posttoday

"ผมเบื่อวงการตลกเหลือเกิน" ถั่วเเระ เชิญยิ้ม

27 กันยายน 2558

ความในใจของ "ถั่วแระ เชิญยิ้ม" นายกสมาคมตลกแห่งประเทศไทยผู้กำลังจะกลายเป็นอดีต

เรื่อง...วรรณโชค ไชยสะอาด

ใกล้พักเที่ยงที่ครัวถั่วแระ ร้านอาหารชื่อดังย่านสนามบินน้ำ นนทบุรี คลาคล่ำไปด้วยลูกค้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา เจ้าของร้านหนุ่มใหญ่ไว้หนวดเคราเฟิ้มอย่างดุๆ แต่แววตาใจดี เดินทักทายลูกค้าด้วยท่าทางเป็นกันเอง

ถั่วเเระ เชิญยิ้ม หรือ ศรสุทธา กลั่นมาลี วันนี้แต่งตัวสบายๆในชุดเสื้อยืดสีส้ม กางเกงสีฟ้า แม้รอยยิ้มจะเปล่งประกายสดใส ทว่าอาการป่วยด้วยไข้หวัดทำให้สีหน้าดูอิดโรยเล็กน้อย เช่นเดียวกับความเครียดหลังจากเพิ่งตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อเขาประกาศเตรียมตัวจะลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมตลกแห่งประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่าวงการตลกไม่น่าพิศมัยเอาเสียแล้ว

ต่อไปนี้คือ บทสนทนาถึงเรื่องราวชีวิตของดาวตลกระดับตำนาน ตั้งแต่ยุครุ่งเรืองสู่ยุคตกต่ำ รวมถึงภาระอันหนักอึ้งของนายกสมาคมตลกแห่งประเทศไทยที่เขาแบกรับเอาไว้คนเดียวมานานหลายปี....

เล่าให้ฟังหน่อยว่าช่วงยุคตลกคาเฟ่รุ่งเรือง

สมัยรุ่งเรืองอยู่ในยุคของเฮียเลี้ยง(บุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล) เฮียสมยศ (สมยศ สุธางค์กูร) เป็นยุคทองของตลกจริงๆ มีคาเฟ่ดังๆเกิดขึ้นมามากมาย เช่น พระราม 9 คาเฟ่ กรุงธนคาเฟ่ เรียกว่าอู้ฟู่สุดๆ

แต่พอผ่านไปไม่กี่ปีก็มีเรื่องที่ภาครัฐเข้ามาจัดระเบียบสังคม เริ่มกำหนดจัดเป็นโซนนิ่งว่าควรจะมีคาเฟ่อยู่ตรงนั้นตรงนี้ ทำไปทำมามีคำสั่งออกมาอีกว่าห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าคาเฟ่ และกำหนดเวลาห้ามเปิดเกินเที่ยงคืน มันเลยทำให้ธุรกิจคาเฟ่ซบเซาลง นอกจากนี้ยังมีข้อครหาที่บอกว่า คาเฟ่เป็นเเเหล่งอบายมุข มีการเสพยา ตีกัน ฆ่ากัน เเต่ความจริงเเล้วเรื่องราวพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่คาเฟ่ เเต่เกิดที่ผับบาร์ เเต่คาเฟ่ถูกมองเป็นเเห่งอบายมุขไปด้วย ทั้งที่จริงเเล้วตอนนั้น ช่วงเวลาหกโมงถึงสามทุ่มเป็นช่วงเวลาของแขกครอบครัวเลย มันจะอบายมุขได้ยังไง

จำได้ว่าช่วงนั้นเเขกที่เป็นครอบครัวมากันเเน่นทุกวันศุกร์ เพราะวันเสาร์เด็กไม่ได้ไปโรงเรียน ศุกร์เสาร์ก็จะพยายามจัดโชว์ให้ครอบครัวไปดูกัน อีกเรื่องสำคัญที่ต้องยอมรับก็คือสมัยนั้นบ่อนการพนัน ทำให้เงินในคาเฟ่สะพัดมาก เเต่พอเขาเริ่มปิดบ่อนจริงๆ จังๆ ทำให้พวกเสี่ยในคาเฟ่ พวกใช้เงินเยอะๆที่เป็นส่วนสำคัญให้คาเฟ่อู้ฟู่นั้นหายไป

