้าง ให้เป็นไปใ

ตำรวจแปดริ้วจัดมหกรรมโชว์ ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์โจร จากภาคใต้  พร้อมเชิญชวน ประชาชนผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อ ถูกโจรกรรมรถยนต์หายไปเข้าร่วมงาน ขณะรองผู้บัญชาการฯ ภาค 2 ลุยสาวคดีต่ออีกยาว ก่อนหิ้วขบวนการแนวร่วมโจร ผู้สั่งซื้อเพิ่มอีก 4 คน แถลงถึงผลการจับกุม ขณะชาวบ้านแห่เข้าชมในงานมหกรรมจำนวนมาก จนมีผู้เสียหายสามารถยืนยันชิ้นส่วนรถยนต์ของตัวเองเพิ่มเติมได้อีก มากถึง 13 รายในวันแรก
 
วันที่ 5 ส.ค.53 เวลา 12.30 น. ที่บริเวณโรงงานร้าง ริมถนนสายสุวินทวงศ์ มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ใกล้กับนิคมขนมจีน พื้นที่ ม.5 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นสถานที่เก็บของกลาง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 นำโดย พล.ต.ต.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบช. ภ.2 ได้ติดตามขยายผลการจับกุมขบวนการลักรถ แก๊งค์ “ต๋อง ปิ่นทอง” อย่างต่อเนื่องไปจนถึงเครือค่าย ใหญ่ ที่รับซื้อขายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์มือสอง ในเขตพื้นที่ จ.ภาคใต้ พร้อมตรวจยึดนำของกลางชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์จำนวนมาก เกือบสองพันชิ้น ส่งกลับคืนมายังเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ท้องที่เกิดเหตุที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวได้
 
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่โรงเรือนของโรงงานร้าง ให้เป็นไปในรูปแบบของการ จัดนิทรรศการ มหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ด้วยการนำของกลางทุกชิ้นส่วน ที่ทำการตรวจยึดมาได้นั้น จัดวางเรียงรายแยกกันเป็นหมวดหมู่ แบกองอยู่รวมกันบนพื้นคอนกรีตของโรงงาน ซึ่งเป็นอาคารเปิดโล่ง และมีหลังคาคลุมอย่างดี เพื่อให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงชิ้นส่วน ในการพิจารณา และจับลูบคลำส่วนประกอบต่างๆ ของตัวรถ ได้จนถึงมือ จนสามารถที่จะจำชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ของตนเองได้ ในการยืนยันความเป็นเจ้าของและแจ้งความดำเนินคดีต่อแก๊งค์นี้เพิ่มเติมต่อไป
 
พล.ต.ต.สุวิระ กล่าวว่า การจัดมหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์โจรในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนที่เคยถูกโจรกรรมรถยนต์หายไป สามารถเข้ามาตรวจสอบ พิจารณาดูหาของกลางซึ่งเป็นรถยนต์ของตนเองได้ เพื่อยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตน โดยจะเปิดให้เข้าชมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
 
สำหรับความคืบหน้าของคดีในการขยายผลการจับกุมเครือข่ายของแก๊งค์โจรกรรมลักรถรายนี้ สามารถขุดรากถอนโคนขยายผลไปได้อย่างมาก จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วเกือบทั้งหมด รวม 14 คน มีทั้งผู้ที่ลงมือโจรกรรม และผู้ที่รับซื้อ โดยในวันนี้ จึงได้เบิกตัว “ต๋อง ปิ่นทอง” และนายแสงพร้าว ที่ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ นำตัวมาชี้ตัวยืนยัน นายอุทัย ช้องประเสริฐ อายุ 49 ปี เจ้าของอู่อะไหล่รถยนต์ผู้รับซื้อของโจร และลูกค้าของอู่โจรที่รับซื้อรถยนต์ นำอะไหล่ไปใช้งานต่ออีก 3 คน ซึ่งประกอบด้วย นายกฤษฎาพร จันทร์เมธา นายสุนันท์ คงคานิจ และนายยุพเนช จินมณี ที่เพิ่งถูกควบคุมตัวมาได้เพิ่มเติมในวันนี้
 
