posttoday

คนน่านมีน้ำทำนา ฝายเล็กแก้แล้ง สานพระราชดำริ

12 กรกฎาคม 2558

วิกฤตภัยแล้งที่ขยายวงกว้าง ฝนมาล่าช้าและแนวโน้มจะมาไม่เต็มฤดูกาล ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบมากที่สุด

โดย...ระรินธร  เพ็ชรเจริญ

วิกฤตภัยแล้งที่ขยายวงกว้าง ฝนมาล่าช้าและแนวโน้มจะมาไม่เต็มฤดูกาล ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบมากที่สุด ชาวนาหลายพื้นที่รอคอยหยาดเม็ดฝนลงมาเพื่อให้ต้นข้าวรอดตาย และบางรายถึงกับต้องหยุดทำนาเพราะไม่มีน้ำ ปัญหาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตรจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างผลกระทบจนน่าวิตก แต่ชาวนาในพื้นที่ ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน เริ่มลงมือลงแรงดำนาหว่านกล้าได้ ท่ามกลางวิกฤตภัยแล้งในพื้นที่ จ.น่าน

เผชิญ โวทาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ศิลาแลง บอกว่า ช่วงนี้ชาวบ้านเริ่มลงนาโดยสลับสับเปลี่ยนกันทำคนละช่วง เรื่อยลงไปจนถึงแปลงข้าวท้ายน้ำ ซึ่งมีน้ำเพียงพอที่จะปล่อยลงไปจนถึงพื้นที่การเกษตรท้ายน้ำ

“ก่อนหน้านี้เกษตรกรที่อยู่ท้ายน้ำไม่สามารถทำการเกษตรได้เลยเพราะขาดแคลนน้ำ แต่หลังจากที่มีการระดมกำลังชาวบ้านช่วยกันซ่อมแซมฝายแก้งได้ทันรับน้ำฝน ก็ทำให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการเกษตร”

ประเสริฐ มูลคำ ประธานคณะกรรมการเหมืองฝาย เล่าว่า ฝายแก้งบ้านหัวน้ำ ต.ศิลาแลง มีความสำคัญต่อชาวบ้านกว่า 740 ครัวเรือน หล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตร 2,125 ไร่ แต่เมื่อปี 2554 ถูกน้ำป่าไหลหลากพังเสียหาย ราชการก็ไม่มีงบประมาณซ่อมแซม กระทั่งโครงการซ่อมแซม ปรับปรุง เสริมฝาย อ่างเก็บน้ำ ตามยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของภาคการเกษตรและชนบทเข้ามาสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ ชาวบ้านจึงร่วมแรงซ่อมแซมและเห็นผลชัดว่าฝายแก้งเก็บกักน้ำไว้ใช้ทำนาได้ แม้หลายพื้นที่ใน จ.น่าน จะประสบภัยแล้งฝนทิ้งช่วง

ธนกร รัชตานนท์ ผู้จัดการสำนักงานโครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ จ.น่าน กล่าวว่า การซ่อมแซมปรับปรุงฝายน้ำ อ่างน้ำเล็กๆ ในชุมชน เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด ประหยัดงบประมาณ มีผลกระทบน้อยและยั่งยืน เมื่อเปรียบเทียบกับการต้องสร้างอ่างและเขื่อนขนาดกลางและใหญ่ แม้ขณะนี้ จ.น่าน จะประสบปัญหาภัยแล้ง แต่พื้นที่ซึ่งเข้าร่วมโครงการซ่อมแซม ฝาย อ่างเก็บน้ำ ยังมีน้ำทำได้

สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองน่าน คงพอจะเป็นต้นแบบแนวคิดให้กับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศนี้ได้ การมุ่งเน้นแต่การก่อสร้างแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ประสบการณ์ทั้งน้ำท่วมใหญ่และภัยแล้งครั้งนี้ คงพอจะทำให้เห็นได้แล้วว่าอาจไม่ใช่แนวทางเดียว และอาจไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง

รอยพระยุคลบาทที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวย่ำไปทั่วแผ่นดิน สิ่งที่เป็นประจักษ์ชัดคือความห่วงใยเกษตรกรพสกนิกรส่วนใหญ่ของประเทศ และทรงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรมากกว่าโครงการพระราชดำริในด้านอื่นๆ จากจำนวนโครงการพระราชดำริกว่า 4,400 โครงการนั้น เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำถึง 3,000 โครงการ ดังพระราชดำรัสที่ว่า “หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้เพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้”

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025