เมื่อเงินในคาเฟ่มันไม่มี คาเฟ่อยู่ไม่ได้ ตลกก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน

ตอนนั้นชีวิตอู้ฟู่แค่ไหน

โห (ลากเสียงยาว) ไม่เคยมีก็มีอ่ะ ไม่เคยมีรถขับก็มี ไม่เคยมีบ้านก็มีบ้านอยู่ พูดคำเดียวว่าอะไรที่ไม่เคยมีก็มี หนี้สินก็หายหมด รวยไม่รวยไม่รู้เเต่มีกินมีใช้สบาย ทำงานได้เงินวันละ 5,000 สมัยนั้นก็เยอะนะพอช่วงขาลง ทำไมบางคนได้ไปต่อ บางคนหนีไปทำอาชีพอื่น บางคนกลายเป็นตลกตกอับ

พอผ่านช่วงรุ่งเรืองมา หลายคนก็หาอาชีพสุจริตอย่างอื่นทำ ค้าขายบ้าง ทำอาหารบ้าง ดิ้นรนกันไป จริงๆ ก็เหมือนกันทุกอาชีพเเหละ ไม่มีดาราคนไหนอยู่ค้ำฟ้า นักร้องคนไหนอยู่ค้ำฟ้าบ้าง ผมถามหน่อย สื่อก็เหมือนกัน สื่อดังที่ร่วงลงมาก็มีไหม...ก็มีเหมือนกัน คำถามมันฟ้องด้วยภาพอยู่เเล้ว เเต่ถ้าจะอยู่ยาวๆ เป็นคนของสังคมมันต้องทำตัวให้ดี อยู่ในสังคมเขาให้ได้ อย่าทำผิดกฎหมายผิดศีลธรรม รู้อะไรควรไม่ควร อะไรผิดอะไรถูก โตเเล้วต้องรู้ เกกมะเหรกเกเรมันจะอยู่ได้อย่างไร ไปไม่ตรงเวลานัด นัดเเล้วเมาไปเล่น เเบบนั้นใครเขาจะเอา เพราะอย่างนั้นวินัยของตัวเองต้องมี

อาชีพตลกไม่มีหลักประกันหรอกครับ พอไม่มีก็อยู่ที่แต่ละคนว่ามีคุณภาพชีวิตขนาดไหน คิดว่าตัวเองเเจ๋วหรือยัง พบตัวเองหรือยัง หาตัวเองเจอหรือยังว่าควรทำตัวเองเเบบไหน บางคนอยากเล่นตลกเเต่ไม่มีพรสวรรค์ ไร้พรเเสวง จะให้ใครเขาดันก็ไม่ได้ หลักประกันไม่มีมันอยู่ที่ตัวคน ที่สำคัญคือ ขึ้นไปจุดสูงสุดเเล้วคิดว่าคุณจะอยู่ค้ำฟ้าหรือเปล่า หาอาชีพอะไรมารองรับเมื่อตอนชีวิตคุณเดินลงมาหรือตกลงมาไหม หากคิดว่าอยู่ค้ำฟ้าก็อยู่ไปเเล้วสักวันคุณจะรู้ว่าขาลงมันเป็นอย่างไร จะล้มบนฟูกหรือว่าล้มกับกองอิฐกองทราย ต้องคิดตลอด

"ผมเบื่อวงการตลกเหลือเกิน" ถั่วเเระ เชิญยิ้ม

เเสดงว่ามีการวางแผนชีวิตอยู่ตลอดเวลา

คิดอยู่เเล้ว คิดถึงวันที่เราจะร่วงจะตกลงมา ครอบครัวเราจะอยู่อย่างไร ความคิดเเต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางคนคิดว่า กูมีเงินเเล้ว มีตังค์เเล้ว กูรวยเเล้วไม่ต้องทำอะไรก็ได้ ก็ปล่อยให้เขาคิดไป เเต่สำหรับเราไม่กลัวตายหรอกครับ เเต่กลัวจน เลยต้องกระเสือกกระสนกันไป คิดหาคำตอบให้ได้ว่าทำอย่างไรชีวิตจะอยู่ได้ดี ครอบครัวจะอยู่ดีมีสุข

