ร้องคดีคนร้ายข่มขืนหนูน้อย 9 ขวบ
ร้องตำรวจแปดริ้ว คดีคนร้ายข่มขื่นหนูน้อยวัย 9 ขวบเชื่องช้า
ร้องตำรวจแปดริ้ว คดีคนร้ายข่มขื่นหนูน้อยวัย 9 ขวบเชื่องช้า
ได้รับแจ้งพลเมืองดีชาวบ้าน หมู่ที่ 8 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ว่า มีเด็ก นักเรียนหญิงชั้น ป.3 ของโรงเรียนวัดชำป่างาม ถูกคนร้ายล่อลวงไปข่มขืนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สนามชัยเขตถึง 3 วัน โดยแพทย์ต้องเย็บภายในอวัยวะเพศถึง 15 เข็ม เหตุเกิดที่บริเวณป่ายูคาลิฟตัส หมู่ที่ 3 บ้านนา ต.ท่ากระดาน เมื่อวัน 21 พ.ย. 2552 หลังเกิดเหตุผู้ปกครองได้นำความเข้าแจ้งกับตำรวจ สภ.สนามชัยเขตแล้ว จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้จะพอทราบเบาะแสว่า คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นที่อยู่ในหมู่บ้านชำป่างาม ก็ตาม จึงร้องขอให้สื่อมวลชนช่วยติดตามคดีกับตำรวจเพื่อเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีและช่วยประสานงานกับมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อให้ความช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย
หลังรับแจ้ง ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า บ้านพักของครอบครัวเด็กหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้ อยู่ห่างจากตลาดชำป่างามประมาณ 2 กม. ทางเข้าบ้านเป็นซอยลึกเข้าไปห่างจากถนนสายชำป่างาม – บ้านนายาว ประมาณ 300 เมตร เป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ สภาพเก่า หลังคาและฝาบ้านมุงด้วยสังกะสี ตั้งอยู่เลขที่ 245 หมู่ที่ 8 ต.ท่ากระดาน พบว่าสมาชิกทั้ง 3 คน อยู่บ้านกันพร้อมหน้า โดยมารดาของเด็กกำลังซักผ้าอยู่ข้างบ้าน บิดา กำลังเลี้ยงไก่อยู่ในเล้า ส่วนเด็กหญิงเคราะห็ร้าย กำลังเล่นกับเจ้าหมีสุนัขเพศผู้สีดำอยู่กลางลานบ้านอย่างไร้เดียงสา
นายสำลวน ทิพวัน อายุ 52 ปี และ นางสำรวย อุ่นติ้ว อายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นสามีภรรยากันที่ไม่ได้จดทะเบียน อยู่กินกันมานานประมาณ 10 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้ไม่แน่นอน ฐานะยากจน มีบุตรสาว 1 คน พร้อมกับชี้มือไปที่เด็กหญิงที่กำลังเล่นกับสุนัขพร้อมลำดับเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟัง ว่า “ลูกหว้า” เป็นบุตรสาวคนเดียวชื่อจริง ด.ญ.สุดารัตน์ ทิพวัน อายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป. 3 โรงเรียนวัดชำป่างาม