นอกจากนี้ยังจะมีผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้รับซื้ออะไหล่รถยนต์โจรเพิ่มเติมอีก 3 คน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางนำตัวขึ้นมาจากจังหวัดในภาคใต้ โดยพบว่าเป็นนักการเมืองท้องถิ่น (อบต.) อีกด้วย ถึงขณะนี้ความคืบหน้าในการจับกุมขบวนการแก๊งค์ลักรถยนต์ “ต๋อง ปิ่นทอง” นั้น สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เกือบหมดแล้ว เหลือเพียง นายก็อป และนายคล้อย อีกเพียงสองคน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการหลบหนี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่รับซื้อของโจรไปใช้งานเท่านั้น พล.ต.ต.สุวิระ กล่าว
 
และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับในวันนี้นั้น ยังมีผู้เสียหาย ซึ่งสามีขับรถรับจ้าง ได้ถูกว่าจ้างให้ขับรถออกไปส่งยังต่างจังหวัด แล้วหายตัวไปพร้อมรถยนต์ ต่อมาปรากฏว่าถูกฆาตกรรมเสียชีวิตในภายหลัง จนในที่สุดได้มาพบว่าชิ้นส่วนรถคันที่หายไปมาอยู่รวมกับชิ้นส่วนอะไหล่ที่ตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้ด้วย จึงจะได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกกว่า ปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ด้วย พล.ต.ต.สุวิระ กล่าว
 
ขณะที่ นายอุทัย กล่าวโต้แย้งการแถลงข่าวถึงผลการจับกุม ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน และประชาชนที่เข้ามาดูของกลางว่า ตนไม่ได้ร่วมอยู่ในขบวนการลักรถ แต่เป็นเพียงนายหน้าติดต่อซื้อขายอะไหล่ให้แก่ลูกค้าเท่านั้น โดยทั้งสองฝ่ายนั้นได้กระทำการซื้อขายกันเอง ซึ่งตนเองได้เพียงเปอร์เซ็นค่านายหน้าเท่านั้น และรถยนต์ที่กลุ่มของนายต๋อง นำมาจำหน่ายให้นั้น ผู้ที่นำมาขายยืนยันว่าเป็นรถหลุดไฟแนนซ์ และยินยอมแสดงหลักฐาน ความบริสุทธิ์ใจ คือ บัตรประจำตัวประชาชน ระหว่างการซื้อขาย ตนจึงได้รับซื้อไว้ นายอุทัย กล่าว
 
ส่วนด้าน นายสามารถ นิจนิรันดร์ อายุ 23 ปี พร้อมด้วย นางรุ่งนภา โพธิ์ยวง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.11 ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี สองสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของรถที่ถูกแก๊งต๋อง ขโมยมา โดยสามารถจดจำชิ้นส่วนรถยนต์ของตนเองได้ ที่เหลือเพียง กันชนหน้า ฝาแก้มบังโคลนรถซุ้มล้อ ด้านซ้าย และขวา กล่าวต่อว่าแก๊งค์นายต๋อง และผู้ร่วมขบวนการอย่างรุนแรง ด้วยความโกรธแค้น ขณะเจ้าหน้าที่กำลังร่วมกันแถลงข่าว
 
โดยระบุว่า รถของตนเป็นรถคันแรกในชีวิตที่ออกมาใช้งานค้าขาย ขนส่งผักจากนครราชสีมา มายัง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ในราคากว่า 6.5 แสนบาท แต่เมื่อมาเห็นสภาพรถที่เหลือเพียงชิ้นส่วนอะไหล่ 3 ชิ้นนั้น ตนยังทำใจไม่ได้ พวกคุณทำได้อย่างไร ไม่นึกถึงจิตใจของคนเป็นเจ้าของรถบ้าง ขณะนี้ตนต้องผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ที่เหลือเพียงกุญแจ 3 ดอก ถึงเดือนละกว่า 9 พันบาท และต้องผ่อนกุญแจดอกนี้ไปอีกนานถึง 4 ปี จึงจะหมดภาระ ทั้งที่ตนยังมีค่าใช้จ่ายรอบด้าน ทั้งค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าผ่อนส่งบ้าน และยังไม่มีรถใช้ประกอบอาชีพอีก นายสามารถ กล่าว
 
