ฮือต้านสัมปทานเหมืองทอง ชาวบ้านตื่นตัวผลกระทบ
ชาวบ้านในหลายจังหวัด เริ่มตื่นตัวกับการที่รัฐบาลจะเปิดให้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำในหลายจังหวัด
โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์
ชาวบ้านในหลายจังหวัด เริ่มตื่นตัวกับการที่รัฐบาลจะเปิดให้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำในหลายจังหวัด โดยมีการศึกษาผลกระทบจากพื้นที่ซึ่งมีการเปิดสัมปทานเหมืองทองคำไปแล้ว
ณัฐพงษ์ แก้วนวล กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ได้รับการประสานจากชาวบ้านใน ต.ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี 1 ใน 12 จังหวัดเป้าหมายการเปิดสัมปทานเหมืองแร่ทองคำไปพูดให้ข้อมูลผลกระทบความเสี่ยงด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากเหมืองแร่ทองคำ
“การไปพบกับคนลพบุรี ทำให้ทราบว่าชาวบ้านไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่ากำลังจะมีเหมืองแร่เกิดขึ้น จนกระทั่งมีหนังสือจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หรือ กพร.แจ้งมา ทำให้ชาวบ้านตกใจมาก และผู้นำท้องถิ่นก็ให้ความสนใจจนต้องจัดการประชุมชาวบ้าน”
ณัฐพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ กพร.เลื่อนจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเหมืองแร่ทองคำอย่างกะทันหัน ทำให้ชาวบ้านเริ่มไม่ไว้วางใจการทำงานของ กพร. เนื่องจากเริ่มมีกระบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม
ผู้สนับสนุนเหมืองแร่ทองคำ มีรถขยายเสียงเข้ามาในชุมชน แจ้งข้อมูลด้านดีของการมีเหมือง เช่น ราคาที่ดินจะแพงขึ้น
“เครือข่ายภาคประชาชนจึงเร่งรวบรวมรายชื่อ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นคัดค้านนโยบายการทำเหมืองทองคำ ซึ่งก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลแค่ไหน เพราะเราเคยมีบทเรียนที่เคยผลักดัน พ.ร.บ.ป่าชุมชนและเรื่องที่ดิน จึงคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่เราเชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ชาวบ้านในพื้นที่ต้องร่วมกันแสดงพลัง”
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 10 ก.ย.เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนและนักวิชาการเพื่อการจัดการทรัพยากรแร่ของชาติอย่างยั่งยืน ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ยุติโครงการให้สัมปทานเหมืองแร่และเร่งแก้ไข พ.ร.บ.แร่เพื่อประเทศชาติและประชาชน รวมถึงระงับการดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายเหมืองแร่ และโครงการใหม่ต่างๆ และขอทราบผลการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมระบุว่า หากมีการเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ประชาชนจะรวมตัวกันเพื่อแสดงสิทธิและเสรีภาพต่อไป
สมนึก จงมีวศิน นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายพื้นที่ต้องประสบผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกระบวนการทำเหมืองแร่ทองคำ อีกทั้งประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะกำลังเกิดกระแสคัดค้านเหมืองขึ้นทั่วประเทศ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งของสังคมได้ ซึ่งขัดกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ
“การทำเหมืองแร่ต้องพิจารณาถึงผลกระทบให้ดี เช่น จะจัดการกองกากแร่อย่างไร เพราะที่ผ่านมาเหมืองทองคำในไทยจัดการกากแร่ด้วยระบบเปิด แต่ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยมันไม่เหมาะกับระบบนี้ ยิ่งตัวเร่งให้เกิดการฟุ้งกระจายของกากแร่ที่เป็นสารพิษไปในอากาศและซึมลงอย่างรวดเร็ว จึงคิดว่าเมื่อเทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะทำเหมืองอย่างปลอดภัย รัฐบาลก็ไม่ควรเร่งขุดทองขึ้นมาในตอนนี้”
สมนึก กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประชาชนในภาคตะวันออกกำลังให้ความสนใจและตื่นตัวต่อการเปิดสัมปทานเหมืองแร่ทองคำของรัฐบาลอย่างมาก และเพิ่งมีการจัดการประชุมที่สภาเกษตรจังหวัดจันทบุรี ที่มีตัวแทนชาวบ้าน เครือข่ายภาคประชาชน และภาคธุรกิจ จาก จ.ระยอง ชลบุรี สระแก้ว และจันทบุรี เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
“ส่วนใหญ่มีความรู้สึกกังวลและไม่ต้องการให้มีการทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ เนื่องจากภาคตะวันออกถือเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของประเทศ จึงเกรงว่าหากมีเหมืองแร่ทองคำ อาจเกิดการรั่วไหลของสารพิษเข้าสู่พื้นที่การเกษตรของจันทบุรีและระยอง และไหลลงสู่พื้นที่ต่ำผ่านชลบุรีที่มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และลงสู่อ่าวไทยอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีผลกระทบเป็นวงกว้าง”
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในชุมชนรอบเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร ญาติของ สมคิด ธรรมเวช อดีตคนงานที่ทำงานในเหมืองแร่ทองคำมานานถึง 13 ปี ซึ่งเริ่มล้มป่วยด้วยอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และอาการทรุดหนักกระทั่งเสียชีวิตโดยแพทย์ระบุสาเหตุไม่ได้ แต่ตรวจพบสารโลหะหนักปนเปื้อนในเลือด ช่วยกันนำศพสมคิดส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อศึกษาว่าเป็นผลกระทบมาจากการทำงานในเหมืองแร่ทองคำหรือไม่