นางสำรวย เล่าว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเช้าของวันที่ 21 พฤศจิกายน ตนเอง พร้อมด้วยนายสำลวน ทิพวัน สามี ออกไปรับจ้างเกี่ยวข้าวในนาของเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 1 กม. โดยมีบุตรสาวและเจ้าหมี สุนัขเพศผู้สีดำ ออกไปที่แปลงนาด้วย ตนเองและสามีเกี่ยวข้าวไปตามปกติ ส่วนบุตรสาวก็วิ่งเล่นกับเจ้าหมี ตามประสาเด็ก กระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น. ลูกหว้า บุตรสาวบอกว่าจะขอกลับบ้านเพื่อไปล้างจาน ซักผ้า จึงอนุญาต โดยให้บุตรสาว ขี่รถจักรยานกลับไป โดยเจ้าหมี วิ่งไล่ตามไปติด ๆ หลังจากนั้น ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตนเองและสามีก็เกี่ยวข้าวไปตามปกติ
จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. บุตรสาวตนเองจูงจักรยานเดินโซซัดโซเซเข้าไปหาที่แปลงนาข้าวและร้องบอกว่า”พ่อ .. แม่ .. ช่วยหนูด้วย หนู ถูกข่มขืน “ ตนเองจึงตอบเชิงดุกลับไปว่า”นี่ ทำไม อย่าล้อเล่น พูดจาเหลวไหล ไม่ดีนะลูก “ แต่ลูกก็พูดยืนยันว่า” หนูถูกข่มขืนจริง ๆ แม่ ช่วยหนูด้วย หนูเจ็บ จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว “ ตนจึงสังเกตุที่หว่างขาของลูก พบเลือดแดงฉานไหลเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก ตั้งสติได้ จึงร้องตะโกนให้สามีรีบมาดู พร้อมกับบอกว่า ให้รีบพาลูกไปโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามสามีได้สอบถามเรื่องราวเบื้องต้นจากลูก พร้อมกับให้ลูกพาไปดูที่เกิดเหตุ โดยสามีได้อุ้มลูกขึ้นบ่าแบก พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ไปดูที่เกิดเหตุ จากนั้น จึงรีบพาลูกกลับบ้าน ก่อนที่จะร้องขอให้เพื่อนบ้านช่วยขับรถพาลูกไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.สนามชัยเขต ก่อนที่จะพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสนามชัยเขตและต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นาน 3 วัน
“ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามชัยเขต เรียกตนเองไปและบอกว่า เด็กได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระทำทางเพศ สาหัส ต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน ผู้ปกครอง ต้องเซ็นรับรองด้วย ตนเขียนหนังสือไม่เป็น จึงต้องใช้พิมพ์หัวแม่มือแทน ก็รีบจัดการตามที่หมอบอก ตอนหลังหมอบอกว่า เด็กเสียเลือดมาก อวัยวะภายในช่องคลอดฉีดขาด ต้องเย็บ 2 ชั้น รวม 15 เข็ม ตนเองรู้สึกช็อค สงสารลูกมาก แต้รู้ว่าลูกอาการปลอดภัยแล้ว ก็รู้สึกดีใจ ตนและสามีนอนเฝ้าลูกที่โรงพยาบาลสนามชัยเขต 3 คืน “นางสำรวย เล่าทั้งน้ำตาอาบแก้ม
ทั้งนี้ โดยปกติลูกสาว จะเป็นเด็กร่าเริง ช่างพูด ช่างคุย ชอบอ่านหนังสือ ว่างๆ ชอบขี่รถจักรยานเล่นกับเพื่อน ๆในหมู่บ้าน บางครั้งเล่นกับเจ้าหมี สุนัขสีดำ เพศผู้อายุ 1 ปีเศษ อยู่กับบ้าน เวลาไปรับจ้างเกี่ยวข้าว ถ้าหยุดเรียน ก็ไปด้วย แต่หลังจากเกิดเหตุ ลูกสาวตนเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะสภาพจิตใจ บางครั้งเวลานั่งเฉย ๆ ซึมเศร้า ไม่พูดไม่จากับพ่อแม่เหมือนปกติ ไม่เล่นหัวกับเจ้าหมี