อย่างผมไม่คิดจะเอาเมียมาเดินตามหลัง อยู่ว่างๆมาช่วยกันทำมาหากินสิ คิดสิ คุณไม่คิดเเล้วคุณจะมาถามทำไมว่า พรุ่งนี้ผมจะเอาไรกิน ไม่ต้องมาถาม ผมคิดเเบบนี้ตั้งแต่หนุ่มๆเลย ไม่เคยเหลิง ตอนมีเงินมันก็มีบ้านต้องส่ง มีรถต้องผ่อน เเละได้ภรรยาที่ดีด้วย รู้จักทำมาหากินไม่มากระเบียดกระเสียรเรา ต่างคนต่างคิดว่าต้องช่วยกัน ถ้าไม่มีเราเเล้วเขาจะอยู่อย่างไร เเละถ้าเราไม่มีเขา เราก็จะอยู่อย่างไรเหมือนกัน

ตำแหน่งนายกสมาคมตลกแห่งประเทศไทยเป็นมากี่ปีแล้ว

ถึงวันนี้ก็เป็นมา 5 สมัย 10 ปีเเล้ว จริงๆเราไม่อยากเป็นหรอก เเต่เขาเลือกเราเข้ามา เรามีนโยบายที่จะทำงานเพื่อคนอื่น เมื่อเขาชอบเขาก็เลือกเราเข้ามา เป้าหมายของเราคือช่วยเขา คิดแค่ว่าน่าจะช่วยตลกรุ่นน้องๆ ได้ คิดว่าเรามีกลยุทธ์ในการปกครอง เราก็บอกกับน้องๆว่า ถ้าเลือกเรา เราทำได้เเค่นี้ ทำมากไปกว่านี้ไม่ได้

ที่ผ่านมาเราดูเเลเรื่องราวของการเกิดเเก่เจ็บตายของสมาชิก มีทุนการศึกษา มีประกันอุบัติเหตุ ดูเเลเรื่องฌาปนกิจศพให้ ส่วนเรื่องเงิน สมาคมเราหาเงินจากการเอาตลกไปทำคอนเสิร์ตบ้าง ไปทำกิจกรรมต่างๆ ทำเทป ซีดี วีซีดี ให้ตลกเอาไปขายจนมีรายได้ก็เยอะแยะ

เเล้วทำไมถึงคิดลาออก

เหนื่อยเเล้วครับ คิดว่าน่าจะพอเเล้ว สิ่งที่เราทำมันไม่ดีขึ้น เราน่าจะรู้เองเเล้ว เราจะดื้ออยู่ไปทำไม ตำเเหน่งนี้ก็ไม่ได้มีเงินเดือนให้เรา เราทำไปก็เหนื่อย ครอบครัวก็ห่างเหิน ผมมันไม่ดีเอง เป็นนายกที่ไม่ดี จะอยู่ไปทำไม ที่บอกว่าไม่ดีคือมันไม่ทะลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ มันเหนื่อย มีเเต่เสียสละ เเต่ไม่มีใครให้ความร่วมมือ ก็อย่าไปอยู่มันเลย

น้อยใจอะไรใครหรือเปล่า

เรื่องน้อยใจมันเป็นของธรรมชาติอยู่เเล้ว เราจะเก็บมันไว้ทำไม เก็บไว้ไม่อยู่ก็ไปเถอะ

ที่ผ่านมามันก็ได้รับความร่วมมือเหมือนกัน เเต่ไม่ร้อยเปอร์เซนต์ ผมขี้เกียจทำแล้ว มันไม่ถึงเป้าหมาย เป้าหมายที่ตั้งไว้มันไม่มีใครช่วย งานไม่ประสบความสำเร็จ เรื่องอะไรไม่ขอยกตัวอย่าง เเต่ขอพูดภาพรวม นับวันมันจะดร็อปลงถ้าไม่มีผู้นำที่ดี เเละวันนี้ผมเป็นผู้นำที่ไม่ดี ปล่อยผมไปเถอะ อย่าดึงผมไว้เลย

