posttoday

พื้นที่สีเขียว ลมหายใจของเมือง มุมมอง "กนก เหวียนระวี"

19 มิถุนายน 2558

“อดีตมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นกำลังพังทลายลง ซึ่งคนสมัยนี้อาจไม่เห็นว่ามันแย่ เพราะไม่เคยเห็นอดีตที่รุ่งเรือง”

โดย...พิเชษฐ์ ชูรักษ์, นฤมล รัตนสุวรรณ์

การซึมซับธรรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แต่วัยเด็ก ผ่านคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กระทั่งมาสอนหนังสือในภาควิชาภูมิสถาปัตย์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์พิเศษภาควิชาพืชศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ คณะเกษตรศาสตร์ มช. ทำให้ กนก เหวียนระวี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุงกวี ถูกหล่อหลอมให้เป็นคนรักและผูกพันกับสิ่งแวดล้อม

ยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พระอาจารย์อลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ คอยสอนให้มีเมตตาต่อดินต่อน้ำด้วยแล้ว เจ้าของสนามกอล์ฟกรุงกวี ย่านคลอง 4 ถนนรังสิตนครนายก อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงได้หลักธรรมคอยเตือนสติให้มีความรักความอ่อนโยนต่อธรรมชาติ

“ผมเกิดที่อุบลฯ แต่มาโตกรุงเทพฯ ตอนเด็กๆ ชวนเพื่อนไปจับปลาตามคลองบางกอกน้อยด้วยกัน แค่เอาสวิงดักในคลองก็ได้กุ้งก้ามกรามตัวใหญ่ ต่อมาย้ายติดตามพ่อซึ่งเป็นวิศวกรรถไฟมาอยู่ชุมชนสถานีรถไฟมักกะสัน เมื่อก่อนมีบ้านอยู่ 5 หลัง และมีบึงอยู่ติดหลังบ้าน เราสามารถยิงปลาจากบึงมาทำอาหารได้เลย ตอนนั้นถนนเพชรบุรียังไม่มี ขี่จักรยานออกไปไม่ไกลก็ถือว่าเปลี่ยวแล้ว” อาจารย์กนก เล่าชีวิตวัยเยาว์

ชายวัย 68 สรุปว่า “อดีตมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นกำลังพังทลายลง ซึ่งคนสมัยนี้อาจไม่เห็นว่ามันแย่ เพราะไม่เคยเห็นอดีตที่รุ่งเรือง”

ขยายความต่อด้วยว่า การขยายตัวของเมืองในปัจจุบันทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก แต่ในเมืองไทยไม่มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องและเหมาะสม ขณะที่ระดับความรุนแรงของปัญหาขยายตัวไปไกลมาก

กนก อธิบายด้วยว่า ตัวเขาเองตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอด จะเห็นได้ว่าสนามกอล์ฟกรุงกวี บนเนื้อที่เกือบ 1,000 ไร่ ซึ่งเป็นระบบปิด มีน้ำใช้เองร่วม 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะมีคลองภายในยาวถึง 15 กิโลเมตร

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านแลนด์สเคป เขาให้ระบบนิเวศจัดการกันเอง คือธรรมชาติพึ่งพากันเอง ทำให้พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ย่านรังสิตเป็นที่อยู่ของสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย เช่น ต่อ ผึ้ง นกนานาชนิด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่

กนก บอกว่า ทุกวันนี้ใครให้ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมมักถูกต่อว่าเป็นพวกโลกสวย หรือเพ้อฝัน แต่คนจำนวนมากหารู้ไม่ว่า “ความไม่รู้” ในการจัดการกับทรัพยากรได้ทำให้ผืนดินในประเทศมีการใช้ผิดประเภทและถูกทำลายไปอย่างมหาศาล

เมื่อมองภาพรวม อาจารย์ด้านภูมิสถาปัตย์ มองว่า ธรรมชาติที่เกือบจะหมดความสมบูรณ์ไปเรื่อยๆ ดูจะไม่ได้รับการจัดการจากภาครัฐมากนัก ฉะนั้น ถึงเวลาที่ประเทศไทยควรเตรียมรับมือและหาทางออกเพื่ออนาคตของลูกหลาน

