พระเทพปัญญากวี (บรรจง) ลูกหม้อวัดมกุฏกษัตริยาราม
วันที่ 15 ก.ค. 2558 พระวิหารหลวงวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง ดูคับแคบ เมื่อพระเถระ นำโดย
โดย...สมาน สุดโต
วันที่ 15 ก.ค. 2558 พระวิหารหลวงวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง ดูคับแคบ เมื่อพระเถระ นำโดย สมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รวมทั้งพระเถรานุเถระคณะธรรมยุต คณะศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือที่เป็นฆราวาส ได้ทยอยมาในวิหารหลวงไม่ขาดสายตั้งแต่เวลา 09.00 น. เพราะเป็นงานอายุวัฒนมงคล 80 ปี ของพระเทพปัญญากวี (บรรจง) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม พระอารามหลวง ซึ่งจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และท่านผู้หญิงนงนุช จัดถวาย
ตามหมายงานนั้น เมื่อคณะศิษยานุศิษย์ถวายสักการะและมุทิตาพระเทพปัญญากวี ได้เวลาอันสมควร พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป มีสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็นประธาน ทักษิณานุปทาน เจริญพระพุทธมนต์ ฉันเพล เวลา 13.30 น. พระเทพปัญญากวี ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้โอวาทและอนุโมทนา เสร็จพิธี
อยู่เพื่อบุญ
เมื่อผู้เขียนเข้าไปมุทิตา ท่านให้หนังสือชื่อ หลวงตาบวชมาทำไม เล่ม 1 และเล่ม 2 เป็นหนังสือที่พระภิกษุรูปหนึ่งเขียนขึ้นเพื่อสอนหลักธรรมวินัย แบบบุคลาธิษฐาน คือหลวงตา กับโยมที่เป็นลูกสาวเป็นตัวละคร สรุปได้ย่อๆ ว่า หลวงตาก่อนบวชมีลูกสาวคนหนึ่ง แต่ลูกสาวเป็นห่วงหลวงตาที่เป็นพ่อ เมื่อเห็นหลวงพ่อทำตัวไม่เอื้อวินัย จึงไปขอให้พระรูปหนึ่งเขียนเรื่องวินัยที่อ่านแล้วไม่เบื่อไปให้หลวงตา หรือหลวงพ่อพิสูจน์อักษร เป็นการสอนวินัยหลวงตาทางอ้อม เรื่องนี้อ่านแล้วเข้าใจวินัยพระ และเห็นภาพ สอดคล้องกับพระเทพปัญญากวีที่รักษาตัวเป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชาของหลายฝ่ายจนถึงปัจจุบัน เพราะมีธรรมวินัยเป็นหลักและเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ใครคิดร้ายสมณวิสัย จึงเป็นขวัญใจและแบบอย่างของพระรุ่นหลังทั่วไปตราบเท่าปัจจุบัน
พระเทพปัญญากวีพูดความในใจให้ผู้เขียนฟังสั้นๆ ว่า อยู่ถึงวันนี้อายุ 80 ปีแล้ว นอกจากยึดธรรมวินัยเป็นเกราะป้องกันแล้ว ยังยึดการทำบุญเป็นเป้าหมายในชีวิต เพราะบุญทำให้มีความสุข ความเจริญ สังคมสงบสันติ พร้อมกับบอกว่าพระพุทธองค์เป็นพระพุทธเจ้าได้เพราะทำบุญ ขอให้ทุกคนจงเร่งทำบุญและมีสติทุกเมื่อ
อดีตที่หอมหวน
ในอดีตใครๆ ก็คาดกันว่าพระเทพปัญญากวี หรือพระมหาบรรจง ต้องรุ่ง เมื่อดูจากพื้นฐาน ภูมิหลัง ความรู้ความสามารถ การวางตัว การรักษาพระธรรมวินัย และบุคลิกลักษณะที่มีแต่จุดเด่น อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ของวัด และคณะธรรมยุต เพราะท่านดำรงตำแหน่งเลขาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) เลขาเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต มีทั้งพระเดชพระคุณ
แต่ถึงวันนี้พระเถระท่านที่เคยสนองงานสิ้นพระชนม์และมรณภาพ ตัวท่านมีสมณศักดิ์ชั้นเทพ อยู่ในอันดับต้นๆ ของคณะธรรมยุตที่ควรได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ เพราะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม มีผลงานเพื่อส่วนรวมทั้งการศึกษา เผยแพร่ และสาธารณสงเคราะห์หลากหลาย เป็นพระเถระรัตตัญญู หรือลูกหม้อวัดมกุฏฯ กวาดสายตาดูพระเถระคณะธรรมยุตด้วยกันแล้ว ท่านคือ 1 ใน 10 ที่อยู่ในวัย 80 ปี ถ้าเป็นพระป่าท่านต้องนั่งหัวแถว เพราะพรรษาสูงถึง 60 ปี (พระป่าเคารพกันตามอาวุโส)
