‘นิธิฟู้ดส์’ โตพอประมาณ สร้างสมดุลองค์กร-สังคม
“การเติบโตอย่างยั่งยืน” ถือเป็นรูปแบบการขยายตัวที่เป็นที่ปรารถนาขององค์กรธุรกิจทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกขนาด
โดย...อนัญญา มูลเพ็ญ
“การเติบโตอย่างยั่งยืน” ถือเป็นรูปแบบการขยายตัวที่เป็นที่ปรารถนาขององค์กรธุรกิจทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกขนาด เป็นวิถีทางที่พูดง่าย แต่ทำยาก ต้องอาศัยความมุ่งมั่นในทางปฏิบัติ เพราะต้องสร้างความสมดุล ทั้งการเติบโตของธุรกิจ พร้อมกับดูแลคู่ค้า ทั้งซัพพลายเออร์ ผู้ซื้อ พนักงาน ตลอดจนภาคสังคม
บริษัท นิธิฟู้ดส์ เป็นหนึ่งในธุรกิจครอบครัวที่ยึดในแนวทางดังกล่าวตั้งแต่แรกเริ่มทำธุรกิจในปี 2541 ที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ จนปัจจุบันเกือบ 20 ปี โดยมีรางวัลชนะเลิศการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในปี พ.ศ. 2550 และรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ปี 2551 จากกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเครื่องการันตี
“สมิต ทวีเลิศนิธิ” กรรมการผู้จัดการ นิธิฟู้ดส์ กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าแปรรูปทางการเกษตรที่มีประสบการณ์มา 20 ปี ปัจจุบันมีสินค้าทั้งเครื่องปรุงรส เช่น พริกป่น กระเทียมผง พริกไทยขาวป่น พริกไทยดำป่น หอมแดงป่น ขิงผง ผักชีผง ตะไคร้ผง และอาหารกึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “อีทส์ คิทเช่น” “เออร์เบิร์น ฟาร์ม” และ “พ็อคเกต เชฟ” มีรายได้จากสินค้าทุกกลุ่มประมาณ 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากช่วง 5 ปีก่อน มีรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท
สมิต เป็นทายาทรุ่น 2 ที่เข้ามารับช่วงบริหารธุรกิจ ด้วยความที่เรียนจบด้านบริหารธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา และเคยร่วมงานกับบริษัทไอทีชั้นนำของโลก จึงพยายามนำหลักการบริหารใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้ามาปรับใช้ ทำให้บริษัทขยายตัวได้อย่างมั่นคง
การบริหารธุรกิจภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนิธิฟู้ดส์ ประกอบด้วยหลักการ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข โดย 3 ห่วง คือ 1.ความพอประมาณ บริษัทใช้เงินทุนของตนเองขยายกิจการอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามกำลังทุน รายได้เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมจาก 114 และ 131 ล้านบาทในปี 2548-2549 เป็น 255 ล้านบาทในปี 2557 ขณะที่พนักงานเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางธุรกิจจาก 30 กว่าคนในช่วงเริ่มต้น มาเป็น 100 คนในปัจจุบัน
2.ความมีเหตุผล คือการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิตอย่างประหยัด ได้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและหาทางเพิ่มมูลค่า เน้นการดำเนินงานด้วยนโยบายคุณภาพ มีการบริหารการผลิตและการจัดการต่างๆ ที่ได้รับมาตรฐาน เช่น ระบบ HACCP, GMP และ ISO 9001:2000 ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาสินค้าจนมีแบรนด์เป็นของตนเอง จากเดิมที่เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิต และ 3.มีภูมิคุ้มกันที่ดี นั่นคือมีการปรับปรุงและพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ปฏิบัติงานในทุกระดับ
ส่วนอีกสองเงื่อนไขนั่นคือ 1.ต้องเป็นองค์กรที่มีความรู้ มีการสร้างและพัฒนาเครื่องมือในการผลิตสินค้าด้วยตนเอง ซึ่งเครื่องมือเครื่องจักรในโรงงานแม้จะจ้างต่างประเทศผลิตแต่ก็เป็นการออกแบบเอง ซึ่งเป็นองค์ความรู้เฉพาะของกิจการ
2.การมีคุณธรรม ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ นั่นคือ ไม่เอาเปรียบผู้เกี่ยวข้อง ทั้งคู่ค้า ดูแลคุณภาพชีวิตพนักงาน พร้อมกับทำประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม เช่น สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตวัตถุดิบป้อนโรงงาน ให้ความรู้ทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการให้ความรู้ทางด้านบัญชี ดำเนินธุรกิจโดยไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมเพราะถือว่ากิจการต้องอยู่ร่วมกับสังคม
ทั้งนี้ บริษัทยึดแนวทางการบริหารที่สมดุล พร้อมกับการแสวงหาตลาดใหม่เพื่อสร้างการเติบโต และอีกสิ่งที่สำคัญของการทำธุรกิจ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นความท้าทาย ทั้งเรื่องของการใช้นวัตกรรมในการผลิต และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสะดวก สอดรับกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป
ปัจจุบัน นิธิฟู้ดส์ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผงทำข้าวอบผงกะหรี่ ข้าวอบต้มยำ ภายใต้แบรนด์ “เออร์เบิร์น ฟาร์ม” ซอสผงข้าวผัด สูตรต้มยำและสูตรแกงเขียวหวาน แบรนด์ “พ็อคเกต เชฟ” และซอสรสชาติอาหารไทย เช่น ต้มยำ พะแนง แกงเขียวหวาน ภายใต้แบรนด์ “อีสท์ คิทเช่น”
สิ่งที่ท้าทาย คือ การหานวัตกรรมของสินค้าที่จะมาเป็นแรงขับเคลื่อนในระยะต่อไป พร้อมๆ กับการดูแลคู่ค้า พนักงานและสังคม ซึ่งเป็นคำตอบของความยั่งยืน


