posttoday

ทำธุรกิจต้องมีความสุข "มานิต" อดีตตำนานโรบินสัน

06 มีนาคม 2559

"ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพในสมัยที่ทำงานหนัก คือ พ่อเราจน แต่พ่อของลูกเราต้องรวย เลยทำให้เราต้องสู้ เวลานอนก็ยังคิดถึงธุรกิจว่าทำอย่างไรจะให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ"

โดย...จะเรียม สำรวจ

ไม่เพียงทำงานหนัก สร้างให้โรบินสันเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย “มานิต อุดมคุณธรรม” ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ยังได้ทำธุรกิจมาอย่างหลากหลาย ทั้งธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นอย่างเอสแฟร์ พีเจยีนส์ และธุรกิจเสื้อผ้าเด็กยี่ห้อพัพเพ็ต ก่อนจะขายห้างโรบินสันไป แล้ว

หันมาเน้นธุรกิจเสื้อผ้า จากนั้นขยายไปธุรกิจอุปกรณ์กีฬาสปอร์ตเวิลด์ ธุรกิจอุปกรณ์และของแต่งบ้านโฮมโปรดักส์ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุดอย่างบุราส่าหรี และล่าสุดก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยโครงการสวอนเลค เขาใหญ่

ปัจจุบัน มานิต ยังคงนั่งในตำแหน่งผู้บริหารใหญ่ในหลายบริษัท ประกอบด้วย ตำแหน่งกรรมการ บริษัท แอคทีฟ เนชั่น เจ้าของแบรนด์ “ซูเปอร์สปอร์ต” ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาครบวงจร ตำแหน่งกรรมการ บริษัท แฟชั่น พีเพิล เจ้าของแบรนด์สินค้าแฟชั่น FQ&L และ F&M ที่มีสาขากว่า 70 แห่งทั่วประเทศ ตำแหน่งกรรมการ บริษัท ยูเอสไอ โฮลดิ้ง ดำเนินธุรกิจผลิตและขายส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูป ตำแหน่งกรรมการบริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้าน รวมทั้งการก่อสร้าง ต่อเติม และซ่อมแซมบ้าน ปัจจุบันมีสาขา 72 แห่งทั่วประเทศ ตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท พานาลี ดำเนินธุรกิจโรงแรม และตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีลิเชี่ยน ดิเวลลอปเม้นท์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในรูปแบบของที่อยู่อาศัยและโรงแรม

ด้วยความที่ทำธุรกิจหลากหลายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้ในแต่ละวัน มานิต ทำงานวันละไม่ต่ำกว่า 10-12 ชั่วโมง เนื่องจากต้องการสร้างเนื้อสร้างตัวและทำให้ธุรกิจที่ดูแลอยู่ประสบความสำเร็จ ซึ่งหลังจากหักโหมทำงานอย่างหนักส่งผลให้สุขภาพเริ่มถดถอย มานิต เลยต้องหันมาดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และใช้ธรรมชาติบำบัดความเหนื่อยล้าจากการทำงานในตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา จนกระทั่งมาเจอที่ดินในเขาใหญ่และซื้อเพื่อพัฒนาไว้พักผ่อนในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา

“การทำธุรกิจที่ผ่านมา ถือว่าปากกัดตีนถีบมาโดยตลอด ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าธุรกิจไม่สำเร็จไม่ได้ เพราะถ้าธุรกิจไม่สำเร็จทุกอย่างก็จะไปต่อไม่ได้ จึงทำให้เราต้องทำงานหนักมาโดยตลอด ปัจจุบันสถานการณ์ทางการเงินดีขึ้น เราเลยเริ่มทำงานแบบตามใจตัวเองได้ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพในสมัยที่ทำงานหนัก คือ พ่อเราจน แต่พ่อของลูกเราต้องรวย เลยทำให้เราต้องสู้ เวลานอนก็ยังคิดถึงธุรกิจว่าทำอย่างไรจะให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ”

