Tom Tom, Where you go last night?
ผมเดินออกจากโรงภาพยนตร์หลังรับชมภาพยนตร์สั้น เรื่อง Pattaya
โดย...เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข [email protected]
1.ผมเดินออกจากโรงภาพยนตร์หลังรับชมภาพยนตร์สั้น เรื่อง Pattaya ใจความของเรื่องให้ความรู้สึกเหมือนเคยผ่านการรับรู้เรื่องราวทำนองนี้วนไปวนมาหลายครั้ง แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รับรู้ และบางทีเพิกเฉย มองผ่านโศกนาฏกรรมชีวิตของเพื่อนร่วมโลกบางอย่างไป
ผมชอบตอนหนึ่งที่ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นเด็กเร่ร่อน พูดว่า พวกเขาเหมือน “ฝุ่น” หลายคนมองไม่เห็น หรือทำให้แค่ระคายตา ถูกเขี่ย ถูกแคะก็หายไปแล้ว
เรื่องราวของภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ นำเสนอวิถีชีวิตของเด็กเร่ร่อนในพัทยา ว่ากันในหมู่เด็กเร่ร่อนทำนองว่า การเป็นเด็กเร่ร่อนต้องมาพัทยาให้ได้ เพราะเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ มีสีสันตระการตาตลอดเวลา การเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ อย่างน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาหาอยู่หากินได้อย่างไม่อดยากมากนัก
นอกจากวิถีของเด็กเร่ร่อนจะอยากมาพัทยาเพราะความ “มันส์” ของเมืองแล้ว ชาวต่างชาติในกลุ่มรักร่วมเพศ ที่ชอบกระทำทางเพศต่อเด็ก (Pedophiles) ก็ชอบมาพัทยาเช่นเดียวกัน เพราะเป็นเมืองที่พวกเขาหาเด็กได้โดยง่าย ทั้งเด็กที่ยืนขายบริการอยู่ริมชายหาดที่เรียกกันคุ้นหูว่า Beach Boy หรือเป็นเด็กที่ถูกพามาขายบริการแบบผ่านเอเยนต์ โดยเอเยนต์เหล่านี้มาทั้งในรูปแบบ ปากต่อปาก เพื่อนแนะนำชักชวนกันมา ร้านอะโก้โก้ผู้ชาย แม้กระทั่งร้านเกมบางร้านที่ให้เด็กเร่ร่อนเข้ามาใช้บริการเพื่อขายบริการใช้หนี้ค่าเกม
เมื่อมีคนต้องการขายบริการ และมีคนต้องการซื้อบริการมาเจอกัน ย่อมเป็นไปตามกลไกการตลาด แต่แน่นอนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในทางหลักสากล เพราะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก แม้ว่าเด็กจะมีความยินยอมก็ตาม แต่ก็เป็นไปด้วยความอ่อนด้อยของวุฒิภาวะ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็กที่ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ไม่สามารถกระทำในประเทศตัวเองได้ เพราะกฎหมายบ้านเขามีโทษที่รุนแรง ส่วนในประเทศไทยหรือแถบลุ่มแม่น้ำโขง ถูกมองว่าเป็นกลุ่มประเทศที่ความยุติธรรมซื้อได้ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ตกเป็นผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กในประเทศไทย มักได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน และหลบหนีการประกันตัวออกนอกประเทศไปเกือบทุกราย
เด็กเร่ร่อนเหล่านี้ จึงคล้ายๆ ฝุ่นที่เข้าตา แทบไม่เคยมีใครมองเห็นพวกเขาเลย ยกเว้นแต่พวกที่ต้องการมาแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กกลุ่มนี้
2.แสงสียังคงสาดส่องไปมาใน Walking Street อันเป็นย่านการท่องเที่ยวสำคัญของเมืองพัทยาเหมือนครั้งเก่าก่อน แต่ภาพที่ดูผิดแผกไปจากอดีต คือ พนักงานที่นุ่งน้อยห่มน้อยคอยยืนเรียกแขกอยู่ริมถนนบริเวณหน้าร้านมีจำนวนหนาตามากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่บางตาลงอย่างเห็นได้ชัด ชาวต่างชาติที่เรียกกันติดปากว่า ฝรั่ง ทั้งอเมริกัน ยุโรป หรือรัสเชีย กลับบางตาลง มีที่เพิ่มเข้ามาคงเป็นลักษณะของทัวร์จีน ที่เดินถ่ายรูปแสงสีเสียงกันอย่างสนุกสนานแต่ไม่ได้เข้าไปอุดหนุนตามผับบาร์ต่างๆ แต่อย่างใด
ผมตกกระไดพลอยโจน จากการชักชวนของรุ่นน้องคนหนึ่งที่ไม่เคยมาเที่ยวพัทยามาก่อนในชีวิต เขาอยากดูโชว์ต่างๆ ที่อยู่ในพัทยา โดยเฉพาะ อะโกโก้ ที่ดูเหมือนว่าท่าเต้นยั่วยวนที่เสาจะกลายเป็นลักษณะบ่งบอกถึงการเต้นแนวเซ็กซี่ประเภทนี้
เพื่อนคนหนึ่งของผมผู้เชี่ยวชาญด้านพัทยา บอกว่า สมัยก่อนร้านผับบาร์แบบนี้ไม่ค่อยตอนรับคนไทย เพราะกลัวเรื่องนักข่าวหรือตำรวจแฝงตัวมาจับ แต่ปัจจุบัน รับคนทุกชาติเข้ามาในร้านเพราะนักท่องเที่ยวน้อยลง มีร้านจำนวนมากที่พัทยาที่ปิดตัวลงด้วยเหตุผลว่า เจ๊ง ไม่มีลูกค้า ไม่คุ้มค่าเช่าร้าน
พวกเราไม่มีร้านในใจที่จะเข้าไปดูโชว์ คิดว่าเดินไปเจอร้านไหนชวนคนไทย ก็จะเข้าไปที่ร้านนั้น ปรากฏว่าตลอดสองข้างทาง Walking Street มีคล้ายคนเชียร์แขก คอยเดินถือโบรชัวร์เรียกลูกค้า ซึ่งผมถามย้ำกับเขาว่า รับคนไทยแน่นะ และไม่มีการชาร์จภายในร้านอีกใช่มั้ย
สนนราคาในการดูโชว์ในร้านอะโกโก้ อยู่ที่ 200 บาท/คน โดยจะได้รับเบียร์ขวดเล็กเป็นเครื่องดื่ม คนเชียร์แขกที่พาเราเดินเข้าไปในร้าน ถามย้ำกับพวกเราว่า ไม่ใช่นักข่าวหรือตำรวจแน่นะ ?
