พระพรหมดิลก (เอื้อน) ชมสงฆ์เมียนมา
พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และเจ้าอาวาสวัดสามพระยา
โดย...สมาน สุดโต
พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และเจ้าอาวาสวัดสามพระยา ได้รับมอบหมายจากสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม ให้เดินทางไปมัณฑะเลย์ สหภาพเมียนมา เพื่อนำข้าวสารไปมอบให้พระสงฆ์และประชาชนชาวเมียนมา ที่ประสบอุทกภัย
พระพรหมดิลก กล่าวว่า จากการสนทนากับพระในวัดที่สำนักสิตะคู สำนักวิสุทธิยงค์ เมื่อวันที่ 8-10 ส.ค. 2558 พบความประทับใจที่พระสงฆ์ชาวเมียนมาออกไปช่วยชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย บางวัดเช่นสำนักสิตะคู ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ ดำเนินการโดยท่านญาณิสระมหาเถระ เหลือพระอยู่ในสำนักเพียง 2-3 รูป ที่เหลือ 40-50 รูป ออกไปช่วยชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยแบบถึงลูกถึงคน ทั้งนี้เพราะพระสงฆ์ชาวเมียนมาเข้าใจความหมายของคำว่าโลกานุกัมปายะ หรือการสงเคราะห์ชาวโลกอย่างดี
พระพรหมดิลก เปรียญธรรม 9 ประโยค จบปริญญาเอกด้านภาษาบาลี จากมหาวิทยาลัยบานาราส ฮินดู ยูนิเวอร์ซิตี้ (BHU) ได้กล่าวถึงคณะสงฆ์และประชาชนชาวพุทธเมียนมา ว่า มีเรื่องน่าสรรเสริญและน่าประทับใจมากๆ โดยเฉพาะในเรื่องเคร่งครัดในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา และประชาชนมีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา จะเห็นว่าฝ่ายพระสงฆ์ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนโดยไม่ท้อถอย และมีเป็นจำนวนมาก เพื่อเผยแผ่ให้สังคมโลกได้รับรู้ จะได้เข้าใจในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น
ส่วนพุทธศาสนิกชนชาวเมียนมาทั้งหลายก็มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ได้ทราบว่า ทุกวันในเวลาเช้าและเย็น ชาวเมียนมาทั้งพระสงฆ์และฆราวาส จะร่วมกันสวดมนต์เป็นประจำ เพื่อนำสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิตตนเอง การปฏิบัติของพระสงฆ์ในประเทศเมียนมาก็ดี ประชาชนชาวเมียนมาก็ดี เชื่อว่ามีความมุ่งหวังตั้งใจที่จะรักษาพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคงอยู่ในประเทศเมียนมาสืบไป ทั้งนี้เพราะเขาพยายามรักษาพระพุทธศาสนาอันเป็นมรดกสำคัญของเขาเอาไว้ในทุกรูปแบบ
ในส่วนของรัฐบาลก็ดูแลเอาใจใส่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา เขาพยายามดูแลพระสงฆ์ในประเทศเมียนมา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็แล้วแต่ รวมทั้งประชาชนของเขาด้วย ไม่ให้ถูกรังแกจากบุคคลในศาสนาอื่นที่มาเผยแพร่ในสหภาพเมียนมา
เมื่อนำเหตุการณ์ในเมียนมามาเทียบกับไทยจะเห็นความแตกต่าง โดยจะเห็นว่าพระพุทธศาสนาในไทยอยู่ในฐานะน่าวิตก ไม่มั่นคงเหมือนอดีตที่บรรพบุรุษและพระมหาเถระดูแลรักษามาอย่างดี พระสงฆ์ไทยถูกบีบคั้นจากหลายสถานการณ์ด้วยกัน ในขณะที่ประชาชนก็มีใจเหินห่างจากพระพุทธศาสนา ไม่ใฝ่ใจศึกษาพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่แน่ใจว่าพระพุทธศาสนาในไทยจะมั่นคงไปอีกนานแค่ไหน เพราะไม่มีหลักประกัน รัฐบาลก็ไม่ได้ประกันความมั่นคงเหมือนดังประเทศสหภาพเมียนมา
เมื่อกฎหมายประกันความมั่นคงของพระพุทธศาสนาไม่มี อาจทำให้พระพุทธศาสนาที่ไม่ได้รับการประกันจากรัฐบาล อาจไม่มั่นคงเหมือนประเทศสหภาพเมียนมาก็ได้ จึงเป็นห่วงพระพุทธศาสนาในไทยในอนาคต ว่า ไม่ทราบว่าจะอยู่ในสถานะอันใด