นอกจากนี้ บางครั้งนึกจะร้องเพลงขันมาก็ร้อง กลางคืนก็นอนผวา ดึก ๆ บางคืนก็ตื่นมาร้องไห้ ตนเองสงสารลูกเหลือเกิน อยากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาช่วยเหลือ ตนเองคนยากคนจนไมรู้จะไปทำอย่างไร อยากจะให้ศูนย์ปวีณา มาช่วยเหลือด้วย คนแบบนี้ไม่น่าเอาไว้ ช่วยมาเอาตัวไปลงโทษ อยากให้ลูกของตนเป็นเด็กเคราะห์ร้ายคนสุดท้าย เพราะถ้าปล่อยไว้มันอาจจะไปก่อกรรมทำเข็ญกับเด็กคนอื่น ๆได้
ขณะที่ลูกสาวนางสำรวย กล่าวว่า หลังจากที่บอกพ่อกับแม่ว่าจะกลับบ้านไปซักผ่า ล้างจาน ก็ขี่รถจักรยานออกมา โดยมีเจ้าหมีวิ่งไล่ตามมาด้วย เมื่อมาถึงปากซอยตัดถนนสายชำป่างาม – อ่างระบม พบชายวัยรุ่น อายุ ประมาณ 17 – 18 ปี รูปร่างผอม สูงประมาณ 170 ซม. ผิวเนื้อดำแดง ทรงผมสั้นสีออกแดง สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สี้น้ำเงิน ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีเทา-ดำ จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ มาจากบ้านชำป่างาม พร้อมกับจอดถามว่า อ่างเก็บน้ำคลองระบม ไปทางไหน จึงแนะนำไปว่า อยู่ห่างไปประมาณ 10 กม. ให้ขับรถตรงไปเรื่อย ๆ ขึ้นเชิงเขาก็ขึ้นไป จะมีป้ายบอกตลอดทาง จะถึงอ่างเก็บน้ำระบมเอง
แต่ชายวัยรุ่นคนนั้น ก็บอกว่า ให้ช่วยพาไปหน่อย เพราะไม่เคยมา ไปไม่ถูก กลัวหลงทาง ถ้าพาไปจะให้ค่าจ้าง 50 บาท ตนเองก็ตอบไปว่า ไปไม่ได้ ขี่รถจักรยานมา ชายคนนั้นก็ควักเงิน 50 บาทให้ แล้วบอกว่า ให้ขี่จักรยานตามมา แล้วขับนำทางไปตามถนนราดยางสายชำป่างาม - อ่างระบม ราว 50 เมตร ก่อนที่จะเลี้ยวขวาเข้าซอยถนนลูกรัง ลึกประมาณ 100 เมตร และสั่งให้จอดรถจักรยานทิ้งไว้ริมทาง จากนั้นได้เลี้ยวรถกลับและสั่งให้ตนเองนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกจากซอย ขึ้นถนนราดยางขับมุ่งหน้าไปทางอ่างเก็บน้ำคลองระบม โดยตลอดระยะเวลา มีเจ้าหมี สุนัขเพื่อนยาก ได้วิ่งติดตามไปตลอดทาง เมื่อคนร้ายสังเกตเห็นมีเจ้าหมี สุนัขของตนเองวิ่งติดตามตลอด จึงพยายามเร่งความเร็วเครื่องขับหลบหนี จนกระทั่งเจ้าหมี วิ่งไล่ตามไม่ทัน
หนูน้อยเคราะห์ร้าย กล่าวอีกว่า เมื่อชายคนดังกล่าวขับรถจักรยานยนต์มาได้ประมาณ 8 กม. ถึงปากทางเข้าบ้านสุขเจริญ หรือซอยหมวดวิโรจน์ คนร้ายก็ชะลอรถพร้อมกับขับเลี้ยวขวาเข้าซอยซึ่งสองข้างทางเป็นป่ายูคาลิฟตัส ตนเองก็ร้องบอกไปว่า ผิดทางแล้ว อ่างระบม ไม่ได้ไปทางนี้ แต่คนร้ายก็ร้องบอกว่า ไม่ได้ไปแล้ว อ่างระบม จะไปวัดท้าวอู่ไท ในซอยนี้มีทางลัดไปได้ เมื่อขับรถเข้าซอยไปได้ประมาณ 1 กม.เศษ คนร้ายก็จอดรถ แล้วหันมาบอกว่า หยุดพักเดี๋ยวและสั่งให้ตนลงจากรถ จะกลับรถ หลังจากที่คนร้ายกลับรถแล้ว ก็ฉุดกระชากตนเองลงข้างทาง ชักปืนออกมาจี้ที่ศีรษะ พร้อมกับบอกให้ถอดเสื้อผ้าออก แต่ตนเองไม่ยอมและแกล้งออกอุบายไปว่า ปวดท้องอึ คนร้ายก็เชื่อ อาศัยจังหวะพยายามวิ่งหนี แต่ถูกคนร้ายจับตัวได้ กระชากผมดึงหงายหลัง คนร้ายใช้กำปั้นชกที่ท้อง 2 - 3 ครั้ง รู้สึกจุกจนตัวงอ หายใจไม่ออก จากนั้นก็อุ้มตนเองขึ้นไปบนเนินดินข้างทาง จัดการถอดเสื้อผ้าแล้วลงมือข่มขืน
