มือแทงชายขาพิการอ้างป้องกันตัว-ไม่มีเจตนาฆ่า
ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาใช้มีดแทงชายขาพิการมาสอบสวน เจ้าตัวอ้างใช้มีดป้องกันตัว ไม่มีเจตนาฆ่า เตรียมเรียกหญิงเพื่อนกลุ่มผู้ต้องหามาสอบปมยุยงให้ก่อเหตุ
ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาใช้มีดแทงชายขาพิการมาสอบสวน เจ้าตัวอ้างใช้มีดป้องกันตัว ไม่มีเจตนาฆ่า เตรียมเรียกหญิงเพื่อนกลุ่มผู้ต้องหามาสอบปมยุยงให้ก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน ผบช.น. ได้เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าประชุมติดตามคดีกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายขาพิการ จนเสียชีวิตที่ย่านโชคชัย 4 โดยหลังการประชุมเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดสถานที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบภาพของกล้องวงจรปิด พบว่านายสมเกียรติ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในถนนโชคชัย 4 ซอย 69 โดยมีกลุ่มผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์มาจำนวน 2 คัน ซึ่งภาพที่ปรากฏเป็นภาพหลังจากที่มีการแซวเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นภาพวงจรปิดภายในร้านขนมปังได้บันทึกภาพนายสมเกียรติ ได้เข้ามาหยิบสิ่งของออกไป ต่อมาภาพกล้องวงจรปิดภายในอพาร์ตเมนท์ที่พักของกลุ่มผู้ต้องหา สามารถบันทึกภาพนายสมเกียรติ ขับขี่จักรยานยนต์มาพูดคุยในลักษณะมีปากเสียงกันก่ออนจะแยกย้ายกันไป
ต่อมา ภาพกล้องวงจรปิดภายในร้านขนมปังได้บันทึกภาพขณะที่มีชาย 2 คนในกลุ่มผู้ต้องหาพยายามเข้ามาภายในร้าน แต่กลับหลานชายของนายสมเกียรติห้ามไว้ จากนั้นนายสมเกียรติได้ถืออาวุธมีดเดินออกไปจากร้าน และได้เกิดเหตุรุมทำร้ายขึ้น
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหา ส่วนผู้หญิง 2 คน ที่ฝ่ายผู้เสียหายอ้างว่ามีการยั่วยุส่งเสริมให้เกิดการก่อเหตุ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้หญิง 2 คน ได้โดยสารรถแท็กซี่ มาถึงจุดเกิดเหตุ หลังจากที่นายสมเกียรติ ถูกทำร้ายแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะต้องเรียกมาสอบปากคำอย่างละเอียด ว่ามีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวอ้างจริงหรือไม่
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายพีรพล ยศพงษ์อนันต์ ผู้ต้องหา ที่ลงมือก่อเหตุใช้มีดแทงนายสมเกียรติ มาสอบสวนภายหลังแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้
นายพีรพล ให้การว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง แต่ยืนยันไม่มีเจตนาฆ่า เพราะเป็นการบันดาลโทสะ เนื่องจากถูกนายสมเกียรติใช้มีดฟันที่แขนซ้าย จนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ จึงใช้มีดในป้องกันตัวเท่านั้น
นายพีรพล กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุตนและพวกได้ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านร้านนายสมเกียรติไม่ได้มีการด่าทอ เพียงแค่พูดว่าต้องการซื้อขนมปังเท่านั้น ต่อมานายสมเกียรติตามได้ตามมาถึงที่พัก ซึ่งตนได้ไกล่เกลี่ยและขอโทษไปแล้ว จึงได้แยกย้ายกันกลับที่พัก แต่เพื่อนของตนที่ต้องใช้เส้นทางกลับบ้านโดยผ่านหน้าร้านขนมปังได้มาพบกับนายสมเกียรติอีกครั้งจึงได้เกิดเหตุขึ้น
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย และดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยยืนยันแม้ว่าในกลุ่มผู้ต้องหาจะมีลูกตำรวจรวมอยู่ด้วย ก็ไม่มีผลกับรูปคดีแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ. ชัยรพ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โชคชัยกล่าวว่า กรณีที่มีผู้หญิงตะโกนยุยงให้ก่อเหตุนั้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหาพยานหลักฐาน ในการที่จะเอาผิดจึงฝากประชาชนหรือผู้เห็นเหตุการณ์หากมีหลักฐานหรือข้อมูลต่างๆที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีสามารถแจ้งได้ที่สถานีได้โดยตรง