มานิต เล่าต่อว่า หลังจากสู้มาพักใหญ่ก็เริ่มรู้ว่า การเอาชนะมันทำให้สุขภาพกายและสุขภาพใจเริ่มแย่ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำงานหนักมาโดยตลอด พอตัวเราทำงานหนักก็ทำให้กรรมการของบริษัทบางคนเครียด สีหน้าไม่ดี หน้าตาไม่สบายใจ และทำให้ความสำเร็จที่วางไว้มองไม่เห็น พอมองคนรอบข้างเริ่มไม่มีความสุขกับการทำงาน เลยต้องหันมาเปลี่ยนแปลงการทำงานให้ผ่อนคลายลง ขณะเดียวกันก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น

“เมื่อก่อนเราคิดว่าเราไม่เก่ง เราทุนน้อย เราเลยต้องทำงานให้เยอะขึ้น เพื่อให้มีเงินเยอะขึ้น แต่พอถึงจุดหนึ่งที่ร่างกายเริ่มไม่ไหว เราเลยต้องหันมาดูแลตัวเองตอนอายุ 40 กว่าๆ ด้วยการหันมาออกกำลังกายมากขึ้น โดยคุณหมออุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ซึ่งเป็นหมอโรคหัวใจ แนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เพราะการวิ่งช่วยให้เส้นเลือดไหลเวียนดี นอกจากนี้คุณหมอยังเล่าให้ฟังถึงนักบินคนหนึ่ง ที่รักษาโรคหัวใจด้วยการวิ่งมาราธอน พอนักบินได้วิ่งมาราธอนก็ทำให้เส้นเลือดหัวใจที่เคยตีบตันเริ่มมีการไหลเวียนดีขึ้นและต่อกันเป็นเส้นเลือดใหม่”

หลังจากได้แรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย มานิต ก็เริ่มจริงจังกับการออกกำลังกาย เริ่มด้วยการวิ่งมาราธอน ต่อมาก็ปั่นจักรยานจนถึงปัจจุบัน และทุกวันนี้ มานิต ยังคงเดินทางจากบ้าน ซึ่งอยู่แถวซอยหลังสวน ปั่นไปทำงานแถวเยาวราชเกือบทุกวัน ซึ่งนอกจากตัวเองจะสุขภาพดีขึ้นแล้ว มานิต ยังเผื่อแผ่การมีสุขภาพดีไปถึงลูกน้องในที่ทำงาน โดยสมัยที่ยังนั่งเป็นผู้บริหารภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ด้วยการนำหนังสือ วิ่งสู่ชีวิตใหม่ ที่เขียนโดย นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม มาแจกให้กับลูกค้าที่เข้ามาช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซึ่ง มานิต เล่าว่าลูกค้าชอบมากที่ได้รับของสมนาคุณเป็นหนังสือ

นอกจากนี้ มานิต ยังมีไอเดียที่จะให้พนักงานของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซึ่งยังบริหารอยู่เมื่อกว่า 10 ปีก่อนมีสุขภาพที่ดีด้วยการออกกำลังกาย จึงได้มีการสร้างห้องอาบน้ำไว้ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสันทุกสาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่ออกกำลังกายได้เข้ามาอาบน้ำก่อนเข้าทำงาน เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเดินทางมาทำงาน

มานิต เล่าอีกว่า เมื่อก่อนจะทำงานหนักมาก ประชุมตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึงเที่ยงคืน พอสมองล้ามากๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ประสิทธิผลทางความคิดลดลง เลยต้องปรับแนวคิดใหม่ เพราะความเครียดตามหลักธรรมะต้องใช้สมาธิบำบัด แต่สำหรับคนที่ทำงานหนัก ความเครียดสามารถบำบัดได้ด้วยการออกกำลังกาย เนื่องจากการออกกำลังกายทำให้เส้นเลือดหมุนเวียนดีขึ้น ซึ่งหลังจากได้ทดลองด้วยตัวเองก็พบว่าสุขภาพดีขึ้น การประชุมก็มีประสิทธิภาพดีขึ้น