เราก็อยากได้อัศวินมาช่วยองค์กรของเราบ้าง ถ้าขืนอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีใครมาผลักดัน ผมออกเพื่อให้คนที่ดีกว่ามาอยู่ ออกไปครั้งนี้อยากเปิดโอกาสให้คนใหม่เข้ามาสมาคมจะได้ดีขึ้น ผมอยู่ต่อไปก็ไม่ดีเสียที ปีที่ 11-12 จะเอาเราอยู่ไปทำไม หาคนดีๆคนเก่งๆช่วยเถอะ

ยังมีอะไรต้องสะสางไหม

สาเหตุที่ต้องไปสมาคมก็ไปจัดการสิ่งที่ยังไม่จบสิ้น มีหลายเรื่อง เราไปไล่งานที่เราสั่งไปเเล้วว่าไปถึงไหน มันเดินหน้าไหม หนังสือมันมีตีนไปหาคนโน้นคนนี้ไหม มึงวางไว้เเบบนี้มันจะเดินไปได้อย่างไร วาระการประชุมเเจกจ่ายไปถึงไหน งานเลี้ยงงานฉลองที่จัดๆกันไป มันประสบความสำเร็จไหม ประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ไปถึงไหนเเล้ว ทั้งหมดจริงจังอยู่คนเดียว เเต่คนอื่นไม่เลย ทุกวันนี้ประชุมไปเเล้วไม่มีใครทำการบ้านกันมา ประชุมเรื่องราวต่างๆ มากมายก่ายตะโพน เเล้วกูก็เหนื่อยคนเดียวอีก ไม่เอาการบ้านไปทำ ไม่บอกความคืบหน้ากันเลย ถามว่าทำงานไปถึงไหนเเล้ว ก็ไม่มีคำตอบ

ผมว่าใกล้อวสานเเล้วแหละ ไม่ปลายปีนี้ก็ต้นปีหน้า ตอนนี้คือพยายามหารายได้มาเก็บไว้ในสมาคมให้เป็นหลักล้าน เเล้วทิ้งตัวลงสวยๆ คนอื่นได้มีเงินใช้กัน จะได้จับจ่ายกันต่อ ตอนนี้ค่าน้ำ ค่าไฟติดเขาไว้ 2 เดือนเเล้ว สมาคมไม่มีให้ มีใครคิดเรื่องนี้กับผมไหมล่ะ ลำบากไหม ทำไมกูต้องไปคิดเรื่องนี้ให้มึงด้วย เอาเรื่องเเบบนี้มาเก็บไว้ในใจ ในสมองคนเดียว จนมันไม่ไหวเเล้ว

ที่ผ่านมาไม่สวยงามเลยเหรอ

10 ปีที่ผ่านมามันสวยงามเเค่ปีเเรกๆแหละครับ เพราะเรามีไฟไง ตอนนี้เหมือนเราหมดไฟ หมดกำลังใจ เเละทุกคนก็ไม่ไหว เเต่ถ้าลองมีเงินผมว่าไหวนะ มีเงินเบี้ยการประชุมให้เขา มีค่าน้ำมันให้ ใครมาประชุมให้ 1,500-2,000 บาท ลองดูซิว่ามันจะมากันไหม ทุกวันนี้มันเหมือนไม่ได้อะไร บางคนพูดว่าเมียถามว่ามาเเล้วได้อะไรไหม เอ้า..ฉิบหาย แล้วกูจะอยู่ทำไมล่ะ กูก็ไม่ได้เหมือนกัน เเต่ถามว่าเวลาไปทำบุญมึงได้อะไร ทำของดีๆ ไปให้พระฉัน ถามว่าได้ตังค์กลับมาเปล่า มันไม่ได้ใจตรงนี้ไง

