หลู่ปัน วิถีมืออาชีพ
หลู่ปันคือชื่อเทพเจ้าแห่งการก่อสร้างของจีน อุปกรณ์ช่างจำนวนหนึ่ง หรือแม้แต่ของเล่นทดลองภูมิปัญญา
โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์
หลู่ปันคือชื่อเทพเจ้าแห่งการก่อสร้างของจีน อุปกรณ์ช่างจำนวนหนึ่ง หรือแม้แต่ของเล่นทดลองภูมิปัญญาบางประเภทของจีน ยังมีชื่อหลู่ปันผสมอยู่
หลู่ปันมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 507-444 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตำนานเล่าว่าเขาเกิดในครอบครัวช่าง ปู่และพ่อของหลู่ปันเป็นช่างก่อสร้าง หลู่ปันจึงคุ้นเคยกับงานช่างตั้งแต่เด็ก
หลู่ปันขยันและชอบเรียนรู้ พ่อของหลู่ปันจึงฝากความหวังไว้กับเขา ดูเหมือนเขาแค่เรียนรู้วิชาต่อจากพ่อก็เพียงพอ แต่พ่อกลับบอกว่าไม่
“เจ้ายังไปได้อีกไกล แต่พ่อให้เจ้าได้เท่านี้ จงไปเสาะแสวงหาอาจารย์และความรู้จากโลกภายนอกเถอะ”
หลู่ปันหนุ่มจึงออกเดินทาง ยินว่าที่เขาจงหนานมีสุดยอดช่างไม้อยู่ท่านหนึ่ง
ขึ้นเขาไปก็เห็นเรือนไม้หลังงาม นี่ต้องเป็นที่อยู่ของช่างไม้ที่เล่าลือ หลู่ปันเดินเข้าไปด้านใน เห็นขวานและเครื่องมือช่างขึ้นสนิมบิ่นหักกองพะเนิน ถัดไปเห็นผู้เฒ่านอนกลางวันอยู่ นี่ต้องเป็นสุดยอดช่างไม้ที่เล่าลือแน่ หลู่ปันยืนรอนิ่งๆ จนพระอาทิตย์ใกล้ตกผู้เฒ่าจึงค่อยตื่น
“ข้าขอฝากตัวเป็นศิษย์ท่านผู้เฒ่า” ผู้เฒ่าเห็นหลู่ปันมาฝากตัว จึงถามคำถามเกี่ยวกับงานช่างทั้งหลาย หลู่ปันตอบได้ฉะฉาน แล้วผู้เฒ่าก็ถามต่อ “วิชางานช่าง ที่บางคนเรียน 3 เดือนก็เป็น บางคนกลับจะใช้เวลาถึง 3 ปี สิ่งที่สองคนนี้เรียน ต่างกันอย่างไร?”
หลู่ปันตอบ “คนเรียนวิชา 3 เดือนเพื่อให้วิชาติดตา คนเรียนวิชา 3 ปีเพื่อให้วิชาฝังใจ” ผู้เฒ่ายิ้มอ่อน พร้อมพยักหน้า
ถามต่อว่า “ศิษย์สองคนสำเร็จวิชาช่าง ได้ขวานไม้ติดตัวลงเขาไป คนหนึ่งใช้ขวานถากถางจนได้ภูเขาทองคำ อีกคนใช้ขวานจารึกชื่อไว้ในใจผู้คน เจ้าจะเป็นศิษย์คนไหน?”
หลู่ปันตอบไม่ลังเล “ข้าขอเป็นคนหลัง!”
ผู้เฒ่ายิ้มใหญ่ หัวเราะเสียงดัง รับหลู่ปันเป็นศิษย์ งานแรกที่มอบหมายให้ทำคือลับคมขวานและเครื่องมือช่างขึ้นสนิมบิ่นหักกองนั้น
หลู่ปันไม่อิดออดต่อรอง ซ่อมแซมลับคมอุปกรณ์ทุกชิ้นของท่านผู้เฒ่าจนเสร็จสมบูรณ์ ผู้เฒ่าพึงพอใจ
ผู้เฒ่าจึงเดินนำหลู่ปันไปหน้าบ้าน ชี้ให้โค่นและถากต้นไม้ใหญ่อายุ 500 ปี ให้เป็นเสากลม
คมขวาน และกบไสไม้ ถูกซ่อมแซมและลับคมอย่างดี ย่อมทำให้งานง่ายขึ้น กระนั้นก็ตาม ต้นไม้ไม่ใช่แค่ใหญ่ แต่เต็มไปด้วยกิ่งก้านมากมาย หลู่ปันจึงใช้เวลานับเดือน จนในที่สุดก็สำเร็จเป็นเสากลมต้นใหญ่ ไร้เสี้ยน และเรียบเนียน
“ดีมาก” ผู้เฒ่าพึงพอใจ สั่งงานชิ้นต่อไป เจ้าจงใช้สิ่วเจาะช่องรอบเสากลม ทั้งหมด 2,400 ช่อง ให้เป็นช่องวงกลม สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สามเหลี่ยม อย่างละ 600
1,200 ช่อง! หลู่ปันไม่ย่อท้อ นั่งใช้สิ่วสกัดแต่งช่องทั้งหมดลงบนเสากลมต้นนั้น ยี่สิบวันยี่สิบคืน จนสำเร็จ
ทั้งความเรียบร้อยในแต่ละช่อง รวมถึงระยะความถี่ห่างระหว่างกัน แสดงถึงความใส่ใจ ผู้เฒ่ายิ้มยินดี พาหลู่ปันเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยหุ่นจำลองอาคารจีน