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายแล้ว มานิต ยังให้ความสำคัญกับการทำงานแบบมีความสุข ด้วยการใส่เอนจอยไลฟ์เข้าไปในการทำงาน เมื่อมีความสุขกับการทำงาน ไม่ว่าจะทำงานอะไร งานชิ้นนั้นก็จะออกมาดีและมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานแบบเครียดๆ ซึ่ง มานิต บอกว่า ชีวิตมนุษย์มี 2 ทางเลือกตลอด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเลือก ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเลือกทางสว่าง แต่เลือกที่จะไปในทางที่มืด

ทำธุรกิจต้องมีความสุข "มานิต" อดีตตำนานโรบินสัน

แม้ว่าปัจจุบัน มานิต จะไม่ได้นั่งบริหารในห้างสรรพสินค้าโรบินสันแล้ว แต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในธุรกิจค้าปลีกในด้านของการเปิดร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาภายใต้แบรนด์สปอร์ตเวิลด์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 30 สาขา และมีธุรกิจการ์เมนต์ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ ทั้งของเด็กและผู้ใหญ่เข้าจำหน่ายภายในห้างค้าปลีก ซึ่งปัจจุบันธุรกิจยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันธุรกิจในฝั่งของค้าปลีกยังคงสร้างสัดส่วนรายได้หลักให้กับตระกูลอุดมคุณธรรมในสัดส่วน 60-70%

สำหรับสัดส่วนรายได้ที่เหลืออีก 30-40% เป็นเม็ดเงินจากธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของธุรกิจโรงแรมปัจจุบันบริหารงานอยู่ 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมเซี่ยงไฮ้ แมนชั่น เยาวราช โรงแรมบุราส่าหรี รีสอร์ท ภูเก็ต หาดป่าตอง และโรงแรมบุราส่าหรี เฮอริเทจ หลวงพระบาง ซึ่งในอนาคตอันใกล้ มานิต มีแผนที่จะขยายธุรกิจโรงแรมใน จ.ภูเก็ต ภายใต้ชื่อบุราส่าหรี เกาะมะพร้าว จ.ภูเก็ต และลงทุนสร้างวิลล่า เรสซิเดนซ์ ที่เกาะบันทะยัน เซบู ประเทศฟิลิปปินส์ รวมไปถึงการสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ภายในโครงการสวอนเลค ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการสวอนเลค ถือเป็นโครงการแรกที่ มานิต หันมาลุยอย่างจริงจังภายใต้บริษัท อีลิเชี่ยน ดิเวลลอปเม้นท์ หลังได้รับเสียงเรียกร้องจากเพื่อนสนิทและคนรู้จักว่าน่าจะแบ่งที่ดินธรรมชาติผืนนี้ขาย เนื่องจากพื้นที่เกือบ 50% ของที่ดินเกือบ 200 ไร่ของโครงการ มานิต ได้สร้างธรรมชาติ ด้วยการนำน้ำ ต้นไม้ และสัตว์เลี้ยงสวยงามมากมายมาใส่ไว้ในโครงการสวอนเลค เพื่อล้างภาพที่ดินแห้งแล้งเมื่อสมัย 12 ปีก่อน ให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ

“เดิมทีที่ดินผืนนี้เป็นภูเขาหัวโล้น ทำไร่ข้าวโพด แห้งแล้ง ไม่มีน้ำ ต้องอาศัยเทวดาเข้ามาดูแลเพียงอย่างเดียว ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ที่ดินผืนนี้มีน้ำใช้ เลยตัดสินใจขุดลอกดินเป็นทะเลสาบ เพื่อกักเก็บน้ำในช่วงฝนตก เนื่องจากที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ตรงภูเขา 2 ลูกชนกัน จึงถือเป็นทางน้ำผ่าน หากขุดคลองดักไว้ ก็น่าจะกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้”

