"ใครรุกล้ำต้องออกไป" กทม.ย้ำจุดยืนจัดระเบียบคลอง
ความพยายามในการ จัดระเบียบพื้นที่ริมคลองในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งมีปัญหา
ความพยายามในการ จัดระเบียบพื้นที่ริมคลองในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งมีปัญหา
บ้านเรือนต่อเติมรุกล้ำกีดขวางทางน้ำมีมาเนิ่นนานแล้ว แต่ไม่เคยมีรัฐบาลใดแก้ปัญหาได้ อย่างไรก็ตามมาถึงยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นโยบายการจัดระเบียบคลอง กทม.ก็ถูกหยิบยกมาดำเนินการอย่างจริงจังอีกครั้ง
กังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. หนึ่งในผู้รับหน้าที่สำคัญในการปรับปรุงพื้นที่ริมคลองแต่ละเส้นทาง อธิบายรูปแบบการขุดลอกคลองว่าต้องทำให้มีความลึกอยู่ที่ -3 จากระดับน้ำทะเลกลาง หรือประมาณ 4 เมตรจากสันเขื่อนลงไปถึงก้นคลอง รูปแบบนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ดียิ่งขึ้น จากเดิมการระบายน้ำทำได้เพียง 15 ลบ.ม./วินาที ก็จะเพิ่มเป็น 40 ลบ.ม./วินาที ช่วยให้ระบายน้ำท่วมขังบนผิวการจราจรได้รวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้สามารถดึงน้ำจากคลองหกวาสายล่างจาก จ.ปทุมธานี ไหลผ่านมาลงสู่อุโมงค์ระบาย ก่อนจะมุ่งหน้าออกสู่คลองแสนแสบอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนความกว้างของคลองต้องหารือกับกรมธนารักษ์อีกครั้ง เพราะเส้นทางน้ำแต่ละแห่งอาจมีความกว้างไม่เท่ากัน ตามหลักแล้วแนวเขตคลองควรมีความกว้างอยู่ที่ 60-70 เมตร แต่ กทม.มีขนาดร่องน้ำให้ใช้ 38 เมตรเท่านั้น จึงเป็นงานที่กรมธนารักษ์ต้องเจรจากับชาวบ้านที่รุกล้ำคลองให้ยอมย้ายออก เพื่อเปิดทางความกว้างได้อย่างเพียงพอ
กังวาฬ กล่าวว่า จากประสบ การณ์ก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทางกว่า 77 กม. มีบ้านเรือนรุกล้ำลงมาในแม่น้ำถึง 30 เมตร ต้องใช้เวลาเจรจานานถึง 10 ปี ส่วนใหญ่เป็นคนรวยที่ฉวยโอกาสสร้างบ้านเพื่อเก็บค่าเช่า ซึ่งก็ได้พยายามเจรจาให้รื้อถอนออกไป แต่ถ้าคุยกันไม่ได้ การตัดสินใจสร้างเขื่อนริมน้ำผ่ากลางชุมชนก็เคยทำมาแล้ว เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ถ้าลงมือทำจริง ไม่ว่ามั่งมีหรือยากจนหากรุกล้ำต้องย้ายออกจากพื้นที่ไม่มีการยกเว้น
สำหรับอุปสรรคการจัดระเบียบคลองรอบนี้ มีบ้านเรือนที่รุกล้ำลงไปในลำคลองทั้งสิ้น 3,023 หลังคาเรือน จำนวนประชากรโดยประมาณ 1.3 หมื่นคน อยู่ในแนวที่ต้องถูกรื้อถอนออกจากบริเวณริมคลองให้หมด โดยจุดที่มีการรุกล้ำ อาทิ บริเวณตลอดแนวใกล้ถนนพหลโยธิน คลองบางบัว และช่วงด้านปลายของคลองแสนแสบ
ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำสะท้อนปมปัญหาว่า ถ้าชาวบ้านไม่ยอมออกจากพื้นที่จะส่งผล กระทบเหมือนอุทกภัยปี 2554 ที่ไม่มีน้ำถูกระบายลงสู่อุโมงค์ เพราะน้ำถูกขวางด้วยบ้านเรือน ที่ผ่านมา กทม.ขุดลอกคลองไม่ได้ เพราะกลัวบ้านเรือนพังเสียหาย ดังนั้นถ้าขุดลอกคลองได้ลึกตามที่ตั้งเป้าไว้ น้ำจะถูกระบายลงอุโมงค์ได้เร็วขึ้น การแก้ปัญหาน้ำท่วมขังพื้นที่ปริมณฑลเหนือ กทม.จะยุติลง ไม่ต้องเถียงกันอีกว่า กทม.ปิดประตูน้ำกั้นไว้หรือไม่ เพราะความจริงแล้วขณะนั้นปลายทางไม่มีน้ำให้ระบายได้นั่นเอง
“ชาวบ้านบางส่วนยื่นข้อเสนอให้ กทม.ปรับปรุงคลองได้ แต่ต้องสร้างบ้านให้พวกเขาใหม่นั้น ยืนยันว่า กทม.ไม่มีหน้าที่ปรับปรุงบ้านให้ใคร คุณทำผิดกฎหมาย คุณทำให้ กทม.เสียหาย ดังนั้นการที่ผมไปทำบ้านให้ใหม่ก็เท่ากับไปส่งเสริมให้รุกล้ำ การอ้างว่าอยู่มานานทั้งที่ทำผิดเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถามกลับว่ารุกล้ำแบบนี้ได้เสียค่าเช่าหรือไม่ อยู่มาฟรีทั้งชีวิตในที่สาธารณะ สร้างความเดือดร้อนให้ส่วนรวม ด้วยการทิ้งขยะ น้ำเสียลงคลองโดยตรงไม่มีการบำบัด กีดขวางทางระบายน้ำ ทำแบบนี้จะอยู่กันได้อย่างไร บ้านเมืองต้องเคารพกฎหมาย ถ้าจัดระเบียบได้ก็แก้ปัญหาได้หลายอย่าง” กังวาฬ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
กังวาฬ กล่าวเน้นย้ำด้วยว่า การจัดระเบียบต้องทำในยุคนี้เท่านั้น ทำยุคอื่นไม่ได้ เพราะจะถูกนักการเมืองอย่าง สส. สก.ในพื้นที่ขัดขวาง เนื่องจากการรื้อถอนเป็นการทำลายฐานเสียง กลายเป็นเรื่องการเมือง ทั้งที่ กทม.พยายามปรับปรุงคลองมายาวนานมาก ยิ่งเป็นคลองสาธารณะ ยิ่งต้องลงมือทำ ดังนั้นผู้ที่รุกล้ำอยู่ควรอาศัยโอกาสนี้หาที่อยู่ใหม่ เพราะมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เยียวยาจัดหาสถานที่อยู่ใหม่ให้แล้ว
“การเมืองในพื้นที่เป็นปัญหาต่อการพัฒนามาก เพราะเขาพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง เป็นแบบนี้หมดทุกยุค ยอมรับว่าการที่ คสช.ออกคำสั่ง ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้พัฒนาปรับปรุงในเรื่องที่ทำไม่ได้มาช้านานแล้ว” กังวาฬ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานปรับปรุงคลองยังไม่อาจการันตีได้ว่า ถ้าเกิดภาวะฝนตกหนักน้ำจะไม่ท่วมถนน เพราะมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น พายุเข้าติดต่อกันหลายลูก ปริมาณน้ำฝน และระยะเวลาที่ฝนตก แต่ทั้งหมดได้รับการศึกษาและเก็บข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากยังมีน้ำท่วมขังที่ใดอีก ต้องแก้ไขเป็นรายจุดไป
สำหรับคลองนำร่องที่จะจัดระเบียบมี 9 คลองด้วยกัน ประกอบด้วย 1.คลองลาดพร้าว 2.คลองเปรมประชากร 3.คลองบางเขน 4.คลองสามวา 5.คลองลาดบัวขาว 6.คลองพระยาราชมนตรี 7.คลองบางซื่อ 8.คลองประเวศบุรีรมย์ และ 9.คลองพระโขนง โดยการก่อสร้างจะเริ่มจากคลองลาดพร้าวเป็นแห่งแรก เนื่องจากมีอุปสรรคน้อยที่สุด สามารถลงมือก่อสร้างได้ทันที
กังวาฬทิ้งท้ายว่า การปรับปรุงคลองนำร่องทั้ง 9 สายจะเป็นบทพิสูจน์ว่า การจัดระเบียบปัญหาหมักหมมมายาวนานสามารถแก้ไขให้ลุล่วงได้สำเร็จ แม้จะต้องอาศัยช่วงเวลาของรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น ก่อนจะขยายต่อไปปรับปรุงคลองอีก 34 แห่งในอนาคต &O5532;


