เมื่อพระยามโนฯ เจอปฏิวัติ
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2476 เกิดการยึดอำนาจหรือปฏิวัติซ้อนขึ้นมาในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2476 เกิดการยึดอำนาจหรือปฏิวัติซ้อนขึ้นมาในประเทศไทย ทั้งๆ ที่การปฏิวัติ 24 มิ.ย. 2475 ขาดไป 4 วันจะครบ 1 ปี ในเวลานั้นพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย ที่คณะราษฎรเลือกมานั่งบริหารประเทศ
พระยามโนฯ รู้ไหมว่าจะมีการปฏิวัติ รู้แต่ไม่มีใจที่จะปราบปราม เสาวรักษ์ เล่าไว้ในหนังสือ ตัวตายแต่ชื่อยัง ว่า ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กับ พ.ต.อ.พระยาธรณีนฤเบศร์ ผบ.ตร.ภูบาล นายตำรวจซึ่งเป็นผู้บัญชาการรู้การเคลื่อนไหวการก่อการกบฏ ไปแจ้งข่าวให้พระยามโนฯ ที่บ้านพักถนนสาทร ตอนกลางดึกวันที่ 19 มิ.ย. โดยเล่าด้วยความร้อนรนว่าจะมีทหารก่อการกบฏ ขอให้รัฐบาลเตรียมปราบกบฏ พระยามโนฯ ฟังแล้วตอบว่า
แม้การกบฏจะเป็นการร้าย แต่การปราบกบฏก็เป็นการร้ายไม่แตกต่างกัน เพราะต้องทำลายชีวิตคนชาติเดียวกันลงไป ใครเป็นฝ่ายก่อการร้ายก็ปล่อยให้เขาทำไปข้างเดียว ตัวผมไม่ก่อการร้ายตามเขาไปด้วย ขอบพระคุณที่อุตส่าห์มาบอก เชิญกลับบ้านเถิด ผมจะนอนล่ะ เข้าใจนะว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้ไม่ต่อสู้และปราบกบฏ เพราะพวกกบฏก็ปรากฏตัวแล้วว่าเป็นผู้รู้ผิดชอบชั่วดี มีความรักชาติประเทศไทยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
เสาวรักษ์ เขียนว่า ในคราวนั้น เลขา ครม.และ ผบ.ตร.ภูบาลมีอาการหงายท้องเมื่อนายกรัฐมนตรีไม่ปราบกบฏ บอกให้คณะที่ไปพบกลับบ้าน เพราะเป็นเวลาตี 1 แล้ว นายกรัฐมนตรีจะเข้านอน เป็นอันว่าการกบฏในสายตาของรัฐบาล กลายเป็นปฏิวัติซ้อนโดยมีผู้นำคือ พ.ต.หลวงพิบูลสงคราม
มีเกล็ดเล็กน้อยว่า เช้าวันนั้นมีคนไปหา ร.อ.หลวงบวรบรรณารักษ์ (นิยม รักไทย) ถามถึงอุปสรรคของการปฏิวัติว่าจะมีอะไรไหม คุณหลวงหลับตาเล็งญาณครู่หนึ่งพูดว่า อ๋อ ราบรื่น ไปบอกพระยาพหลฯ ด้วยว่าขอให้ตั้งใจทำการเพื่อประเทศชาติเถิด ความที่หลวงบวรบรรณารักษ์ มีตาใจมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ มีอายุสูง ครึ่งชาติไทย-ฝรั่ง มีความรู้ขนาดเสถียรโกเศศ+นาคประทีป ขณะที่เป็นครูโรงเรียนนายร้อยเคยทำนายว่า วันที่ เดือน และปีอะไร ที่ไทยจะประกาศสงครามกับเยอรมนี (สงครามโลกครั้งที่ 1) รัฐบาลประกาศตามวันเวลานั้นจริงความทราบถึงสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงลงโทษกักบริเวณ โทษฐานเปิดเผยความลับของประเทศชาติ เป็นเรื่องประหลาดของคนในสมัยนั้น