หลังจากขุดลอกทะเลสาบแห่งแรกสำเร็จ มานิต เริ่มนำต้นไม้เข้ามาปลูก นำสัตว์เลี้ยงสวยงามมาเลี้ยง เพื่อให้โครงการสวอนเลคมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ เพื่อให้คนที่มาอยู่มีความสุข ซึ่งแนวคิดดังกล่าว มานิต ได้ยึดปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยยังนั่งบริหารงานที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เมื่อช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ด้วยอายุที่ก้าวเข้าสู่วัยเกษียณ ส่งผลให้ปัจจุบัน มานิต เริ่มวางมือจากการดำเนินธุรกิจ ด้วยการให้ลูกๆ เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจ โดยมี มานิต เป็นผู้ผลักดันและคอยให้คำปรึกษา ซึ่งสิ่งที่ มานิต ได้ส่งต่อให้กับลูกๆ ที่มาสานงานต่อ คือ การทำธุรกิจต้องเกิดจากความสุข

ทำธุรกิจต้องมีความสุข "มานิต" อดีตตำนานโรบินสัน

ธรรมชาติ "สวอนเลค"

หลังจากออกมาประกาศพัฒนาโครงการสวอนเลคเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โครงการแรก มานิต อุดมคุณธรรม ก็เดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างเต็มรูปแบบทันที เช่น การปรับพื้นที่ เพื่อสร้างอาคารที่พัก หรือการเติมเต็มธรรมชาติภายในโครงการให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้มีการขุดลอกดินทำทะเลสาบจำนวน 7 แห่งทั่วโครงการ เพื่อเก็บกักน้ำ

นอกจากนี้ ยังมีการนำต้นไม้ 4 หมื่นต้นเข้ามาปลูก เพื่อสร้างความร่มรื่นภายในโครงการ และเพิ่มความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ด้วยการนำสัตว์สวยงามเข้ามาเลี้ยง เช่น ปลานิล ปลาคาร์ป ซึ่งปัจจุบันมีมากถึง 5 หมื่นตัว ปลาบึก 125 ตัว นอกจากนี้ยังมีหงส์ขาว หงส์ดำอีก 16 ตัว เป็ดแมนดารินอีก 60 ตัว และในอนาคตอันใกล้ มานิต ยังมีแผนที่จะซื้อไก่ต๊อกขาว ไก่ต๊อกสี ไก่ญี่ปุ่น ไก่งวง และนกยูงเข้ามาเลี้ยงเพิ่มเติม เพื่อสร้างสีสันและความสวยงามให้กับอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกที่โดดเข้ามาทำอย่างจริงจัง

“เราพยายามคัดเลือกความเป็นธรรมชาติที่สวยงามเข้ามาใส่ไว้ในโครงการ เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอยู่ได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่เอาสัตว์ที่มีกลิ่นเข้ามา เพราะคนที่เข้ามาอยู่รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ”

มานิต เล่าว่า การพัฒนาที่ดินมากถึง 200 ไร่ของโครงการสวอนเลคไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความรักความผูกพันจริงๆ เพราะที่ดินผืนนี้ที่ซื้อมาทั้งร้อน ทั้งแห้งแล้ง มีแต่หินมีแต่ทราย กว่าจะมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติขนาดนี้ต้องพัฒนาด้วยความรักจริงๆ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีโครงการนี้ตั้งใจจะพัฒนาเพื่ออยู่อาศัยเอง แต่พอมีคนรู้จักมาเห็น ก็ต่างทักว่าทำไมไม่แบ่งที่ดินขายหรือให้เช่า ก็เริ่มฉุกคิด ซึ่งก่อนจะตัดสินใจปรับแผนพัฒนาโครงการในรูปแบบธุรกิจก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ จึงพัฒนาโครงการสวอนเลคเป็นที่อยู่อาศัยในรูปแบบของคอนโดมิเนียมและโรงแรม

