ทนายยันร่วมรับฟังดีเอสไอสอบปากคำ"สมเด็จช่วง"
ทนายวัดปากน้ำเผยสมเด็จช่วง พร้อมให้ถ้อยคำพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน ยันทีมกม.ร่วมรับฟังด้วย ขณะที่ดีเอสไอเผยตามกฎหมายพยานต้องให้ปากคำโดยไม่มีบุคคลอื่นอยู่ด้วย
ทนายวัดปากน้ำเผยสมเด็จช่วง พร้อมให้ถ้อยคำพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน ยันทีมกม.ร่วมรับฟังด้วย ขณะที่ดีเอสไอเผยตามกฎหมายพยานต้องให้ปากคำโดยไม่มีบุคคลอื่นอยู่ด้วย
วันที่ 16 มี.ค. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) มอบหมายให้พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอและคณะพนักงานสอบสวน เดินทางเข้าสอบปากคำสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรณีการครอบครองเบนซ์โบราณ ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นรถผิดกฎหมาย ซึ่งทนายได้ส่งมอบรถของกลางให้ดีเอสไอและขอให้เอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง
นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสมเด็จช่วง เปิดเผยว่า ในวันนี้( 16 มี.ค.) ได้จัดเตรียมห้องประชุม ไว้รองรับพนักงานสอบสวนที่จะเข้าสอบปากคำในเวลา 20.00 น. ซึ่งห้องประชุมดังกล่าวสามารถรองรับผู้ประชุมได้ไม่เกิน 10 คน โดยตนจะเข้าร่วมรับฟังด้วย เนื่องจากได้รับมอบอำนาจจากสมเด็จช่วงในเรื่องดังกล่าว อีกทั้งสมเด็จช่วงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการจัดซื้อรถแต่เป็นเพียงผู้ได้รับการถวายเท่านั้น ในวันนี้จำเป็นต้องขอทราบประเด็นที่ชัดเจนจากดีเอสไอว่าต้องการได้ข้อมูลใดบ้าง จากนั้นจึงจะสามารถให้ข้อเท็จจริงได้
นายสมศักดิ์กล่าวว่ากรณีที่มีการนัดหมายสอบปากคำในเวลา 20.00 น.นั้นเป็นความสะดวกของสมเด็จช่วง ซึ่งไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะให้สอบปากคำได้ถึงเวลาเท่าใด ให้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่เข้าสอบปากคำ ทั้งนี้ สมเด็จช่วงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี จึงไม่กังวลในการให้ปากคำในช่วงดังกล่าว สำหรับสื่อมวลชนที่จะติดตามทำข่าวทางวัดไม่อนุญาตให้เก็บภาพในห้องประชุมแต่ได้จัดเตรียมพื้นที่ชั้น 2 ของอาคารพิพิธภัณฑ์เพื่อรอฟังการแถลงข่าวจากทางวัดเกี่ยวกับการเข้าพบของพนักงานสอบสวนในครั้งนี้รวมถึงขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ด้วย
ขณะที่พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากทนายว่าจะเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้สรุปว่าจะให้บุคคลใดเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำ แต่ตามกฎหมายพยานต้องให้การต่อพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง สำหรับหลวงพี่แป๊ะ ดีเอสไอก็เรียกสอบสวนในฐานะพยานด้วยกัน
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในการสอบสวนปากคำพยาน ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ไม่อนุญาตให้ทนายความหรือบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง โดยใช้หลักการเดียวกับการนั่งฟังคำเบิกความพยานในชั้นศาล เพราะอาจเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ในชั้นการสอบปากคำผู้ต้องหา สามารถมีผู้ไว้ใจหรือทนายความเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนได้ ขณะนี้การสอบสวนคดีดังกล่าวถูกตั้งข้อสังเกตว่าพนักงานสอบสวนเลือกจะทำหนังสือแจ้งการเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน แต่ไม่เรียกเข้าให้การในฐานะผู้ให้ถ้อยคำ จึงอาจเป็นไปได้ว่าอาจมีการตั้งธงว่าพยานไม่เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในทางใดทางหนึ่ง โดยพยานอาจจะไม่ตกเป็นผู้ตกเป็นผู้ต้องหาในอนาคต
ภาพประกอบข่าว