คนเชียร์แขกพาเราเดินขึ้นบันไดเล็กๆ ไปยังชั้นสองของอาคาร ทางเข้าร้านไม่มีประตูปิด มีเพียงม่านขนาดใหญ่ที่ปิดบังไว้ ภายในมีไฟแสงสลัวมีเสียงเพลงและกลิ่นควันบุหรี่คละคลุ้ง บนเวทีกลางร้านมีเสาอยู่ 4 ต้น แต่ละต้นมีพนักงานสาวเต้นโยกย้ายไปมา ทำท่ายั่วยวน กระทั่งได้เวลาการแสดงโชว์ มีพนักงานสาวใหญ่อายุเกิน 40 ปี นุ่งชุดโนบราออกมา จากนั้นเธอหยิบปากกาเมจิก สอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ แล้วเขียนข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ว่า “ยินดีต้อนรับ”
จากนั้นโชว์ต่างๆ ก็ทยอยออกมา ส่วนใหญ่เป็นพนักงานสาวใหญ่อายุเกิน 40 ปี 3-4 คน พลัดเปลี่ยนกันมาแสดงโชว์ ทั้งหมดเป็นการใช้อวัยวะเพศในการแสดง เช่น การเป่าเทียน การเป่าลูกดอกยิงลูกโป่ง การดึงใบมีดโกนออกมา การเปิดฝาขวดโซดา การดึงพวงมาลัยดอกไม้ออกมา เป็นต้น
พวกเรามองหน้ากันไปมา นี่เป็นโชว์แบบการแสดงที่ไม่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศแต่อย่างใด แต่เป็นโชว์ที่ทำในลักษณะความชำนาญ บางโชว์เหมือนกับเล่นกล จริงๆ มันคือความสามารถล้วนๆ ที่ผ่านการฝึกฝน เพียงแต่ใช้อวัยวะเพศในกิจกรรมเท่านั้น
พวกเราเดินออกจากร้านด้วยความรู้สึกตื้อๆ บอกไม่ถูก รู้แต่เพียงว่าเขาขายความสามารถจากการฝึกซ้อม แต่พวกเราจะไม่กลับมาดูโชว์แบบนี้อีก ไม่รู้ว่าทำไม มันหดหู่บอกไม่ถูก
3.จริงๆ แล้วการเป็นเขตโซนนิ่งทำให้การขายเหล้าเบียร์และการเปิดปิดร้านสถานบริการ ไม่มีกำหนดเวลาเคร่งครัดเหมือนในกรุงเทพฯ จึงกลายเป็นเมืองที่ไม่หลับใหล ในขณะที่หลังเวลาประมาณตีสอง เจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจ จะถอนกำลังออกจากพื้นที่ Walking Street ไปแล้ว แต่ยังคงมีร้านที่เปิดให้บริการอยู่ จังหวะนี้เองจะเป็นเวลาของกลุ่มคนที่นำเด็กมาหาผลประโยชน์โดยการขอทานหรือเร่ขายสินค้า
มีเด็กทารกถูกพามานั่งเรียงรายหลายคู่ภายใน Walking Street และถนนใกล้เคียงเพื่อขอทาน มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีผู้บังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นการสะดวกในการพาเด็กออกมาหาเงิน ซึ่งจริงๆ ก่อนช่วงเวลาตีสอง พวกนี้น่าจะพาเด็กไปขอทานบริเวณอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว
หกโมงเช้า ฟ้าสาง พระเดินบิณฑบาตแล้ว เด็กขอทานบางคนยังไม่ได้กลับบ้าน พวกเขายังนอนอยู่ข้างถนน เพราะนักท่องเที่ยวและหญิงบริการหลายคนอยากทำทานกับพวกเขา โดยหารู้ไม่ว่า นี่เป็นการนำเด็กมาแสวงหาผลประโยชน์
นี่เพียงแค่เรื่องราวในค่ำคืนแห่งราตรีเพียงบางชีวิต บางมุม มีเรื่องหดหู่ เศร้าใจ และคำถามถึงฉากชีวิตของใครหลายคน เป็นความบันเทิงที่แลกมาด้วยเรือนร่างและผลประโยชน์ของคนที่ไม่มีอำนาจต่อรองในชีวิต
เพลงเวลคัมทูไทยแลนด์ของคาราบาว ยังคงดังกระหึ่ม Tom Tom , Where you go last night ? .......ไปถามดูว่าชอบเราตรงไหน ฝรั่งตอบไม่อายว่าไอไลค์พัทยา ถ้ากรุงเทพฯ เมืองฟ้า ไอก็ว่าพัฒน์พงศ์