ขณะที่ นางรุ่งนภา กล่าวว่า รถของตนได้สูญหายไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 พ.ค.53 ขณะจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นทาวเฮ้าท์สองชั้น ในหมู่บ้านแสนสุข ตลาดสี่แยกบ้านโคก พื้นที่ ม.9 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ในช่วงกลางคืน พอตื่นมาช่วงรุ่งเช้าก็ไม่พบรถแล้ว จากนั้นจึงได้ไปแจ้งความไว้ยัง สภ.กบินทร์บุรี และได้ออกตามหารถไปยังอู่ต่างๆ ที่คาดว่ารถจะถูกส่งไปขาย รวมทั้งขายแดนของประเทศเพื่อบ้าน ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด้วย จนหมดเงินในการออกติดตามหาไปหลายหมื่นบาท แต่ก็ไม่พบ จนมาพบว่าอยู่ที่นี่ จึงรู้ว่ารถยนต์ที่หายไปถูกส่งไปขายยังในเขตจังหวัดภาคใต้ และก็เหลือชิ้นส่วนให้เห็นและจำได้เพียง 3 ชิ้นเท่านั้น นางรุ่งนภา กล่าว
 
ขณะที่ผู้เสียหายรายอื่นนั้นต่างทยอยพากันเดินทางเข้ามาดูรถยนต์ของตนเอง ที่สูญหายไป อย่างต่อเนื่อง และมีหลายรายที่เข้ามาดูชิ้นส่วนแล้วพบว่าเป็นรถยนต์ของตนที่หายไป คือ นายยอง คำศิริ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/25 ม.5 ถ.สุราษฎร์ธานี-ปากน้ำ ต.บางกุ้ง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า รถยนต์กระบะ อีซูซุ สีบรอนด์หมายเลขทะเบียน บบ-4284 สุราษฎร์ธานี ของตนนั้นได้ให้ลูกสาวนำไปใช้งาน และขับไปจอดไว้ที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส คลอง 7 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ก่อนถูกโจรกรรมหายไป เมื่อวันที่ 18 ก.ย.52 ตามเวลาจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ คือ เวลา 17.15 น. ที่รถถูกขับออกจากห้างฯ ไป
 
ซึ่งเคยติดตามหาไปหลายแห่งแต่ไม่พบ จนมาพบชิ้นส่วนคอนโซนหน้าอยู่ที่นี่ จากการนำเอากุญแจไขช่องเก็บของหน้ารถแล้ว ปรากฏว่ากุญแจไขได้ และพบตำหนิตรงบริเวณสวิทช์ไฟส่องสว่างหน้าคอนโซนนั้น มีตำหนิตรงกันกับรถยนต์ของตนที่หายไปด้วย นายยอง กล่าว
 
ด้าน พล.ต.ต.มณฑล มีอนันต์ ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้มีเจ้าของรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมหายไปมาพบหลักฐานว่าเป็นรถของตนแล้วจำนวน 48 ราย โดยในวันนี้มีผู้เสียหายมายืนยันของกลางได้จำนวน 13 ราย ซึ่งทางตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา จะเปิดให้ประชนเดินทางมาตรวจสอบทรัพย์สินต่อไปอีก 1 สัปดาห์ และหากผู้เสียหายพบทรัพย์สินของตน และสามารถยืนได้แล้ว ให้ไปติดต่อกับทางพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุ ที่ได้เคยแจ้งความไว้ เพื่อขอให้ทำเรื่องขอคืนของกลาง นำกับไปดำเนินคดียังในท้องที่เกิดเหตุ และรับมอบคืนของกลางจากพนักงานสอบสวนต่อไป พล.ต.ต.มณฑล กล่าว
                                                          

 

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'