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตัวเขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงผลักดันให้เกิดสาขาวิชาการออกแบบภูมิทัศน์และการจัดการสิ่งแวดล้อมขึ้นในคณะเกษตรฯ มช. ซึ่งกนกเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ในคณะนี้ ด้วยเห็นว่าภาคเหนือคือพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีจำเป็นต้องได้รับการดูแล จึงต้องการให้มีการปลูกฝังความรู้ผ่านศาสตร์ที่ถูกต้อง และผลิตบุคลากรในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านสาขาวิชานี้

บุคลากรกลุ่มนี้จะได้เรียนทั้งวิชาวิทยาศาสตร์เกษตรและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีสาขาวิชานี้ในเมืองไทย แต่จนถึงขณะนี้ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยยังไม่อนุมัติตำแหน่งอาจารย์เพื่อเปิดสอน ทั้งๆ ที่ควรเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด

ก่อนนี้ เมื่อปี 2553 ในฐานะเป็นประธานที่ปรึกษาคณะทำงานโครงการจัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์ทางทะเลและชายฝั่งเกาะระ กนกยอมควักเงินส่วนตัวนำกรรมาธิการใน

สภาผู้แทนราษฎรและคณะสื่อมวลชนไปดูพื้นที่เกาะระ อ.คุระบุรี จ.พังงา เพื่อให้เห็นความสำคัญในการยกเกาะระเป็นสวนพฤกษศาสตร์ รวมทั้งการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่บนเกาะ แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบหาย เพราะกลไกรัฐและฝ่ายการเมืองไม่เอาด้วย

มาถึงยุคที่เมืองใหญ่เผชิญวิกฤต กระทรวงการคลังจะนำพื้นที่การรถไฟฯ ย่านมักกะสันไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ อาจารย์กนกก็กระโดดเข้าร่วมสนับสนุนกลุ่มมักกะสันสร้างสรรค์ เพื่อเสนอแนวทางให้ภาครัฐกันที่ดินบริเวณนี้เป็นพื้นที่สีเขียวไว้ใจกลางกรุงเทพฯ

“นี่คือโอกาสสุดท้ายของประเทศที่จะมีพื้นที่สาธารณะสีเขียวที่ดี เหมาะสมในเมืองหลวง หากทำเป็นสวนจะไม่สร้างปัญหาให้กรุงเทพฯ มากขึ้น แต่ถ้านำไปสร้างตึกจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้ กทม.เลวร้ายมากกว่านี้ พื้นที่สีเขียวตรงนี้อาจจะช่วยให้กรุงเทพฯ หายใจออก อุณหภูมิจะลดลงและจะเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ

“ฉะนั้น รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะผู้บริหารเมืองต้องออกมาเรียกร้องด้วยตัวเอง กระทรวงการคลังหรือการรถไฟฯ ไม่ควรนำเรื่องหนี้มาอ้าง เพราะเจ้าหนี้และลูกหนี้เป็นคนเดียวกันที่บริหารจัดการกันเองได้”

อาจารย์กนกเสนอให้นำพื้นที่นี้มาสร้างเป็น “สวนสมเด็จพระปิยมหาราช” ที่มีทั้งสวน มีพิพิธภัณฑ์เรียนรู้รากเหง้าของคนไทย หรือประวัติของรัชกาลที่ 5 ในฐานะผู้ให้กำเนิดการรถไฟฯ ซึ่งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ไปด้วยกัน

กนกในฐานะเจ้าของกิจการสนามกอล์ฟและอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้มุ่งหวังกำไรสูงสุด ทำแค่ความอยู่รอด และมีส่วนสร้างประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม “หัวใจสำคัญคือ การจะทำอะไรต้องดีต่อตัวเราเอง ต่อคนรอบข้างและธรรมชาติด้วย” กนก ย้ำ

ในฐานะอาจารย์ กนกเปิดพื้นที่สีเขียวของตัวเองที่ปลุกปั้นมากว่า 20 ปี ให้เยาวชนสามารถเข้ามาใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ พร้อมกับจะยังถ่ายทอดความรู้ด้านการออกแบบภูมิทัศน์ไปสู่รุ่นต่อรุ่นเท่าที่ยังมีลมหายใจ

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