รุ่นที่สามสืบทอดภารกิจ กลุ่มเจริญสิน
สําหรับใครหลายคน แรงบันดาลใจเป็นเสมือนจินตนาการที่กว้างไกล หรือฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่คนคนหนึ่งจะสามารถคิดและมุ่งมั่นที่จะตามฝันให้เป็นจริงได้
โดย...เจียรนัย อุตะมะ
สําหรับใครหลายคน แรงบันดาลใจเป็นเสมือนจินตนาการที่กว้างไกล หรือฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่คนคนหนึ่งจะสามารถคิดและมุ่งมั่นที่จะตามฝันให้เป็นจริงได้ แต่เมื่อพูดถึงทายาทที่ถือกำเนิดมาในตระกูลใหญ่ที่มีธุรกิจให้ต้องดูแลมากมาย แรงบันดาลใจย่อมมีกรอบเพื่อให้ธุรกิจของวงศ์ตระกูลดำรงอยู่และเติบโตต่อไปได้ โดยมีบรรพบุรุษเป็นผู้กล่อมเกลา
เช่นเดียวกับรุ่นที่ 3 ของตระกูลวงษ์เจริญสินในนามของกลุ่มบริษัทเจริญสิน ผู้บุกเบิกธุรกิจฟอกหนังของประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีสินทรัพย์ทั้งหมด 8,000 กว่าล้านบาท มีบริษัทในเครือทั้งหมด 20 แห่ง ครอบคลุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแฟลตและอาคารพาณิชย์ให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมกว่า 2.8 หมื่นยูนิต ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจอุตสาหกรรมที่รุ่นที่ 3 ของตระกูล คือ สุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล. กรุ๊พ ธุรกิจฟอกหนังในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ ผู้ผลิตรองเท้าเพื่อความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย กำลังช่วยกันปลุกปั้นธุรกิจของตระกูลให้เติบโต
ทั้งคู่เป็นบุตรชายคนโตของรุ่นที่ 2 ที่บิดาของพวกเขาเป็นฝาแฝดที่ร่วมกันกับลุงของพวกเขาและคุณอาก่อตั้งกลุ่มบริษัทเจริญสินดำเนินธุรกิจต่อเนื่องมายาวนานถึง 70 ปี รุ่นพ่อสืบทอดธุรกิจจากรุ่นปู่ที่บุกเบิกธุรกิจโรงฟอกหนัง โดยพ่อของพวกเขามีตำแหน่งเท่ากันเป็นรองประธานกลุ่ม
สุวัชชัย วัย 43 ปี เข้ามาทำโรงฟอกหนังต่อจากพ่อ (คือ ธวัชชัย ที่ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา) ที่นำโรงฟอกหนังเจริญสินเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ตั้งแต่ปี 2537 ภายใต้ชื่อ ซี.พี.แอล.กรุ๊พ
เขาจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และประกาศนียบัตรด้านฟอกหนังจากอังกฤษ
“ผมตามพ่อไปโรงงานตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเป็นลูกชายคนโต พ่อต้องมีลูกมือ ผมมีพ่อเป็นแม่แบบ พ่อผมเป็นคนเงียบ ระมัดระวังมาก ท่านเคยบอกทุกคนสมัยที่ทำงานว่าพ่อแม่ท่านไม่เคยสอน โตขนาดนี้ต้องเรียนรู้เอง เราเห็นพ่อทำงานถ้าไม่ช่วยพ่อก็ไม่รู้จะไปช่วยใคร”
สุวัชชัย กล่าวว่า ช่วงจบมัธยมปลายอยากเรียนด้านการตลาด แต่จับพลัดจับผลูได้เรียนด้านบริหารธุรกิจ จากนั้นไปต่อด้านฟอกหนังที่อังกฤษและได้นำมาใช้ในการบริหารงานทั้งหมด