“เราทำเยอะขนาดนี้ ใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเราเก็บไว้ชื่นชมอยู่คนเดียวคงไม่ดี เราจึงตัดสินใจจัดทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โครงการสวอนเลคขึ้นมา เพื่อให้คนอื่นได้เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติที่เราได้สร้างขึ้นมา ซึ่งรูปแบบโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เราพัฒนาในครั้งนี้ เราจะพัฒนาจำนวนยูนิตไม่มาก คือ 282 ยูนิตเท่านั้น ทั้งที่ความจริงสามารถพัฒนาได้มากถึง 400 ยูนิต เนื่องจากเราต้องการให้คนที่เข้ามาอยู่ในโครงการนี้มีความเป็นส่วนตัวและได้สัมผัสธรรมชาติ”

นอกจากจะมีจุดเด่นทางธรรมชาติ ในส่วนของทะเลสาบและสัตว์เลี้ยงที่สวยงามแล้ว ในด้านของต้นไม้ มานิต ยังมีแผนที่จะสร้างขึ้นมาให้มีความสวยงามในรูปแบบของอุโมงค์ต้นไม้ และการนำต้นสาละลังกามาปลูก 300 ต้น เนื่องจากมีความสวยงาม และเป็นต้นไม้หายาก หากต้องการจะดูต้นสาละลังกาต้องเดินทางไปวัดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มานิต จึงต้องการสร้างจุดขายให้กับโครงการด้วยการนำต้นสาละลังกามาปลูก

“บ้านเราเป็นเมืองพุทธ ผมจึงคิดว่าทำอย่างไรจะให้โครงการสวอนเลคเป็นสถานที่ทางพุทธศาสนาได้บางส่วน ด้วยเหตุนี้เราจึงนำต้นสาละลังกา และสร้างสวนหินขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอยู่ได้เห็นต้นสาละที่หาดูยากมาไว้ในโครงการนี้”

ภายในโครงการสวอนเลคจะแบ่งการพัฒนาที่ดินออกเป็น 2 รูปแบบ คือ คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 4-7 ชั้น และโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส จำนวน 282 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ขนาดของห้องพักมีให้เลือกตั้งแต่ 2 ห้องนอน ขนาด 90.60-125.50 ตร.ม. 2 ห้องนอน แบบดูเพล็กซ์ ขนาด 110-145 ตร.ม. 3 ห้องนอน ขนาด 157.50 ตร.ม. 3 ห้องนอน แบบดูเพล็กซ์ ขนาด 167.50 ตร.ม. และ 4 ห้องนอน ขนาด 247 ตร.ม. ราคาขาย 11-30 ล้านบาท

ทำธุรกิจต้องมีความสุข "มานิต" อดีตตำนานโรบินสัน

ทั้งนี้ ในส่วนของเฟสแรกจะพัฒนาโครงการจำนวน 59 ยูนิต จะเริ่มก่อสร้างในเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากนั้นประมาณไตรมาส 4 จะเริ่มพรีเซลในเฟสที่ 2 อีก 50-60 ยูนิต พร้อมเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งภายใน 3 ปีนับจากนี้ มานิต คาดว่าจะสามารถปิดการขายของโครงการคอนโดมิเนียมได้ เพราะหลังจากเริ่มเปิดขายโครงการไปเมื่อปลายปี 2557 ที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายไปแล้วกว่า 50%

สำหรับโครงการในส่วนของโรงแรม มานิต วางแผนไว้ว่าจะดำเนินการก่อสร้างควบคู่ไปพร้อมกับโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อให้ภายใน 3 ปีนับจากนี้ โครงการสวอนเลคมีความสมบูรณ์แบบ โดยในส่วนของโครงการโรงแรม มานิต ตั้งใจไว้ว่าจะพัฒนาทั้งหมด 80 ห้อง ภายใต้งบลงทุนรวมประมาณ 800 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับเชนโรงแรมดัง คาดว่าในเร็วๆ นี้น่าจะได้ข้อสรุป

“โครงการสวอนเลค เราจะทำบ้านไม่เยอะ เพราะเราต้องการให้คนที่มาอยู่ร่วมกับเรามีความสุขกับปฏิมากรรมที่เราสร้างขึ้นมา” มานิต กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"