พระยามโนฯ นายกรัฐมนตรี ไม่หนีไปไหน นั่งรอคณะปฏิวัติที่บ้าน จนกระทั่งตอนสายๆ จึงมีนายทหาร 4 นาย เช่น พ.ต.หลวงกาจสงคราม (เทียน เก่งระดมยิง) มาที่บ้าน นายกรัฐมนตรีได้ให้ต้อนรับพร้อมกับยื่นจดหมายลาออกจากนายกรัฐมนตรี โดยพูดว่า ผมหมดหน้าที่แล้วในการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อคืนนี้ราวตีหนึ่งมีคนมาปลุก และบอกเล่าว่าพวกท่านจะทำการยึดอำนาจปฏิวัติซ้อน เขาเสนอแนะให้ผมต่อสู้และปราบปราม แต่ผมไม่สมัครจะทำให้คนไทยด้วยกันต้องล้มตายลง จึงคอยที่จะมอบใบลาออกให้แก่พวกท่าน
แม้จะลาออกโดยสมัครใจ แต่ก็อยู่ไม่ได้ จึงต้องไปอยู่ปีนัง และถึงอสัญกรรมที่นั่น
อัฐิของท่านถูกอัญเชิญมาบรรจุไว้ที่อนุสาวรีย์ 4 หน้า ที่หน้าวิหารวัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร เคียงข้างกับคุณหญิง ที่เคยเป็นนางสนองพระโอษฐ์พระราชินีรัชกาลที่ 7 แล้วถึงแก่กรรมจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ก่อนที่จะถูกคณะราษฎรเชิญนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น พระยามโนฯ เคยนั่งตำแหน่งอธิบดีศาลสูง เป็นญาติกับ พ.อ.พระยาทรงสุรเดช เป็นผู้ใกล้ชิดเบื้องยุคลบาท เพราะคุณหญิงเป็นนางสนองพระโอษฐ์ นอกจากนั้นพระยามโนฯ ยังเหี้ยมหาญไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวอันเป็นลักษณะเด่น หรือพึงประสงค์ในระบอบประชาธิปไตย
เรื่องมีอยู่ว่า พระยามโนฯ เป็นกรรมการในการปลดข้าราชการออกใน พ.ศ. 2471 เพื่อสร้างดุลยภาพทางการเงิน ท่านเสนอว่าคนที่ควรถูกปลดคือตัวท่าน มิใช่ผู้น้อย ที่ยังมีเงินเดือนน้อย แต่ผู้ทำงานมานาน ตำแหน่งใหญ่เงินเดือนมากถูกปลดก็ไม่เดือดร้อน นับแต่วันนั้นท่านก็เป็นดาวเด่นในเมืองไทย
เสาวรักษ์ว่า พระยามโนปกรณ์นิติธาดา มีเกียรติประวัติงดงาม ไม่มีใครในสมัยนั้นเสมอเหมือน
ส่วนประวัติส่วนตัวมีว่า ท่านมีชื่อเดิมว่า ก้อน นามสกุล หุตะสิงห์
เกิดวันที่ 15 ก.ค. 2427 จังหวัดพระนคร ถึงอสัญกรรม 1 ต.ค. 2491 (64 ปี) ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย คู่สมรส คุณหญิงนิตย์ มโนปกรณ์นิติธาดา การศึกษา จบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ
โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม (เนติบัณฑิตสยาม) The Middle Temple (เนติบัณฑิต) ประเทศอังกฤษ เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 1 : 28 มิ.ย. 2475-9 ธ.ค. 2475 (คณะรัฐมนตรี คณะที่ 1)
สมัยที่ 2 : 10 ธ.ค. 2475-1 เม.ย. 2476 (คณะรัฐมนตรี คณะที่ 2)
สมัยที่ 3 : 1 เม.ย. 2476-20 มิ.ย. 2476