ไม่มีเจ้าอาวาส
ปัจจุบันวัดมกุฏฯ ไม่มีเจ้าอาวาส มีแต่สมเด็จพระวันรัตที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร มารักษาการเจ้าอาวาสวัดมกุฏฯ อีกตำแหน่งหนึ่ง 7 ปีแล้ว นับแต่เดือน พ.ย. 2551 หลังจากสมเด็จฯ ประจวบ มรณภาพ
อดีตเจ้าอาวาส
1.พระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม จนฺทรํสี) พ.ศ. 2411-2425
2.พระพรหมมุนี (แฟง กิตฺติสาโร) พ.ศ. 2425-2443
3.พระธรรมปาโมกข์ (ถม วราสโย) พ.ศ. 2443-2462
4.พระศาสนโศภน (แจ่ม จตฺตสลฺโล) พ.ศ. 2462-2488
5.สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) พ.ศ. 2488-2514
6.พระเทพกิตติเมธี (หิ้น คนฺธาโร) พ.ศ. 2514-2516
7.สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (ประจวบ กนฺตาจาโร) พ.ศ. 2543-2551
ประวัติ
พระเทพปัญญากวี นามเดิม บรรจง ฉายา กลฺลิโต นามสกุล เขียวหวาน วุฒิ น.ธ.เอก, ป.ธ.4, ศน.บ., M.A. (B.H.U)
เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2478 ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
บรรพชาเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2493 ณ วัดชุมนุมศรัทธา อ.บางเลน จ.นครปฐม
โดยมีพระปฐมนคราจารย์ (วงศ์ โอวาทตวณฺโณ) วัดเสน่หา เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2498 ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) เมื่อครั้งดำรงสมณศักด์ที่ พระศาสนโศภน เป็นพระอุปัชฌาย์
สมณศักดิ์
พ.ศ. 2517 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระกิตติสารมุนี
พ.ศ. 2536 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชปัญญากวี
พ.ศ. 2543 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพปัญญากวี
ตำแหน่งการปกครอง
พ.ศ. 2506 เป็นเลขาเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
พ.ศ. 2508 เป็นเลขานุการในองค์สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
พ.ศ. 2508 เป็นกรรมการบริหารวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร
พ.ศ. 2517 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร
พ.ศ. 2517 เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ. 2534 เป็นเจ้าคณะแขวงเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
พ.ศ. 2538 เป็นพระอุปัชฌาย์วิสามัญ
ปัจจุบัน เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร
ผลงานเพื่อ สาธารณสงเคราะห์และอื่นๆ
- ประธานกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์โรคเรื้อนในสังฆราชูปถัมภ์
- กรรมการมูลนิธิหลายแห่ง
- กรรมการ (ฝ่ายบรรพชิต) โครงการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครบ 200 ปี วันพระบรมราชสมภพ
- กรรมการ (ฝ่ายบรรพชิต) จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสวันพระบรมราชสมภพครบ 200 ปี 18 ต.ค. 2557
- ผู้ริเริ่มโครงการบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามตามแนวทางอนุรักษ์และพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานภายในวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร
พระเทพปัญญากวี ลูกหม้อวัดมกุฏฯ ผู้เป็นที่เคารพรักของบรรดาศิษย์ ขอจงรุ่งเรืองในพระศาสนาตลอดเทอญ


