จุดยืนประชามติ รอยร้าวใหม่ ปชป.-กปปส.
จุดยืนที่แตกต่างต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ระหว่าง ปชป.กับ กปปส. กำลังกัดค่อยๆ กัดกร่อนเอกภาพของทั้งสองฝั่งที่จะส่งผลกระทบไปถึงทิศทางและความเข้มแข็งทางการเมืองในอนาคต
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
จุดยืนที่แตกต่างต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ และ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กำลังกัดค่อยๆ กัดกร่อนเอกภาพของทั้งสองฝั่งที่จะส่งผลกระทบไปถึงทิศทางและความเข้มแข็งทางการเมืองในอนาคต
ล่าสุด สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมอดีตแกนนำ กปปส. ร่วมแถลงจุดยืนสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไล่มาตั้งแต่ “คำปรารภ” ที่เขียนได้ถูกใจ เพราะได้แสดงออกถึงเจตนารมณ์คนไทยทั้งประเทศ ที่ยืนยันให้ประเทศปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ได้ยอมรับความเป็นจริงทางการเมืองไทย
โดยเฉพาะกับกลไกผ่าทางตันที่ป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารเหมือนอดีต ที่สำคัญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมีเรื่องการปฏิรูปในหมวดพิเศษ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด กปปส. ที่เคยเสนอให้ปฏิรูปประเทศไว้ 5 ด้าน ทั้งเรื่องการเมือง ระบบราชการ การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งปฏิรูปตำรวจ ที่เขียนชัดเจนว่าต้องมีการปฏิรูปภายในหนึ่งปีนับแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ยังไม่รวมกับเรื่องยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดทิศทางการปฏิรูป
แม้แต่หลายเรื่องที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เช่น ที่มา สว. แต่ทางฝั่ง กปปส. ก็เห็นด้วย หรือกระทั่งในบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้ คสช. ทำหน้าที่คัดเลือก สว. 250 คน ก็ยังเห็นด้วยเพราะหลังการเลือกตั้งไม่มีใครคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้นจำเป็นต้องหาหนทางเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยหลังการเลือกตั้ง
ทั้งหมดนี้ดูจะขัดแย้งกับจุดยืนของทางฝั่งประชาธิปัตย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาแสดงความเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มี “ข้อเสีย” มากกว่า “ข้อดี”
ไล่เรียงดูข้อเสียในมุมมองประชาธิปัตย์มีทั้งเรื่องสิทธิที่ลดน้อยถอยลงไปจากอดีต การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญทำได้ยาก ไปจนถึงบทเฉพาะกาล 5 ปีทำให้ สว.เกี่ยวข้องกับการตั้งรัฐบาลถึง 2 ครั้ง คล้ายกับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2521
ถึงจะยังสงวนท่าทีไม่ประกาศว่า “ไม่รับ” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะต้องการรอดูเงื่อนไขจาก คสช. ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แต่การออกมาชำแหละจุดอ่อนในเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ทำให้ประชาธิปัตย์ยากจะกลืนน้ำลายไปรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้
ปัญหาอยู่ที่ เมื่อจุดยืนของ กปปส.และ ปชป. แตกต่างกัน สมาชิกพรรคที่ยังมีบางส่วนคาบเกี่ยวกันจะทำอย่างไร
หากตัด สุเทพ ออกไปเพราะประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมืองทั้งกับ ปชป.หรือ ไปตั้งพรรคใหม่เองก็ตาม แต่แกนนำ กปปส.ที่ยังเป็นสมาชิกประชาธิปัตย์ก็มีอยู่ไม่น้อย กลุ่มคนเหล่านี้จะตัดสินใจตามจุดยืนของพรรคหรือ กปปส.ต่อไป
ดังจะเห็นว่าในการแถลงของอดีตแกนนำ กปปส. ที่เป็นคนของประชาธิปัตย์ไปร่วมแถลงอย่างพร้อมเพรียง ทั้ง ถาวร เสนเนียม วิทยา แก้วภราดัย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ชุมพล จุลใส เรื่อยมาถึง อดีต สส. กทม. ทั้ง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
หากเป็นเช่นนี้ ปมเรื่องการออกเสียงประชามติย่อมสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ และขยายรอยร้าวในอดีตให้กลับมาเป็นประเด็นอีกรอบ แถมอาจลุกลามบานปลายกว่าที่คิด และอาจกระทบไปถึงฐานเสียงภาคใต้อันเป็นฐานที่มั่นของประชาธิปัตย์
ดังจะเห็นว่า ประเด็นนี้ นายหัวชวน หลีกภัย ค้านสุดตัวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พร้อมไฟเขียวให้คนในพรรคออกมาถล่มชำแหละเนื้อหาได้อย่างอิสระ แต่หาก สส.ใต้อีกกลุ่มหนึ่งไปรณรงค์โหวตรับร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ภาคใต้ ย่อมทำให้เกิดความขัดแย้งทั้งในจุดยืน ฐานเสียง ตลอดจนทิศทางการเมืองในอนาคต
เพราะท้ายที่สุดอดีตแกนนำ กปปส.ยกเว้น สุเทพ ก็ต้องกลับมาสวมเสื้อประชาธิปัตย์ลงสนามเลือกตั้งในอนาคต แต่หากวันนี้เกิดมีท่าทีขัดแย้งกับจุดยืนพรรค ย่อมทำให้ความเป็นเอกภาพภายในมีปัญหา
อันจะทำให้เป็นงานยากลำบากของ อภิสิทธิ์ ที่จะประคับประคองพรรคต่อไปในวันที่ไม่มี สุเทพ ช่วยประคับประคองเสียงในภาคใต้เหมือนที่ผ่านมา
จนถึงขั้นล่าสุดมีกระแสข่าวแรงดัน ถาวร เสนเนียม มาเสียบเก้าอี้เลขาธิการพรรค แทนตำแหน่งของ จุติ ไกรฤกษ์ เพื่อเพิ่มความเป็นเอกภาพภายในให้เข้มแข็ง แต่ทั้งหมดยังยากที่จะขยับเพราะคำสั่ง คสช. ที่ควบคุมไม่ให้พรรคการเมืองประชุมได้ พร้อมเสียงปฏิเสธกระแสข่าวว่ายังเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
แต่เชื่อว่าปมร้อนจากการออกเสียงประชามติเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ แถมยังมีส่วนสำคัญในการกำหนดกติกา การเลือกตั้งในอนาคตอีกด้วย ดังนั้นความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างสมาชิกสองซีก ย่อมจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้รอยร้าวภายในประชาธิปัตย์ขยายวงมากขึ้นไม่มากก็น้อย


