posttoday

ไหว้เจ้า 3 ศาล

30 พฤษภาคม 2558

พอเดินผ่านบางบ้านก็ทักทาย เรียกให้ผมกินข้าวต้มด้วย แต่ผมตอบปฏิเสธ แล้วรีบจ้ำอ้าว ผมจ้ำอ้าวๆ

โดย...ซิวซี แซ่ตั้ง

พอเดินผ่านบางบ้านก็ทักทาย เรียกให้ผมกินข้าวต้มด้วย แต่ผมตอบปฏิเสธ แล้วรีบจ้ำอ้าว ผมจ้ำอ้าวๆ อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ความที่เคยทำงานหนัก แบกของมามากทำให้ผมเร่งฝีเท้าได้เต็มที่โดยที่ยังรู้สึกสบายๆ

ราวตี 5 ครึ่งเห็นจะได้ ผมเดินผ่านมาถึงศาลเจ้าเล็กๆ บนเชิงเขา มีชื่อว่าศาลเจ้าเทียนหว่องหยา ซึ่งเป็นศาลเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน ศาลเจ้าแห่งนี้ต้องปีนเขาขึ้นไปสูงพอสมควร ผมแวะหยุดไหว้เจ้าที่ศาล โดยคุกเข่าไหว้คำนับถึง 12 ครั้ง พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าว่า

“ผมชื่อ ซิวซี แซ่ตั้ง ขอให้เจ้าดลบันดาลให้ผมเดินทางไปถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพด้วยเถิด ถ้าผมไปเมืองไทยแล้วไม่ตาย ตั้งตัวร่ำรวย ผมจะกลับมาสร้างศาลเจ้าเล็กๆ นี้ให้สวยงามกว่านี้”

ไหว้เจ้า 3 ศาล

 

หลังจากไหว้เสร็จ ผมรีบเร่งฝีเท้าออกเดินทางแข่งกับเวลาอีกครั้ง เดินไปได้สัก 100 เมตร ก็เจอศาลเจ้าที่สอง ชื่อศาลเจ้าชวนปักตุ้นปักกุง อยู่ทางด้านซ้ายของถนน ผมก็ตรงเข้าไปคุกเข่าคำนับ 12 ครั้งอีก พร้อมกับอธิษฐานแบบเดียวกันว่า ขอให้ช่วยเหลือข้าน้อยซิวซีให้เดินทางไปอำเภอเกี๊ยกหยองและไปถึงเมืองไทยด้วย

เวลานั้นยังเช้ามืดอยู่ พอมองเห็นหน้ากันรางๆ ผมรีบเดินตรงไปยังจุดที่มีจักรยานรับจ้างประจำอำเภอฟุงสุน ตกลงว่าจ้างกันในราคาราว 500 กวนกิม เพื่อให้จักรยานรับจ้างนั้นรีบปั่นพาผมไปส่งที่ท่าเรือในเมืองเกี๊ยกหยอง

ตลอดระยะทาง 30 กิโลเมตร ที่ผมนั่งซ้อนจักรยานมานั้น ถือเป็นระยะทางไกล คนธรรมดาที่ไม่ได้อยู่ในภาวะแบบผมคงต้องปวดเมื่อยก้น หรือขากางจนหุบไม่เข้า ตับไตไส้พุงแทบจะหลุดลงมากองรวมกัน แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไร ลืมความเจ็บปวดก้นที่ต้องนั่งซ้อนท้ายบนตะแกรงหลังจักรยาน ซึ่งมีเพียงฟางข้าวมัดซ้อนๆ กันแทนเบาะนานกว่า 4 ชั่วโมง เพราะจิตใจมัวแต่ฝักใฝ่มุ่งมั่นอยากไปให้ถึงท่าเรือให้เร็วที่สุด

เมื่อถึงที่หมายปลายทางแล้ว ผมรีบจ่ายเงินให้คนขี่จักรยาน ตรงจุดนั้นผมมองเห็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ประจำเมือง ชื่อ สังฟองเมี่ยว ศาลเจ้าหลังนี้แตกต่างไปจากสองศาลที่ผ่านมา ดูโอ่โถงน่าเลื่อมใส ผมรีบตรงเข้าไปคุกเข่าคำนับไหว้เจ้าอีก 12 ครั้ง

ไหว้เจ้า 3 ศาล

 

พร้อมกับอธิษฐานว่า

“ผม ซิวซี แซ่ตั้ง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ช่วยดลบันดาลให้ผมเดินทางไปถึงเมืองไทย ขอให้ไม่ตาย ขอให้ร่ำรวย ขอให้มีลูกเยอะๆ แล้วผมจะกลับมากราบไหว้ มาบริจาคเงินสร้างศาลนี้ให้ใหญ่โตและสวยงาม”

ที่ศาลเจ้าใหญ่แห่งนี้ มีคำกลอนสอนใจที่เขียนบนแผ่นไม้ขนาดกว้างเกือบ 2 คืบ ติดตั้งอยู่บนเสาต่างๆ ของศาลเจ้า มีหลายคำกลอนที่ผมอ่านแล้วประทับใจ คือ ให้เป็นคนขยัน อดทน และซื่อสัตย์ จะทำให้มั่งมี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี นอกจากนั้นยังให้ข้อคิดอีกมุมหนึ่งว่า

ถึงแม้จะทำดีทุกอย่างแล้ว แต่ยังไม่รวยเสียที ก็อาจเป็นเพราะว่ามีกรรมเก่าหลงเหลืออยู่ จากบรรพบุรุษแต่ชาติก่อน หากพยายามทำงาน ทำดีด้วยความอดทน มุ่งมั่นแล้ว เมื่อกรรมเก่าเบาบาง บุญใหม่ก็จะเสริมส่งให้ร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

ผมศรัทธาในคำสอนนี้ และตั้งใจว่าจะนำไปใช้ในชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าผมร่ำรวยเป็นเศรษฐี ผมจะกลับมาไหว้เจ้าและทำบุญที่ศาลสังฟองเมี่ยวนี้อีก

ออกจากศาลเจ้าผมตรงไปกินก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ก๋วยเตี๋ยวชามนั้นคืออาหารมื้อแรกที่ตกถึงท้องผม หลังจากที่ต้องนั่งซ้อนมาบนจักรยานรับจ้างเป็นระยะทางยาวไกลถึง 30 กิโลเมตร ตั้งแต่เช้ามืดจนถึงเที่ยง

(อ่านต่อฉบับวันเสาร์หน้า)

ข่าวล่าสุด

LIVE ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อีสปอร์ต FC Mobile ไทย พบ เวียดนาม นัดชิงฯ วันนี้