“เจ้าจงศึกษาหุ่นจำลองเหล่านี้ให้เชี่ยวชาญ”
หลู่ปันขลุกอยู่ในห้องนั้นนับเดือนนับปี ถอดเข้าถอดออกหุ่นจำลองอาคารต่างๆ จนหลับตาประกอบได้ เมื่อมองไปที่หุ่นจำลองตัวใดก็เห็นภาพองค์ประกอบแต่ละส่วนค่อยๆ ประกอบเข้าด้วยกันอย่างแจ่มแจ้ง
หลู่ปันใช้เวลาในการร่ำเรียนกับผู้เฒ่าทั้งสิ้น 3 ปี
หลู่ปันบรรลุวิชาช่างไม้ลงจากเขา ทุกบ้าน ทุกสะพาน ทุกศาลา ที่เดินผ่าน หลู่ปันมองเห็นทะลุปรุโปร่งทุกชิ้นส่วน
ตำนานต่อจากนั้นของหลู่ปันมีมากมาย บ้างก็ว่าขณะชาวบ้านสร้างสะพานหินข้ามลำน้ำ ตาแก่หลู่ปันนั่งสกัดหินก้อนหนึ่ง แล้วจากไป และหินก้อนนั้นคือหินก้อนสุดท้ายที่ช่วยให้สะพานก่อสร้างได้เสร็จสมบูรณ์
บ้างก็ว่า ขณะที่ช่างไม้ปวดหัวเรื่องการสร้างพระราชวังให้ตรงตามความฝันของกษัตริย์ ตาแก่ขายของเล่นผ่านมา ในหาบมีหุ่นจำลองศาลาจีนมากมาย ช่างไม้เห็นหุ่นจำลองชิ้นหนึ่งในหาบของเล่น จึงค้นพบว่า นี่แหละคืออาคารที่กษัตริย์ฝันถึง ตาแก่นั้นก็คือเทพหลู่ปัน
มืออาชีพ คือผู้เชี่ยวชาญและขลุกอยู่ในงานของตน วิถีทางของหลู่ปัน เทพแห่งช่างก่อสร้าง คือตัวอย่างของวิถีมืออาชีพ
วิถีแห่งมืออาชีพไม่เคยง่าย มืออาชีพคือการฝึกฝน ซ้ำๆ ย้ำๆ จนเชี่ยวชาญ ทั้งมีฝีมือชำนาญและเข้าใจในเครื่องมือ
มืออาชีพอาจไม่ใช่ผู้บุกเบิก แต่มืออาชีพทุกคนล้วนแต่มีหนทางที่ต้องแผ้วถาง
มืออาชีพไม่ได้หมายถึงคนมีสติปัญญาสูงสุด ไม่ได้หมายถึงคนมีฝีมือสูงสุด ไม่ได้หมายถึงคนมีความขยันสูงสุด ไม่ได้หมายถึงคนที่อยู่ในวงการนั้นๆ นานสุด
แต่มืออาชีพ คือคนที่มีทุกส่วนที่ว่ามาทั้งหมด ภายใต้ความตั้งใจแน่วแน่
ปราศจากความตั้งใจ และไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ทำอย่างเข้มข้น ก็ไม่มีทางเป็นมืออาชีพ หลู่ปันจึงตอบเคล็ดวิชาของผู้เฒ่าได้ตั้งแต่แรก ว่า “3 เดือนคือวิชาเพื่อติดตา แต่ 3 ปีคือวิชาเพื่อฝังใจ” Slow Life โดยแท้
Slow Life แบบหลู่ปัน จึงเป็น Slow Life ที่สร้างมืออาชีพ
ในยุคที่คนจำนวนมากถีบตัวเอาความแหวกแนว รวดเร็ว หวือหวา เรากำลังละเลยพลังอีกด้านหนึ่งไปหรือไม่ พลังแห่งการเป็นมืออาชีพ ที่เจาะลึกในหน้าที่การงานของตน
ความแหวกแนว สร้างสิ่งใหม่ จำต้องอาศัยจังหวะและสถานการณ์ ไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่ในจุดนั้นได้ แต่เราทุกคนสามารถเป็นมืออาชีพ ในจุดที่เรายืนอยู่ ณ ปัจจุบันได้
เบื้องหลัง i-Phone คือทีมนักออกแบบ รวมถึงวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในการผลิตฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือแม้กระทั่งแผ่นกระจกกอลิล่า
เบื้องหลัง Facebook คือกลุ่มคนที่ช่วยคิดคำนวณอัลกอริทึมในการเลือกและเก็บข้อมูล นักวิเคราะห์พฤติกรรม ฯลฯ
สังคมที่ขาดแคลนมืออาชีพ ย่อมไม่สามารถผลิตคนอย่าง สตีฟ จ็อบส์ และมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ขึ้นมาได้เช่นกัน
มืออาชีพแบบหลู่ปัน จึงเป็นที่ต้องการ พร้อมๆ กับคนแบบ จ็อบส์ และ มาร์ก
และถ้าดูให้ดี แม้กระทั่งคนที่ทำหน้าที่บุกเบิก แหวกทาง ก็ยังมีด้านที่ต้องฝึกฝนและแผ้วถาง ทุกคนต่างเคยถากเสากลมต้นใหญ่พร้อม 2,400 ช่อง มาก่อน
ความเป็นมืออาชีพ จึงมีให้แต่กับคนที่มุ่งมั่นตั้งใจ และไม่เคยเป็นของคนที่ทำอะไรแบบขอไปที


