ย้อนอดีตตะวันดับที่กรุงเทพฯ
วันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. 2498 หรือเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เกิดปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งสำคัญเมื่อเงามืดของดวงจันทร์
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
วันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. 2498 หรือเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เกิดปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งสำคัญเมื่อเงามืดของดวงจันทร์พาดลงมาบนผิวโลก สุริยุปราคาเต็มดวงที่มีระยะเวลามืดเต็มดวงยาวนานที่สุดในรอบหลายศตวรรษเกิดขึ้นในวันนั้น ประเทศไทยอยู่ในเขตที่เงามืดของดวงจันทร์พาดผ่าน มีการประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ ให้ประชาชนทราบ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอันมาก และมีการรายงานสดพร้อมตอบคำถามผู้ฟังผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียง แนวคราสของสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งนั้นเริ่มต้นที่มหาสมุทรอินเดีย ผ่านศรีลังกา หมู่เกาะในทะเลอันดามัน ก่อนมุ่งหน้ามายังพม่า ผ่านประเทศไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ โดยพาดผ่านเมืองหลวงอย่างโคลัมโบ กรุงเทพฯ และมะนิลา แนวคราสไปสิ้นสุดในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้
วันนั้นประเทศไทยไม่ได้มีเพียงจังหวัดพระนครและธนบุรีที่เห็นสุริยุปราคาเต็มดวง เงามืดของดวงจันทร์มีขนาดกว้างใหญ่เกือบ 250 กิโลเมตร เคลื่อนจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก จึงครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จังหวัดที่เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งนั้นจึงรวมถึงกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี อุทัยธานี ลพบุรี ตอนใต้ของเพชรบูรณ์กับชัยภูมิ สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ศรีสะเกษ ยโสธร และอุบลราชธานีสุริยุปราคาแต่ละครั้งเชื่อมโยงหรือมีความเกี่ยวข้องกันด้วยวัฏจักรซารอส (Saros) ซึ่งมีคาบยาวนาน 6,585.32 วัน หรือ 18 ปี กับ 10 หรือ 11 วัน เป็นวัฏจักรที่ใช้พยากรณ์การเกิดสุริยุปราคาซ้ำในช่วงก่อนหน้าและหลังจากนั้น โดยแบ่งเป็นชุดกำหนดลำดับชุดด้วยตัวเลข สุริยุปราคาเต็มดวงเมื่อ พ.ศ. 2498 จัดอยู่ในซารอสที่ 136 สุริยุปราคาเต็มดวงในซารอสเดียวกันเกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2552 ผ่านเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ของจีน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทอดพระเนตร
สุริยุปราคา วันที่ 20 มิ.ย. 2498 (ค.ศ. 1955) เป็นสุริยุปราคาเต็มดวงที่มีระยะเวลามืดเต็มดวงยาวนานมาก ที่จุดกลางคราสซึ่งอยู่ในทะเลทางตะวันตกของฟิลิปปินส์ เห็นคราสเต็มดวงได้นานถึง 7 นาที 8 วินาที นานกว่าสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งใดๆ ในรอบหลายร้อยปี โดยสุริยุปราคาเต็มดวงที่ยาวนานกว่าและเกิดก่อนหน้านั้นมีขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ค.ศ. 1080 นาน 7 นาที 18 วินาที หลังจากนั้นไม่มีสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งใดยาวนานเท่าจนกว่าจะถึงวันที่ 25 มิ.ย. ค.ศ. 2150 นาน 7 นาที 14 วินาที สุริยุปราคาเต็มดวงที่นานที่สุดมักเกิดในช่วงเดือน มิ.ย.หรือก.ค. เนื่องจากอยู่ในช่วงที่โลกอยู่ไกลดวงอาทิตย์ที่สุด ซึ่งทำให้ดวงอาทิตย์มีขนาดปรากฏเล็กที่สุดในรอบปี บริเวณประเทศไทยเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งนั้นได้นานไม่เกิน 6 นาที 46 วินาที สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับสถานีวิทยุทดลอง 1 ป.ณ. ของแผนกช่างวิทยุ กองวิทยุ กรมไปรษณีย์โทรเลข ทดลองส่งวิทยุกระจายเสียงพิเศษในช่วงเวลา 08.45-12.00 น. บรรยายโดยระวี ภาวิไล พร้อมทั้งตอบปัญหาให้แก่ผู้ฟัง
คณะนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน นำโดย ศาสตราจารย์ ชาร์ลส์ เอช. สไมลีย์ จากมหาวิทยาลัยบราวน์ โรดไอส์แลนด์ เดินทางมาสังเกตสุริยุปราคาเต็มดวงวันที่ 20 มิ.ย. 2498 โดยจุดสังเกตการณ์อยู่ภายในพระราชวังบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา ได้ทอดพระเนตรสุริยุปราคา ณ ที่นั้นด้วย ต่อมาศาสตราจารย์สไมลีย์ได้เดินทางไปบรรยายดาราศาสตร์ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนปี 2498 มีเอกสารระบุว่าศาสตราจารย์สไมลีย์เคยมาสังเกตสุริยุปราคาในประเทศไทยแล้วเมื่อครั้งสุริยุปราคาวงแหวนวันที่ 9 พ.ค. 2491 ซึ่งแนวคราสวงแหวนผ่านบริเวณกรุงเทพฯ และเขาได้บรรยายดาราศาสตร์ที่สยามสมาคมฯ ก่อนสุริยุปราคาเต็มดวงในปี 2498 นับจากเริ่มยุครัตนโกสินทร์เป็นต้นมา เคยเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่เห็นได้บริเวณกรุงเทพฯ มาแล้วครั้งหนึ่ง สุริยุปราคาเต็มดวงเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2418 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากสุริยุปราคาหว้ากอเพียง 7 ปี มีระยะเวลามืดเต็มดวงที่เห็นบริเวณพระนครนาน 4 นาที ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเชิญคณะนักดาราศาสตร์ยุโรปมาสังเกต ซึ่งคณะจากอังกฤษและฝรั่งเศสได้เดินทางมาตั้งหอสังเกตการณ์สุริยุปราคาที่แหลมเจ้าลาย หาดบางทะลุ (บริเวณใกล้หาดเจ้าสำราญในปัจจุบัน) จ.เพชรบุรี ส่วนพระองค์ทอดพระเนตรอยู่ภายในเขตพระราชวังหลังจาก พ.ศ. 2498 ไม่มีสุริยุปราคาเต็มดวงที่ผ่านกรุงเทพฯ อีกเลยนับเป็นเวลานานหลายร้อยปี คนในกรุงเทพฯ จะมีโอกาสเห็นตะวันดับครั้งถัดไปในเช้าวันที่ 8 มี.ค. 2904 (ค.ศ. 2361) มืดเต็มดวงนานประมาณ 2 นาที
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (14-21 มิ.ย.)
เวลาหัวค่ำมองเห็นดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดีเป็นดาวสว่างทางทิศตะวันตก สามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท ดาวศุกร์อยู่ในกลุ่มดาวปู ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต ดาวเคราะห์ทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกวัน จะใกล้กันที่สุดในคืนวันที่ 1 ก.ค. 2558 ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง ซึ่งอยู่บริเวณใกล้หัวของกลุ่มดาวแมงป่อง เริ่มเห็นในเวลาหัวค่ำทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นดาวเสาร์จะเคลื่อนสูงขึ้นจนผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ราว 4 ทุ่มครึ่ง ก่อนจะคล้อยต่ำลงไปตกลับขอบฟ้าราวตี 4 ช่วงที่ผ่านมา เราไม่มีโอกาสเห็นดาวพุธเนื่องจากดาวพุธเคลื่อนมาอยู่ในแนวระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ สัปดาห์นี้ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์มากขึ้นจนเริ่มปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด ทำมุมห่างดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 25 มิ.ย. ต้นสัปดาห์เป็นปลายข้างแรม ดวงจันทร์เสี้ยวอยู่ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด วันที่ 15 มิ.ย. จันทร์เสี้ยวบางๆ อยู่สูงเหนือดาวพุธราว 2 องศา แต่อยู่ใกล้ขอบฟ้าจนอาจสังเกตได้ยาก และอาจต้องใช้กล้องสองตา วันที่ 16 มิ.ย. ดวงจันทร์อยู่ในแนวระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์แสงอาทิตย์ตกกระทบผิวดวงจันทร์ด้านที่หันออกจากโลก ส่วนด้านที่หันเข้าหาโลกเป็นกลางคืน เราจึงเรียกว่าจันทร์ดับ หลังจากนั้นดวงจันทร์ย้ายไปอยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ เริ่มจากเป็นเสี้ยวบางๆ ในพลบค่ำวันที่ 17 มิ.ย. (ท้องฟ้าโปร่งจึงจะเห็นได้) พื้นที่ด้านสว่างของดวงจันทร์เพิ่มขึ้นทุกวันพร้อมกับเคลื่อนห่างดวงอาทิตย์มากขึ้น จันทร์เสี้ยวผ่านใกล้ดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดีในค่ำวันที่ 19-21 มิ.ย. โดยเฉพาะในคืนวันที่ 20 มิ.ย. ซึ่งดาวทั้งสามเรียงตัวกัน เมื่อลากเส้นระหว่างกันดูคล้ายสามเหลี่ยมด้านเท่า ยาวด้านละ 6-7 องศา วันที่ 21 มิ.ย. ดวงจันทร์เคลื่อนห่างดาวทั้งสองออกไป อยู่ใกล้ดาวหัวใจสิงห์ในกลุ่มดาวสิงโตที่ระยะ 5 องศา


