ร้องกองปราบเอาผิดโล้นห่มเหลืองโชว์คลิปเสพสังวาส
"ทนายสงกานต์" แจ้งตำรวจกองปราบหลังพบภาพชายคล้ายพระ-เณร โชว์คลิปเสพสังวาส ในกลุ่มลับบนเฟซบุ๊ก ชี้ทำให้วงการศาสนาเสียหาย
"ทนายสงกานต์" แจ้งตำรวจกองปราบหลังพบภาพชายคล้ายพระ-เณร โชว์คลิปเสพสังวาส ในกลุ่มลับบนเฟซบุ๊ก ชี้ทำให้วงการศาสนาเสียหาย
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และมหากษัตริย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ปรากฎในภาพถ่ายและคลิปวีดีโอ ขณะกำลังเสพสังวาส โดยทั้งสองมีลักษณะคล้ายกับพระสงฆ์ และสามเณร ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งหากก่อให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนา พร้อมกับนำแผ่นดีวีดีคลิปภาพดังกล่าว ภาพนิ่ง และเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายสงกานต์ กล่าวว่า ภายหลังทางเครือข่ายฯ ได้รับแจ้งเบาะแส ว่าพบคลิปหลุดเป็นการเสพสังวาสกันของผู้ชายกับผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายพระสงฆ์กับสามเณรคู่หนึ่ง มีความยาวประมาณ 2 นาทีเศษ ก็ได้ตรวจสอบในเบื้องต้น โดยพบข้อมูลว่าชายที่คล้ายพระสงฆ์ซึ่งปรากฏในภาพนั้น อาศัยอยู่ทางภาคเหนือ ส่วนผู้ชายที่คล้ายสามเณร นั้น อยู่ที่ย่านตลิ่งชัน ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมที่ตนกับทางสมาชิกเครือข่ายฯ ร่วมกันตรวจสอบมาในเบื้องต้นยังพบว่ามีการโพสประกาศขายบริการทางเพศอย่างโจ๋งครึ้ม ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ซึ่งใช้ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มลับของ พ. ณ.เกย์” เป็นกลุ่มของผู้ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศและกลุ่มที่ชื่นชอบผ้าเหลือง มีสมาชิกอยู่ประมาณ 700-800 ราย
นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้หากเพิกเฉยหรือปล่อยไว้ไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อวงการศาสนา ภาพที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเช่นนี้เป็นความผิดอย่างชัดเจน เท่าที่ตนตรวจสอบแล้วก็พบว่า สมาชิกที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวจะนัดหมายมากระทำแบบนี้มานาน ซึ่งตนได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ในวันเดียวกันนี้ได้มาร้องทุกข์ที่ บก.ป.เนื่องจากเห็นว่ามีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนที่เหนือกว่าตำรวจท้องที่จะดำเนินการได้
สำหรับกรณีดังกล่าวได้พิจาณาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ปรากฎในภาพตามความผิดอันประกอบด้วย 1.ความผิดฐานแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายแสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่น เชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 , 2.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก โดยข้อมูลนั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4)
3.ความผิดฐานติดต่อชักชวนบุคคลเพื่อการค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย หรือเป็นที่เดือดร้อนคำราญแก่สาธารณชน , ผู้ใดกระทำชำเราหรือกระทำอื่นใดเพื่อสำเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้อื่น แก่บุคคลอายุกว่า 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี โดยบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี มาตรา 5 , 8 และ 9 ตามลำดับ
ด้าน พ.ต.ท.มิ่งมนตรี กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนจะพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานแล้วนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป


