posttoday

นวลพรรณ ล่ำซำ พลิกประวัติศาสตร์วงการกีฬา

17 พฤษภาคม 2558

ด้วยสังคมแห่งความทัดเทียมและการมีบทบาทมากขึ้นของอิสตรีในปัจจุบัน ชื่อของ นวลพรรณ ล่ำซำ

ด้วยสังคมแห่งความทัดเทียมและการมีบทบาทมากขึ้นของอิสตรีในปัจจุบัน ชื่อของ นวลพรรณ ล่ำซำ ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของเมืองไทยในฐานะ “ผู้หญิงเก่ง” คนหนึ่ง

นอกจากจะเป็นกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย และประธานกิตติมศักดิ์บริษัท ซังออนอเร่ (กรุงเทพ) ผู้นำเข้าแบรนด์แฟชั่นระดับโลก เช่น แอร์เมส แบรนด์หรูจากฝรั่งเศส ครั้งหนึ่งยังเคยเข้ามาเล่นการเมือง ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และตอนนี้ก็ยังพ่วงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ สาธารณรัฐลิทัวเนีย ณ กรุงเทพมหานคร อีกด้วย

แต่บทบาทที่โดดเด่นและถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่สร้างประวัติศาสตร์พาทีมฟุตบอลหญิงไปฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 6 มิ.ย.-5 ก.ค.นี้ ที่ประเทศแคนาดา

เกือบ 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่ นวลพรรณ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “มาดามแป้ง” ได้เริ่มต้นเส้นทางสายกีฬาด้วยตำแหน่งผู้จัดการทีมกีฬาคนพิการ เมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นผลพวงมาจากบริษัท เมืองไทยประกันภัย มีนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการ และได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยเล็งเห็นถึงประสบการณ์ที่มีต่องานด้านคนพิการ และเชิญมาเป็นผู้จัดการทีมกีฬาคนพิการหญิงคนแรก

หลังทำอยู่ได้ 2 ปีและประสบความสำเร็จพอสมควร ก็ได้รับทาบทามจาก “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิง

“ตอนคุณวรวีร์เชิญให้มาเป็นผู้จัดการทีมหญิง ก็บอกไปว่าเล่นบอลไม่เป็น แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบดูฟุตบอลอยู่แล้ว คุณวรวีร์ก็บอกว่าไม่ได้ให้มาเล่น ให้มาดูแล ซึ่งหลังจากเข้ามาทำทีม ได้เจอเด็กๆ ในทีม ทุกคนน่ารัก ใสๆ มีน้ำใจนักกีฬา ก็รู้สึกประทับใจและผูกพัน” นวลพรรณ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำทีมฟุตบอลหญิง

ตอนนั้นฟุตบอลหญิงยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก ทั้งในเรื่องของความนิยมในการเล่นและการติดตามของแฟนกีฬา ซึ่งมาดามแป้งได้เข้ามาเริ่มผลักดันให้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนทีมสตาฟฟ์โค้ช ซึ่งมีการดึงโค้ชชาวบราซิลเข้ามาดูแล ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นโค้ชไทยเพราะปัญหาเรื่องภาษา หรือการนำเอาวิทยาศาสตร์การกีฬาและโภชนาการเข้ามา

ล้มลุกคลุกคลานอยู่ 4-5 ปี ก็เริ่มประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน ด้วยการคว้าแชมป์ซีเกมส์ที่พม่า ปลายปี 2556 และมาประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์คว้าสิทธิไปฟุตบอลโลก 2015 ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงยังไม่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือสร้างผลงานมากมายอะไรในวงการกีฬา แต่โชคดีที่มีทีมงานและลูกทีมที่เก่ง มีความสามัคคีกลมเกลียว และมุ่งมั่นตั้งใจจริง โดยถือปรัชญาแม้ทุกวันนี้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปมาก แต่บุคลากรยังเป็นหัวใจสำคัญของงานทุกอย่าง

“ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจหรือกีฬา ทุกอย่างต้องเดินด้วยคนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นความสุขในทีมคือสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช หรือทีมงาน เพราะเชื่อว่าเมื่อทุกคนมีความสุขก็จะทำงานออกมาดี มีประสิทธิภาพ”

การบริหารความสุขในแบบฉบับของ นวลพรรณ คือการเข้ามาดูแลช่วยเหลือแทบทุกอย่าง ให้ความใส่ใจ มอบความรักความเป็นกันเอง ให้กำลังใจและสร้างแรงศรัทธาในตัวเองให้เกิดขึ้นในทีม โดยถือคติเน้นอยู่กันเป็นครอบครัว ดูแลทุกข์สุขของทุกคนให้มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา นักเตะทีมหญิงแทบไม่มีปัญหากันเองเลย

แม้จะมีภารกิจหลายๆ ด้าน จนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว แต่ก็จะพยายามหาโอกาสไปเยี่ยมและให้กำลังใจนักกีฬาทั้งระหว่างฝึกซ้อมและแข่งขัน อย่างเช่นในศึกชิงแชมป์อาเซียนที่สาวไทยคว้าแชมป์สมัยที่ 2 มาครองได้สำเร็จ มาดามแป้งต้องบินไป-กลับเวียดนาม 2 รอบในรอบ 3 วัน เพื่อเป็นกำลังใจข้างสนามให้ทีมฟุตบอลหญิงในรอบรองชนะเลิศและชิงชนะเลิศ เพราะต้องทำหน้าที่ทั้งด้านธุรกิจและกีฬาควบคู่กันไป จึงเป็นที่เคารพรักของทุกคนในทีม

ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทิ้งความสำคัญในเรื่องเงิน เพราะต้องยอมรับว่านักกีฬาส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด มีภาระเลี้ยงดูครอบครัว แต่รายได้ยังห่างไกลจากฟุตบอลชายที่มีทั้งสปอนเซอร์รุมเร้าและค่าเหนื่อยจากสโมสรในหลักแสนต่อเดือน ขณะที่แข้งหญิงยังมีผู้สนับสนุนค่อนข้างน้อยและมีรายได้แค่หลักหมื่นกว่าบาทเท่านั้น โดยนักกีฬาที่จบปริญญาตรีตัวหลักๆ กว่า 20 คน ก็ได้รับเป็นพนักงานเมืองไทยประกันภัย มีเงินเดือนและสวัสดิการให้ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการทำทีมต่างๆ

เป็นที่มาของฉายา “นางฟ้าวงการกีฬา” ที่ไม่ใช่แค่สวยเก่ง แต่บริหารจัดการด้วย “หัวใจ” จนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งที่ยังขาดการสนับสนุนเท่าที่ควร

แต่บทบาทด้านกีฬายังไม่หยุดแค่นั้น เมื่อไม่นานมานี้ได้พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังไทย ด้วยการควักกระเป๋า 100 ล้านบาท เทกโอเวอร์สโมสรเก่าแก่อย่างการท่าเรือ ด้วยสัญญาเอ็มโอยู 5 ปี และเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งแท่นประธานบริหารสโมสรฟุตบอลไทย พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “การท่าเรือ เมืองไทยประกันภัย เอฟซี” และใช้ “ม้า” เป็นโลโก้ใหม่

“การได้เข้ามาคลุกคลีกับวงการฟุตบอลหญิง ทำให้เริ่มศึกษาเรื่องฟุตบอลลีกอาชีพของเมืองไทย และกลายเป็นความชอบ จึงเกิดความคิดต้องการทำทีมฟุตบอล เพราะบทบาทหน้าที่ไม่ได้ซ้ำซ้อนกัน และประจวบเหมาะกับช่วงนั้นการท่าเรือมีปัญหาพอดี และผู้บริหารท่าเรือก็ได้เข้ามาพูดคุย เลยได้มาลงตัวที่ทีมนี้ ซึ่งการเป็นประธานสโมสรหญิงคนแรกในไทยลีก ถือว่าค่อนข้างท้าทาย และมีแรงผลักดันที่จะทำทีมให้ประสบผลสำเร็จตามความคาดหวังของแฟนบอล” นวลพรรณ เล่าให้ฟัง

การกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นคืออีกแนวทางหนึ่งในการทำงานของผู้หญิงแถวหน้าคนนี้ ด้วยความคิดที่ว่า เมื่อเข้ามาแล้ว ก็อยากปรับปรุงระบบการจัดการใหม่ให้ดีขึ้น ได้มีการนำทีมบริหารเข้ามาปรับเปลี่ยนการจัดการ แต่ที่มีการพูดถึงมากที่สุด เมื่อ “โค้ชฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม ประกาศลาออกแบบกะทันหันหลังผ่านไป 5 นัดผลงานไม่ดี ชนะ 1 แพ้ 4 และมีการแต่งตั้ง ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมจีเอสอี สมุทรสงคราม เป็นเฮดโค้ชคนใหม่แทน ซึ่งมาดามแป้งยืนยันเป็นการจากกันด้วยดี

แม้เรื่องผลงานคงต้องให้เวลาดูกันยาวๆ แต่สิ่งที่เห็นผลในระดับหนึ่งแล้วก็คือ ภาพลักษณ์แฟนบอลฮาร์ดคอร์ของการท่าเรือเบาลงไปมาก เพราะนับตั้งแต่เข้ามาทำทีมยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเลย

“การแข่งขันกีฬาย่อมมีแพ้มีชนะเป็นเรื่องปกติ ผู้ที่พ่ายแพ้ก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่ถามว่าท้อมั้ย อาจจะมีบ้าง แต่อย่างไรก็ยังคงสู้ไม่ถอย ด้วยพลังแรงเชียร์และกำลังใจจากแฟนบอล ไม่ว่าจะเป็นบอลหญิงหรือสโมสรท่าเรือ ที่คอยเป็นแรงผลักดันให้เรามีแรงสู้ ทำให้เราผ่านความเสียใจมาได้ทุกครั้ง พยายามทำไปเรื่อยๆ ปรับปรุง แก้ไขในจุดที่บกพร่อง และเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม”

ซีอีโอเมืองไทยประกันภัย ไม่ปฏิเสธว่าการเข้ามาทำงานด้านกีฬาคือส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ “สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง” ของการสร้างแบรนด์ธุรกิจ เพราะที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายกิจกรรมด้านสังคม โดยเน้นที่ด้านกีฬามาอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) หลักของบริษัท เพราะเชื่อว่ากีฬาสามารถพัฒนาคน และคนสามารถพัฒนาชาติ ที่สำคัญ พลังของคนเชียร์กีฬา คือบรรยากาศของความรัก ความสามัคคี ที่สร้างความสุขให้ทั้งตัวผู้เล่นและผู้ชม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังและเป็นเป้าหมายของการทำงานด้านกีฬาอยู่แล้ว

อนาคตจะมีความเป็นไปได้ในการยกระดับบทบาทในวงการกีฬามากขึ้นอีกหรือไม่ นวลพรรณ ยังบอกไม่ได้ แต่ยืนยันจะพยายามทำหน้าที่ปัจจุบันให้เต็มที่ และนำความสุขมาสู่แฟนๆ กีฬาให้มากที่สุด

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