ถ้าออกมาเเล้วไม่มีคนทำต่อล่ะ

ก็ช่างเขาสิ เราทำดีที่สุดเเล้ว ก็เราบอกเเล้ว ฝนมาตั้งนานเเล้ว มันต้องมีที่ฟ้าเเล่บฟ้าร้อง เดี๋ยวมันก็ต้องมีฟ้าผ่านี่ไง เดี๋ยวจะผ่าให้ดู ผมก็พยายามไปหาคนมาทำต่อ หาคนใหม่ ไม่มีใครมาสมัคร กำลังจะเดินไปหาเขา บอกเฮ้ย มาช่วยสมาคมหน่อย ผมไม่ไหวเเล้ว คุณน่าจะมีพาวเวอร์ มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ เเล้วก็มีกำลังพอที่จะนั่งตำเเหน่งนี้เเล้วนะ อะไรเเบบนี้ ก็ต้องไปคุยกับเขาให้เขามาให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็จบ

"ผมเบื่อวงการตลกเหลือเกิน" ถั่วเเระ เชิญยิ้ม

ตั้งเป้าหมายต่อไปในชีวิตที่เหลือยังไง

ผมอายุปูนนี้เเล้วนะ 62 ปีเเล้ว บั้นปลายชีวิตของผมก็คงต้องดูเเลร้านอาหาร พัฒนาเพิ่มขึ้นไป เราเอาสมองมาใช้บริหารร้านเราดีกว่า ผมอยากมานั่งบริหารครัวถั่วเเระ อยู่ใกล้ภรรยา ลูกหลาน พนักงาน อยากจะทำอะไรก็ทำ อาจจะเปิดอีก 3 สาขาก็ได้ เพราะตอนนี้มีอยู่สาขาเดียว ที่ผ่านมาไม่ว่างมาดูเเล

ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ก็ร้านครัวถั่วแระถึงบ่ายสอง  แล้วเข้าสมาคมต่อไปดูเเลงาน ออกจากสมาคม 5 โมงก็ไปเรื่องราวของจิตอาสา พวกงานชวช งานแต่ง งานวันเกิด

สุขภาพเป็นอย่างไร ดูเหนื่อยๆ เครียดๆ

เราอายุมากขึ้นสุขภาพก็ไม่ค่อยดี หืดหอบเอย ต่อมลูกหมายเอ่ย กรดไหลย้อนเอย ตอนนี้ร้ายเเรงที่สุดสำหรับชีวิต

อนาคตของวงการตลกจะเป็นอย่างไร

วันนี้ตลกก็ย้ายไปอยู่บนจอทีวีหมด เเต่ใครจะเข้าไปได้ต้องเจ๋งจริง ส่วนใหญ่เขาเริ่มจากเอาหัวหน้าคณะเข้าไปก่อน เปรียบเทียบกับการเลือกใช้ยาสีฟัน เรายังต้องเลือกยี่ห้อเลย เเล้วทำไมเขาจะไม่เลือกตลก เป็นคุณอยากเอาตลกเเบบไหนเข้าไปเล่น ไปทำงานให้ตัวเองล่ะ

วงการบันเทิงยังต้องการตลกอีกมาก หนังละครเขาก็เอาตลกไปเล่นทั้งนั้น ตลกสมัยนี้มีความสามารถ เเต่ตลกเล็กๆไปไม่ถึงดวงดาว ผู้จัดมองไม่เห็น เขาไม่ได้เปล่งประกายให้ผู้จัดเห็น ส่วนคนดังๆก็ต้องรักษาภาพของตัวเองไว้ตลอด

ผมพยายามชี้เเนะช่องทางให้ตลกตัวเล็กๆหลายคนนะ เเต่บางคนก็ไม่ฟัง จะเล่นตลกได้เงินชั่วโมงละ 2,000 เเละเข้าบ้านนอนอย่างเดียว ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ต้องเปลี่ยน เเต่ก็เข้าใจศิลปินไม่ว่าสาขาไหน พอเงินมันดีมากๆ คนมันก็เลยอยากอยู่อยากทำเเค่ตรงนั้น

อนาคตคณะตลกต่อไปก็คงไม่มีภาพคณะ ตอนนี้มันเป็นฟรีเเลนซ์กันหมดแล้ว

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี