สามล้อถีบเมืองพระประแดง
สามล้อสัญลักษณ์ อย่างหนึ่งของพระประแดง นอกจากแห่หงส์ ธงตะขาบ ข้าวแช่ และชาวรามัญ
โดย...ส.สต
สามล้อสัญลักษณ์ อย่างหนึ่งของพระประแดง นอกจากแห่หงส์ ธงตะขาบ ข้าวแช่ และชาวรามัญ แต่ปัจจุบันเหลือน้อย เนื่องจากถูกมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาแย่งผู้โดยสารไปเกือบหมด
อ.พระประแดง ที่มีคำขวัญประจำอำเภอว่า ป้อมแผลงไฟฟ้า ราชานุสาวรีย์ ประเพณีสงกรานต์ หมู่บ้านชาวมอญ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ งามตระการวัดหลวง มะม่วงน้ำดอกไม้ ติดใจข้าวเม่าทอด สุดยอดกะละแม เป็นอำเภอที่มีขนาดพื้นเล็กที่สุดของ จ.สมุทรปราการ แต่เป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงด้านต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้กระทั่งชื่อก็ต้องแปล คือคำว่า พระประแดง มาจากคำว่า “ประแดง” หรือ “บาแดง” แปลว่า คนเดินหมาย หรือคนนำข่าวสาร แต่เดิมเมืองพระประแดงเป็นเมืองหน้าด่าน เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นจะต้องแจ้งข่าวสารไปให้เมืองหลวง (ละโว้) ทราบโดยเร็ว ส่วน จิตร ภูมิศักดิ์ อธิบายว่า “พระประแดง” มาจากชื่อ “พระแผดง” ซึ่งเป็นชื่อเทวรูปสำคัญที่ขุดพบสององค์ที่คลองสำโรงต่อคลองทับนาง เมื่อ พ.ศ. 2061 ซึ่งคำว่า “แผดง” มาจากคำเขมรว่า “เผฺดง” ที่ใช้เรียกเทวรูปหรือตำแหน่งยศขุนนาง โดยเชื่อว่าชื่อเมืองน่าจะเรียกตามศาลพระแผดงที่พวกขอมเคยสร้างไว้
นอกจากเป็นเมืองโบราณ เมืองหน้าด่านแล้ว เมื่อ พ.ศ. 2464 ยังเคยมีฐานะเป็นจังหวัด มาถูกยุบเมื่อ พ.ศ. 2475 มีฐานะเป็นเพียงอำเภอ ขึ้นกับ จ.สมุทรปราการ
วันที่ 1 ม.ค. 2486 จ.สมุทรปราการ ได้ยุบลง เนื่องจากขณะนั้นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อ.พระประแดง จึงย้ายไปขึ้นกับ จ.พระนคร วันที่ 10 พ.ค. 2489 ตั้ง จ.สมุทรปราการ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อ.พระประแดง กลับมาขึ้นกับ จ.สมุทรปราการ เหมือนเดิม
ด้านการคมนาคมในอดีต พ.ศ. 2451 นั้น เคยมีรถรางสายปากลัด พระประแดง
การติดต่อกับฝั่งพระนคร สามารถข้ามเรือมาขึ้นที่ท่าถนนตก ต่อรถรางไปท่าเตียน หรือนั่งรถ ร.ส.พ. ซึ่งเป็นรถประจำทางวิ่งถึงท่าเตียนก็ได้ แต่รถรางเลิกแบบเบ็ดเสร็จเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2511 เหลือแต่รถประจำทางสาย 1 ที่วิ่งแทนรถ ร.ส.พ.
ความจริงผมต้องการเขียนถึงสามล้อถีบพระประแดง แต่ก็เล่าพื้นฐานพระประแดงด้านอื่นๆ ประกอบไปด้วย
อันว่าสามล้อถีบ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของพระประแดง ในขณะที่กรุงเทพมหานคร กลายเป็นของต้องห้ามตั้งแต่ พ.ศ. 2502 เพราะจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี สั่งยุบ คนถีบสามล้อ หนึ่งหมื่นห้าพันคน เท่ากับจำนวนสามล้อถีบในขณะนั้นตกงานจากเมืองหลวงไปหากินชานเมือง รวมทั้ง อ.พระประแดง ด้วย
สัมฤทธิ์ ชนะเลิศ ในวัย 72 ปี ถีบสามล้อคู่ชีพที่ อ.พระประแดง มาตั้งแต่ พ.ศ. 2515 บอกว่าตลาดพระประแดงเคยคลาคล่ำไปด้วยสามล้อถีบ ในสมัยก่อนมีประมาณ 700-800 คัน แต่ปัจจุบันเหลือ 100 กว่าคัน คนที่เคยถีบหันไปหาอาชีพอื่น เพราะหากินลำบาก ถูกมอเตอร์ไซค์รับจ้างแย่งผู้โดยสารไปเกือบหมด
ส่วนคนถีบที่ยังพอทำไหวจะมีรายได้ประมาณ วันละ 300 หรือ 400 บาท เป็นรายได้จากลำแข้งจริงๆ
สัมฤทธิ์ ชาวเมืองกาญจนบุรี มาตั้งรกรากที่พระประแดง ปั่นสามล้อเลี้ยงครอบครัวมา 40 กว่าปี ก็ยังจะทำต่อไป เพราะปั่นสามล้อนอกจากได้เงินเลี้ยงครอบครัว ยังช่วยออกกำลังไปในตัวด้วย
ใครอยากนั่งสามล้อถีบที่อยู่ใกล้เมืองหลวง ไปพระประแดงหาได้ง่ายๆ ที่ซอยบ้านแซ่ และซอยเพชรหึงษ์ หรือตามถนนในเมือง ผู้ขับขี่ทุกคนยินดีรับใช้ แต่ช่วงสงกรานต์ไม่ต้องไปหา เพราะ กทม.เหมามาให้บริการแถวถนนข้าวสารครับ


