ช่วงเวลาไร้จันทรุปราคา
สัปดาห์ที่แล้วได้เล่าถึงระยะเวลาที่ประเทศไทยไม่ได้เห็นสุริยุปราคาเป็นเวลานานหลายปี
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
สัปดาห์ที่แล้วได้เล่าถึงระยะเวลาที่ประเทศไทยไม่ได้เห็นสุริยุปราคาเป็นเวลานานหลายปี ทั้งที่เกิดสุริยุปราคาขึ้นทุกปี โดยสุริยุปราคาครั้งล่าสุดที่เห็นได้ในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 (เห็นได้ไม่ทั่วประเทศ) ครั้งถัดไปเกิดในปี 2559 และกรุงเทพฯ เคยว่างเว้นจากสุริยุปราคานานเกิน 10 ปี สัปดาห์นี้จะเล่าถึงช่วงเวลาที่ประเทศไทยว่างเว้นจากจันทรุปราคา
จันทรุปราคาเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ในแนวที่เกือบจะเป็นเส้นตรงในอวกาศ ดวงจันทร์เต็มดวงทุกเดือนก็จริง แต่จันทรุปราคาไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้งที่ดวงจันทร์เต็มดวง เนื่องจากระนาบวงโคจรของดวงจันทร์เอียงทำมุมประมาณ 5 องศา กับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ จันทรุปราคาจะมีโอกาสเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจันทร์เพ็ญอยู่ในช่วงที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้จุดตัดระหว่างระนาบทั้งสอง แต่ละปีจึงมีสองช่วงที่มีโอกาสเกิดจันทรุปราคา แต่ละช่วงห่างกัน 6 เดือน
เมื่อเกิดจันทรุปราคา ซีกโลกด้านกลางคืนทั้งหมดจะเห็นจันทรุปราคาได้พร้อมกัน ต่างจากสุริยุปราคาที่เห็นได้เฉพาะพื้นที่ซึ่งเงาดวงจันทร์พาดผ่าน เราจึงมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาได้บ่อยกว่าสุริยุปราคา เงาโลกที่ไปตกบริเวณดวงจันทร์มีรูปร่างเป็นวงกลมมี 2 ส่วน ได้แก่ เงามืดและเงามัว เงามืดที่เล็กกว่าอยู่ด้านใน เงามัวที่ใหญ่กว่าอยู่ด้านนอก จันทรุปราคาจึงแบ่งเป็น 3 ชนิด หากดวงจันทร์เข้าไปในเงามืดหมดทั้งดวง เรียกว่าจันทรุปราคาเต็มดวง หากมีเพียงบางส่วนของดวงจันทร์เข้าไปในเงามืด เรียกว่าจันทรุปราคาบางส่วน และหากดวงจันทร์ผ่านเฉพาะเงามัว เรียกว่าจันทรุปราคาเงามัว
เรามักสนใจเฉพาะจันทรุปราคาเต็มดวงกับจันทรุปราคาบางส่วนเท่านั้น เพราะจันทรุปราคาเต็มดวงเห็นดวงจันทร์มืดคล้ำและเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากแสงอาทิตย์กระเจิงและหักเหผ่านบรรยากาศโลก ส่วนจันทรุปราคาบางส่วนสามารถเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งได้ชัดเจน ในกรณีของจันทรุปราคาเงามัวจะเห็นดวงจันทร์ยังคงสว่างเต็มดวงอยู่ โดยหมองคล้ำลงจากปกติเพียงเล็กน้อย สังเกตความเปลี่ยนแปลงด้วยตาเปล่าได้ยาก แม้จันทรุปราคาจะเกิดขึ้นทุกปี แต่ก็มีปีที่มีแต่จันทรุปราคาเงามัวเท่านั้น ไม่มีจันทรุปราคาเต็มดวงและบางส่วนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ทั่วโลกไม่มีโอกาสเห็นดวงจันทร์แหว่งเนื่องจากเงามืดของโลกบดบัง เช่น ปี 2527, 2541, 2545, 2559, 2563 การค้นหาจันทรุปราคาเต็มดวงและบางส่วน เฉพาะที่สังเกตได้จากกรุงเทพฯ นับจากปีนี้ไปจนถึง ปี 2575 ผู้เขียนพบว่ามีปีที่ไร้จันทรุปราคาทั้งสองชนิด ได้แก่ ปี 2559, 2563, 2567, 2570 และ 2574 เฉลี่ยแล้วจึงมีปีที่ไร้จันทรุปราคาทั้งสองชนิดทุกๆ ประมาณ 3-4 ปี
หลังจากจันทรุปราคาเต็มดวงเมื่อเดือน เม.ย. 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งเงามืดของโลกบดบังดวงจันทร์หมดทั้งดวงเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียง 5 นาที คนในกรุงเทพฯ จะมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงได้อีกครั้งในวันที่ 31 ม.ค. 2561, 28 ก.ค. 2561, 8 พ.ย. 2565, 7 ก.ย. 2568, 3 มี.ค. 2569, 31 ธ.ค. 2571, 21 ธ.ค. 2572, 25 เม.ย. 2575 และ 18 ต.ค. 2575 จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 31 ธ.ค. 2571 น่าสนใจที่สุดตรงที่เกิดในช่วงเวลาขณะก้าวข้ามจากปี 2571 เข้าสู่ปี 2572 พอดี โดยจันทรุปราคาเต็มดวงเริ่มขึ้นในเวลา 23.16 น. และสิ้นสุดในเวลา 00.28 น. ช่างภาพทั้งหลายจึงมีโอกาสถ่ายภาพพลุในงานวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่พร้อมกับดวงจันทร์สีแดงขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงบนท้องฟ้า
จันทรุปราคาที่เกิดในคืนวันส่งท้ายปีเก่าครั้งล่าสุดที่เห็นได้ในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อปี 2552 แต่เป็นจันทรุปราคาบางส่วน และเริ่มเกิดหลังเที่ยงคืน ถือว่าเข้าสู่วันที่ 1 ม.ค. 2553 แล้ว จึงไม่เหมือนจันทรุปราคาเต็มดวงในปลายปี 2571 การค้นหาต่อไปในอนาคตถึง ค.ศ. 3000 พบว่าการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงหรือบางส่วนขณะตรงกับเวลาเที่ยงคืนของคืนวันที่ 31 ธ.ค.เข้าสู่วันที่ 1 ม.ค. ตามเวลาในประเทศไทย แบบเดียวกับปี 2571 หาได้ยากมาก ต้องรออีกนานหลายร้อยปี จึงจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 31 ธ.ค. 2981 ห่างจากครั้งก่อนถึง 410 ปี แต่เป็นจันทรุปราคาบางส่วนในระหว่างเวลา 22.07-01.25 น. หลังจากนั้นไม่พบว่ามีจันทรุปราคาบางส่วนหรือเต็มดวงในช่วงเวลานี้อีก โดยมีจันทรุปราคาเต็มดวงที่เกิดในคืนวันส่งท้ายปีเก่าในปี 3353 แต่ดวงจันทร์เริ่มถูกเงามืดบังในเวลา 00.30 น. จึงถือว่าเข้าสู่วันที่ 1 ม.ค.แล้ว