นายสำลวน กล่าวว่า หลังจากที่พบสภาพของลูก รู้สึกสงสาร มันทำได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางสู้ ครอบครัวตนเองยากจน หาเช้ากินค่ำ ไม่มีปัญญาที่จะไปทำอะไรกับใคร ไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อขอความเป็นธรรมและติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ ทั้ง ๆที่ หลักฐานต่างๆ ที่ได้ให้ข้อมูลไป เช่น รถจักรยานยนต์ของคนร้าย ภาพถ่ายของน้องเบล เด็กหญิงที่คนร้ายเอามาข่มขู่ลูกให้ไปพาตัวมา ก็พอรู้แล้วว่า รูปถ่ายนั้น น้องเบลเคยให้เพื่อนคนไหนไปบ้าง มีการสะเก็ตภาพคนร้ายแล้ว แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าในการจับกุม ตำรวจอ้างว่า ต้องให้ผู้ปกครองไปนำรายละเอียดชื่อจริง นามสกุลจริง ของคนร้ายมาให้ตำรวจ ถึงจะขออนุญาตศาลออกหมายจับคนร้ายได้ ผมกับเมีย จะเอาอะไร ไปหารายละเอียดที่ไหนมาให้ได้ ตำรวจทำไมไม่ทำงานสืบสวนหาข่าวเบาะแสคนร้ายเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ขณะที่ พ.ต.ท.ยุทธนา บุญเต็ม พนักงานสอบสวน สบ.3 สภ.สนามชัยเขต เจ้าของคดี กล่าวว่า พอทราบว่า คนร้ายอยู่ในย่านวังคู ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต ตอนนี้ ได้สะเก็ตภาพคนร้ายแล้ว และกำลังตรวจสอบเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำไปก่อเหตุว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ ได้ให้รถใครยืมไป รวมทั้งภาพถ่ายของเด็กหญิงชื่อเบล ที่คนร้ายนำเอาไปข่มขู่เด็ก ว่าให้ใครไปบ้าง การที่ตำรวจจะเข้าไปสืบสวนหาข่าวคนร้ายในพื้นที่เอง ก็เกรงว่า คนร้ายจะไหวตัว จึงให้ผู้เสียหายกับญาติพยายามหาชื่อ ชื่อสกุล คนร้ายมาแจ้งทราบ จากนั้นก็จะรวบรวมหลักฐานขอศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ออกหมายจับคนร้ายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ครอบครัวของเด็กหญิงสุดารัตน์ หรือ ลูกหว้า ทิพวัน อยู่ในอาการหวาดผวา เนื่องจากเกรงว่า คนร้ายจะตามไปฆ่าทิ้งเพื่อปิดปากยกครัว จึงพยายามปกปิดหลบหนีไปอาศัยหลับนอนอยู่ตามบ้านญาติ เพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัยเพราะรู้ข้อมูลมาบางส่วนของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ว่า เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ค้าและเสพติดยาเสพติด ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต และไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง แม้กระทั่งตำรวจในพื้นที่