“ผมเป็นส่วนผสมผสานระหว่างคุณพ่อที่เน้นทำงานมากกว่าพูด กับความเป็นนักการตลาดจากคุณลุงที่ทำให้นำเสนองานเก่ง เพราะตอนเล็กชอบติดตามคุณลุงไปโน่นมานี่ด้วย”
เริ่มงานใน ซี.พี.แอล.กรุ๊พ ตั้งแต่ห้องแล็บ 1 ปี เพื่อเรียนรู้สูตรการผลิตหนัง จับหนังวัวตัวอย่างที่นำเข้ามา เรียนรู้ว่าจะใช้น้ำมันตัวไหนเพื่อให้หนังนุ่ม เทคนิคผสมเคมี ถ้าฟอกหนังกันน้ำไม่ผ่านทำอย่างไร รื้อสูตรทำใหม่ หลังจากนั้นลงมาอยู่โรงงานผลิต จนกระทั่งเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต และเข้ามาดูส่วนกลางวางแผนการผลิต นำสูตรผลิตใส่ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ และเพิ่งขึ้นมาเป็นรองกรรมการผู้จัดการเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา
งานด้านรองกรรมการผู้จัดการปัจจุบันของเขาเท่ากับกรรมการผู้จัดการเงาที่รับนโยบายมาวางแนวทางปฏิบัติ ที่ดูทั้งทางด้านการผลิต จัดซื้อเคมี ซ่อมแซม และฝ่ายบุคคล โดยพาร์ตเนอร์ที่เป็นไต้หวันนั้นจะดูด้านการตลาด
ขณะที่ ภูวสิษฏ์ วัย 41 ปี เป็นลูกชายคนโตของรัตนชัย รองประธานกลุ่มบริษัทเจริญสินที่เป็นพี่ชายฝาแฝดของธวัชชัย พ่อของเขารับหน้าที่ดูแลด้านการตลาดของกลุ่ม ความที่เป็นนักการตลาดเดินทางเยอะ ทำให้มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าต่างชาติ และที่กลุ่มเติบโตได้มาจนทุกวันนี้ เนื่องมาจากคู่ค้าที่กลายมาเป็นพันธมิตรร่วมทุน
อย่างไรก็ตาม ภูวสิษฏ์ได้รับแรงบันดาลใจจากแม่มากกว่า เพราะแม่ของเขาคุมการเงินของกลุ่ม
เขาจบปริญญาตรีด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) จากนั้นไปเรียนปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเนวาดา ลาสเวกัส จบกลับมาดูธุรกิจการ์เมนต์ในกลุ่มที่มีปัญหา
“การ์เมนต์เป็นธุรกิจที่มีปัญหา ธุรกิจขาลง หลังปี 2540 ค่าเงินอ่อนตัวจาก 25 บาท เป็น 40 บาท/เหรียญสหรัฐ เมื่อผมจบกลับมาธุรกิจเริ่มดีขึ้น ผมดูแลสองบริษัท ปัจจุบันรวมกันเหลือบริษัทเดียว”
ภูวสิษฏ์คลุกคลีกับธุรกิจของตระกูลตั้งแต่ยังเล็ก ระหว่างเรียนที่เอแบคได้นำกรณีศึกษาธุรกิจรองเท้าเพื่อความปลอดภัยที่ใช้สวมใส่ในโรงงานของบริษัทรองเท้าเซฟตี้ ที่ปัจจุบันคือแพงโกลินเข้าไปเป็นกรณีศึกษาในการเรียนด้วย
“ในรองเท้า 1 คู่ วัสดุที่เครือเราไม่ทำมีเพียงเชือกและตราไก่เท่านั้น โดยธุรกิจหลักๆ เกี่ยวกับรองเท้าในโรงงานที่บริษัททำคือ หนัง ผ้าใยสังเคราะห์ พื้นรองเท้า พีวีซี และยาง กาว นอกจากนั้นยังแตกไปทำผ้าใยสังเคราะห์เพื่อบุรถยนต์ เม็ดพีวีซี และสายไฟฟ้าแรงสูง สายไฟคอมพิวเตอร์ กาวซิลิโคนในการก่อสร้าง เป็นต้น”
กลุ่มเจริญสินเป็นธุรกิจกงสี เริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2488 หลังจากเริ่มธุรกิจโรงฟอกหนังมาตั้งแต่รุ่นปู่ โดยปู่ของตระกูลนี้มีลูก 7 คน ลูกชายทั้ง 4 คน คือ มาโนช รัตนชัย ธวัชชัย และมานิต ได้รวมกันเป็นกลุ่มเจริญสิน และสร้างอาณาจักรที่เริ่มต้นจากโรงฟอกหนังแตกแขนงมาจนถึงทุกวันนี้


