posttoday

คุมเข้มสกัดเห็นต่าง เสี่ยงประชามติเสียของ

28 เมษายน 2559

นับถอยหลังสู่เส้นทางการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ซึ่งว่ากันว่าเป็น “เดิมพัน”

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

นับถอยหลังสู่เส้นทางการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ซึ่งว่ากันว่าเป็น “เดิมพัน” ครั้งสำคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

​เมื่อร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็น “ตัวแปร” ที่จะชี้วัดว่าการเมืองจะเดินหน้าต่อไปตามโรดแมปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ ยิ่ง​ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)​นับเป็นฉบับที่ 2 ของ คสช.

หลังจาก​เวอร์ชั่นแรกของ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ถูกตีตกตั้งแต่​ในชั้นแรกจากการลงมติของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

ดังนั้น หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้มีอันต้อง “สะดุด” นอกจากจะกระทบกับการเลือกตั้งที่วางไว้ปี 2560 อีกด้านหนึ่งยังทำให้ความเชื่อมั่นที่มีต่อ คสช.ต้องลดน้อยถอยลงไปจากเดิม

​เพราะไม่ว่า คสช.จะเลือกวิธีร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยเร็วหรือหยิบฉบับเก่าในอดีตมาปัดฝุ่นใช้ใหม่ ถึงจะ​ทำให้สถานการณ์เดินหน้าต่อไปได้ แต่ความชอบธรรมย่อมไม่เทียบเท่ากับรัฐธรรมนูญที่ผ่านฉันทามติของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งยังจะเป็นเกราะป้องกันให้ฝ่ายที่จะมาปรับแก้ในอนาคตทำได้ยาก

ประชามติครั้งนี้จึงมีความสำคัญที่ คสช.​จะต้องทุ่มเทสรรพกำลังผลักดันให้ผ่านด่านหินครั้งนี้ให้ได้

สอดรับกับท่าทีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​ซึ่งแสดงตัวออกแรงดัน​ร่างรัฐธรรมนูญแบบสุดลิ่ม เริ่มตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.​ ที่ออกมาขู่ว่า คสช.​มีหน้าที่ดูเรื่องของความสงบสุข ​ช่วงลงพื้นที่​ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ “อย่าทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นผมลงโทษสถานหนัก”

ยิ่งหากส่องดู “กลไก” ที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในการออกเสียงประชามตินั้น มีแต่เปิดทางให้ฝั่งที่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญออกมาชี้แจงข้อดี แต่กลับไม่เปิดช่องให้คนเห็นต่างได้ร่วมเวทีเพื่อชี้แจงหักล้าง

​แถมยังวางโทษไว้รุนแรง ​โดย พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ในมาตรา 55 ระบุถึงบทลงโทษเจ้าหน้าที่ควบคุมการออกเสียงรวมถึงผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ช่วยเหลือ หากจงใจปฏิบัติทุจริตต่อหน้าที่ ขัดขวางไม่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคําสั่งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เว้นแต่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และกระทําโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครอง ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญาหรือทางปกครอง

ขณะที่เวทีประชาสัมพันธ์ในแต่ละพื้นที่ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กรธ.​ที่จะชี้แจงเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ และตัวแทนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะชี้แจงในส่วนของคำถามประกอบประชามติ โดยไม่เปิดให้กลุ่มคนเห็นต่างได้ร่วมเวที นำเสนอความเห็นมุมมอง

อีกทั้งแนวทางการลงพื้นที่ยังจัดวิทยากรที่จะเผยแพร่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในระดับจังหวัด/จังหวัดละ 5 คน โดยจะใช้ชื่อว่า “วิทยากรอาสาสมัครเผยแพร่ประชาธิปไตย” เริ่มอบรมตั้งแต่ใน
วันที่ 18-19 พ.ค.นี้ ​เพื่อเผยแพร่สาระสำคัญให้กับวิทยากรระดับอำเภอ ​​ระดับหมู่บ้าน โดยใช้ยุทธการเดินเคาะประตูทุกหลังคาเรือน และการจัดประชุมหมู่บ้าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.

อีกด้านหนึ่งจะเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ให้จัดสรรเวลาไพรม์ไทม์ในระหว่างเวลา 17.00-22.00 น. ช่วงใดช่วงหนึ่ง 6 ครั้งแรกแบ่งเป็นการชี้แจงกระบวนการออกเสียงประชามติโดย กกต. 2 ครั้ง ชี้แจงประเด็นสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญโดย กรธ. 3 ครั้ง และชี้แจงคำถามพ่วงโดย สนช. 1 ครั้ง

ทั้งหมดนี้ยิ่งจะทำให้กลุ่มเห็นต่างที่ถูกจำกัดพื้นที่แสดงออกอยู่แล้ว ไม่อาจมีพื้นที่แสดงออกในมุมมองที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ 

ที่ผ่านมาหลายฝ่ายพยายามออกมาเรียกร้องให้ คสช.​ผ่อนคลายกฎระเบียบให้สามารถแสดงออกเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างกว้างขวาง แต่ดูจะไม่ได้รับการขานรับ

ด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดทั้ง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ และคำสั่งของ คสช. สะกดให้การแสดงออกที่ควรจะทำได้กลับทำไม่ได้เพราะเกรงการใช้ดุลพินิจชี้ขาดว่าการแสดงออกอย่างไหนจะผิดกฎหมาย จนไม่อาจออกมาแสดงออกได้อย่างเต็มที่

​จนทำให้สุดท้ายการนำเสนอที่ทำได้ข้อมูลเป็นไปเพียงด้านเดียวมากกว่าการให้ข้อมูลที่รอบด้าน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจที่ถูกต้อง และส่งผลให้การออกเสียงประชามติครั้งนี้ไม่อาจสะท้อนภาพความเห็นของประชาชนได้อย่างเที่ยงตรง

สุดท้ายจะกลับไปซ้ำรอยอดีตที่ทั้งบรรยากาศการออกเสียงและกลไกที่ควบคุมไม่ให้มีการแสดงออกซึ่งความเห็นที่แตกต่าง จะทำให้ผลของประชามติขาดความน่าเชื่อถือ และทำให้ประชามติต้องเสียของในที่สุด​

ข่าวล่าสุด

ทรูเร่งกู้สัญญาณชายแดนไทยกัมพูชาดูแลการสื่อสารช่วงหยุดยิง