หรือจะต้องมีชะตากรรมเหมือนประเทศอื่นๆ ที่อดีตมีพระพุทธศาสนาเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่นับถือศาสนาอื่นเป็นส่วนใหญ่ จึงขอฝากให้รัฐบาลไทย ไม่ว่ายุคใด สมัยใดก็ตามควรให้ความสำคัญแก่พระพุทธศาสนาให้มากขึ้น โดยเฉพาะช่วยตรากฎหมายเพื่อปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นมรดกตกทอดต่อไป
และขอฝากให้ชาวพุทธไทย คณะสงฆ์ไทย และรัฐบาลไทย ช่วยกันคิดว่า เราจะอยู่อย่างมั่นคงได้อย่างไรในโลกนี้ อย่าให้ใครเขาหมิ่นว่าเราไม่มีความกตัญญูรู้คุณต่อบรรพบุรุษที่รักษาพระพุทธศาสนาไว้ให้เราถึงทุกวันนี้
เมื่อถามว่า ประทับใจอะไรในเมียนมา พระพรหมดิลก กล่าวว่า อาตมาประทับใจคณะสงฆ์เมียนมา เมื่อเห็นพระเถระทุกวัดที่ประสบอุทกภัย หรือไม่ประสบอุทกภัย มีจิตใจสงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะประชาชนทั้งหลายได้ให้ความช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีมาก ทุกฝ่ายมีความเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรต่อกัน
ท่านสรรเสริญ ยกย่องบทบาทพระสงฆ์ในประเทศสหภาพเมียนมา ที่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือประชาชน จึงเห็นว่า สิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันที่วัด เพื่อให้วัดเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือต่อไป ประเทศไทยเราน่าจะเป็นอย่างนี้บ้าง (ถ้าหากเกิดภัยต่างๆ ขึ้นมาในอนาคต)
พระพรหมดิลก กล่าวว่า ได้ฟังจากปากพระเถระที่วัดวิสุทธิยงค์ มัณฑะเลย์ ว่า ข้าวสารที่ได้รับจากคณะสงฆ์ไทย จะนำไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยส่วนหนึ่ง เก็บไว้บริโภคที่วัดส่วนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นไปตามประสงค์ของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ที่ต้องการช่วยเหลือทั้งฝ่ายพระสงฆ์ และประชาชนที่ประสบอุทกภัย
พระพรหมดิลก ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปมัณฑะเลย์ เมื่อวันที่ 8-10 ส.ค. เพื่อนำข้าวสาร 800 กระสอบ ไปมอบให้พระสงฆ์เมียนมานำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยมีพระเถระร่วมคณะ ประกอบด้วย พระเทพรัตนากรเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระราชปริยัติเวที รองเจ้าคณะ กทม.เจ้าอาวาสวัดสุวรรณารามพระราชวิริยาลังการ รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พร้อมทั้งพระอนุจร และญาติโยมรวม 9 ท่านด้วยกัน
ต่อมาเมื่อวันที่ 15-16 ส.ค. สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ก็เดินทางไปนครย่างกุ้งด้วยตนเอง เพื่อส่งมอบข้าววสาร 500 กระสอบ ให้เจ้าอาวาสวัดนาคะไลกู เพื่อจะส่งมอบต่อให้ผู้ประสบอุทกภัยอีกต่อหนึ่ง
สรุปได้ว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นพระเถระรูปหนึ่งที่เป็นผู้นำในการช่วยพระสงฆ์และชาวพุทธด้วยกัน โดยไม่เลือกชาติและภาษา ทั้งนี้เพราะชาวพุทธไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหน ก็เหมือนเป็นพี่น้องกัน เมื่อมีภัยมาถึงต้องช่วยกัน
ดังนั้น การดำเนินการของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เพื่ออนุเคราะห์ชาวพุทธจะเป็นบรรทัดฐานในการช่วยเหลือระหว่างชาวพุทธต่อไปในอนาคต


